ปราสาทบนยอดเขาแห่งโลกเทพนิยาย

 Dunnottar Castle



Dunnottar Castle ตั้งอยู่ที่ประเทศสก๊อตแลนด์ เป็นปราสาทบนเนินผาริมทะเล เคยเป็นที่พำนักของ ราชวงศ์ของ Earls Marischal แห่งสก๊อตแลนด์ ครั้งหนึ่งเคยเป็นราชวงศ์ที่มีอำนาจสูงสุดในดินแดนนั้น และยังเป็นราชวงศ์ที่มีอำนาจในการควบคุมกิจกรรมที่เป็นพิธีการต่างๆรวมถึงพิธีราชาภิเษกอีกด้วย เคยถูกใช้เป็นป้อมปราการ ครอบคลุมพื้นที่ 3.5 เอเคอร์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 แต่เดิมภายในตกแต่งอย่างสวยงาม แม้ปัจจุบันจะเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ยังมีความงดงามเฉกเช่มเดิม
ทางเดินไปปราสาทค่อนข้างทำไว้ดีอย่างมาก มีทางเล็กแคบๆ แตกแขนงให้ไปอีกฝั่งหนึ่งของภูผา เพื่อได้ถ่ายรูปใกล้ชิดกับปราสาทในอีกรูปแบบหนึ่ง และมองเห็นอีกด้านหนึ่งของปราสาทได้อย่างชัดเจน 



ปราสาทนี้ต้อนรับการเยี่ยมเยือนของเมล กิบสัน ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Hamlet  และเจมส์ แมคอาวอยและแดเนียล แรดคลิฟ กับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Victor Frankenstein ทั้งยังเป็นต้นแบบของปราสาท DunBroch  อนิเมชั่นของ Disney ในเรื่อง Brave
Cr.http://www.pentorexchange.com/news_view.php?id=178




Hochosterwitz


Burg Hochosterwitz หรือ Hochosterwitz Castle คือหนึ่งปราสาทตำรับเทพนิยายบนยอดเขาแห่งออสเตรียแนวอัศวินย้อนยุคสุดงดงามบนยอดเขาความสูง 160 เมตร ใกล้กับเมือง Sankt Georgen am Längsee ในเขตรัฐ Carinthia ทางตอนใต้ของประเทศ Austria ห่างจากเมืองใหญ่อย่าง Klagenfurt เพียง 20 กิโลเมตร

ปราสาทยุคกลางในดินแดนออสเตรียแห่งนี้ถูกกล่าวถึงครั้งแรกเมื่อปี 860 โดยใช้เป็นที่ประทับของพระเจ้า Louis the German แห่ง East Francia โดยมีการเปลี่ยนถ่ายผู้ถือครองตามกาลเวลาเรื่อยมา  ปัจจุบันเป็นสมบัติของตระกูล Khevenhüller ซึ่งอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้านในปราสาทที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ได้บางส่วน โดยปิดตลอดช่วงหน้าหนาว

สร้างขึ้นในปีค.ศ.860 โดย King Louis the German แห่ง East Francia ประสาทแห่งนี้มีความโดดเด่นอยู่ในแถวหน้าของยุโรป ตั้งแต่สมัยจักรวรรดิออตโต ถนนทางเข้านั้นเลื่องชื่อในด้านความชันและความคดเคี้ยว เพราะตัวปราสาทตั้งอยู่บนเขาที่สูงจนสามารถมองเห็นจากที่ไกลๆได้ ไฮไลท์อื่นๆคือโบสถ์ภายในปราสาทที่มีความแปลกตา และภาพวาดฝาผนังเก่าแก่ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในศิลปะทางประวัติศาสตร์  และยังมีที่เก็บคลังอาวุธที่น่าตื่นตาตื่นใจ
Cr.CREDIT www.planetware.com
Cr.https://www.facebook.com/tieweng/posts/2305843929456939/




Neuschwanstein Castle


ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) ในปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตเมืองชวานเกา (Schwangau) ความงดงามของปราสาทหลังใหญ่สีขาวบนยอดเขาถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1869 และใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 17 ปี ผู้ดำริสร้างคือ “พระเจ้าลุดวิกที่ 2” (Ludwig II) กษัตริย์หนุ่มแห่งบาวาเรียที่ทรงมีแรงบันดาลพระทัยจากความชื่นชอบในอุปรากรและบทละครเรื่อง “Swan Knight Lohengrin” ซึ่งประพันธ์โดย “Richard Wagner” นักประพันธ์เพลงอุปรากรชาวเยอรมัน พระเจ้าลุดวิกที่ 2 ทรงต้องการสร้างปราสาทที่หรูหราอลังการด้วยพระราชทรัพย์จำนวนมหาศาล โดยมี “Edurd Riedel” “Christian Jank” และ “Georg Dollmann” ทำหน้าที่เหมือนสถาปนิกสร้างสรรค์รูปแบบของปราสาท

ย้อนกลับไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อนปราสาทนอยชวานชไตน์คือตัวแทนของสิ่งก่อสร้างที่ทันสมัยและล้ำยุคที่สุดในยุคนั้น ปราสาทถูกออกแบบให้มีระบบน้ำที่ดีเยี่ยม มีระบบการผลิตน้ำเย็น น้ำร้อน น้ำอุ่นพร้อมสรรพ มีระบบการให้ความร้อนในลักษณะคล้ายฮีทเตอร์ภายในปราสาทสำหรับช่วงฤดูหนาว และยังมีระบบชักโครกในห้องขับถ่ายอีกด้วย
แต่น่าเสียดายที่พระเจ้าลุดวิกที่ 2  สวรรคตอย่างมีปริศนาโดยมีผู้พบพระศพอยู่ในทะเลสาบ “Starnbergersee” คงเหลือเพียงปราสาทหลังนี้ให้ได้ชมความอลังการถึงปัจจุบัน  ชื่อของมีความหมายดังนี้
neu = new แปลว่าใหม่
schwan = swan แปลว่าหงส์
stein = stone แปลว่าหิน
ฉะนั้นนอยชวานสไตน์ จึงแปลว่าปราสาทหินหงส์ใหม่



ภายในปราสาทจะพบกับการตกแต่งตามฉากในบทละคร ห้องต่างๆ ที่สวยงามพร้อมภาพวาดของ Richard Wagner หลายชิ้น ปราสาทนนี้เป็นแรงบันดาลใจต้นแบบปราสาทของเจ้าหญิงนิทราในอนิเมชั่นของ Disney อีกด้วย
Cr.https://checktour.com/ดูบทความ-26407-5-ปราสาทงามแห่งเยอรมัน.html
Cr.https://www.marketingoops.com/digital-life/disney-castle/




Eltz Castle



ในเมือง “Münstermaifeld” เป็นที่ตั้งของ ปราสาทเอลทส์ (Eltz Castle)   คฤหาสน์หลังงามของบุคคลในตระกูล เอลทส์ (Eltz) ยาวนานกว่า 850 ปี และเป็นสถานที่สืบทอดสายเลือดแห่งเอลทส์มาแล้วถึง 33 รุ่น โดยที่รุ่นแรกของตระกูลนี้เริ่มต้นที่ “Rudolf zu Eltz” ผู้เป็นเจ้าของปราสาท

ในทายาทรุ่นถัดมาได้มีการต่อเติมเสริมแต่งปราสาทให้ใหญ่โตขึ้น มีการขยายพื้นที่สร้างเป็นหอคอย มีป้อมปราการขนาดใหญ่ และนับจนถึงปัจจุบันตัวปราสาทเอลทส์ยังคงสภาพที่สมบูรณ์ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะการที่มีผู้อยู่อาศัยมาตลอดนั่นเอง ทำให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ

ปราสาทเอลทส์ถือเป็นปราสาทที่สวยงามมากอีกหลังหนึ่งในเยอรมนี ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเนินดินที่สูงถึงประมาณ 70 เมตร มียอดแหลมโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เบื้องล่างคือแม่น้ำ “Moselle” ภายในปราสาทมีการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ ภาพเขียนและข้าวของเครื่องใช้โบราณหลายชิ้นซึ่งล้วนแต่เป็นของมีค่าทั้งสิ้น โดยเฉพาะจำพวกเครื่องประดับที่ทำจากเงินและทอง รวมถึงอาวุธโบราณตั้งแต่ในยุคกลางก็มีให้ชมจำนวนมาก
Cr.https://checktour.com/ดูบทความ-26407-5-ปราสาทงามแห่งเยอรมัน.html





Segovia Castle



ปราสาทแห่งเซโกเบีย หรือ ปราสาทอัลคาซาร์ (Segovia Castle) หลายคนเรียกว่าปราสาทแห่งเทพนิยาย เพราะความสวยสง่างามที่มองเห็นได้จากภายนอก  คำว่า Alcázar ในภาษาสเปน และคำว่า Alcácer ในภาษาโปรตุเกส ล้วนมาจากคำภาษาอารบิก ‘อัล-กัซร์’ แปลว่า ‘พระราชวัง’ หรือ ‘ป้อมปราการ’ 

ตั้งอยู่บนชะง่อนผาสูงที่แม่น้ําสองสาย ไหลมาบรรจบกัน  สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 แล้วได้รับการต่อเติมในศตวรรษที่15 และ 16 มีลักษณะเหมาะแก่การตั้งรับข้าศึกในอดีต เพราะมีทั้งช่องขนาดใหญ่ใช้สําหรับติดตั้งอาวุธ และมีช่องสําหรับเทน้ําเดือดเพื่อทําลายกองทัพข้าศึกที่เข้าประชิดกําแพงเมือง

 ปราสาทอัลคาซาร์ ดั้งเดิมนั้นเป็นป้อมปราการในสมัยโรมัน ก่อนที่จะได้รับการปรับเปลี่ยนกลายเป็นที่ประทับของราชวงศ์ในอาณาจักรคาสติล และความที่เคยเป็นป้อมปราการมาก่อน ปราสาทที่อยู่เบื้องหน้าจึงไม่อ่อนหวานหรูหราเช่นปราสาทนอยชวานสไตน์ที่สร้างขึ้นโดยมีเป้าประสงค์สำหรับเป็นที่ประทับในแวดล้อมธรรมชาติที่ห่างไกลโดยเฉพาะ

ภายในปราสาทนี้ได้จัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์สําหรับแสดงของมีค่าทางประวัติศาสตร์ทั้งหลาย ห้องใต้หลังคาเป็นที่แสดงแสนยานุภาพของอาวุธในสมัยกลาง รวมถึงเครื่องใช้ในอดีต ต่อมา ปี ค.ศ.1975 ยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองเซโกเบียเป็นมรดกโลกทางศิลปะวัฒนธรรม และเป็นต้นแบบให้กับปราสาทของราชินีจาก Snow White อนิเมชั่นของ Disney ด้วย
Cr.http://www.td-travel.com/16618241/เซโกเบีย-เมืองแห่งปราสาทเทพนิยายของเสปน
Cr.https://themomentum.co/segovia-spain/




Lichtenstein



ปราสาทลิกเตนสไตน์ (Lichtenstein) ปราสาทป้อมปราการที่สร้างขึ้นในสไตล์ปราสาทเทพนิยายตั้งอยู่บนหน้าผาใกล้ๆกับเมืองโฮเนา (Honau) ใน เทือกเขา Swabian Alps   ในศตวรรษที่สิบสองเคยเป็นป้อมปราการสำหรับอัศวินแห่งลิกเตนสไตน์ ตัวปราสาทนั้นตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาหินที่ขรุขระห่างไกลในผืนป่าบนภูเขาช่วยรักษาให้ปราสาทปลอดภัยจากการทำลาย ปัจจุบันยังคงครอบครองโดยดยุคแห่งUrach 

การสร้างใหม่ครั้งล่าสุดเป็นผลงานของดยุควิลเฮล์ม แห่งเวิร์ทเทมเบิร์ก (Duke Wilhelm of Württemberg) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายชื่อดังเรื่อง Lichtenstein โดยทำให้ดูเหมือนปราสาทของอัศวินในยุคกลาง ปราสาทแบบนีโอกอธิคที่ค่อนข้างเล็กแห่งนี้เริ่มเปิดทำการในปี 1842 โดยมีองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรหลายแห่งก็ได้เข้ามาจัดการฟื้นฟูการตกแต่งภายในนับแต่นั้นเป็นต้นมา 
Cr.https://mgronline.com/celebonline/detail/9550000069299
Cr.https://travel.thaiza.com/foreign/251825/




Hohenzollern Castle 



ปราสาทโฮเอินโซลเลิร์น คือปราสาทโบราณที่ตกทอดกันในราชวงศ์โฮเอินโซลเลิร์น ซึ่งปกครองในภูมิภาคชวาเบิน สถานที่นี้ตั้งอยู่บนเขาโฮเอินโซลเลิร์น ที่ระดับความสูง 2,800 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ทางทิศใต้ของเมืองเฮ็คคิงเงิน ประเทศเยอรมนี
ได้เริ่มก่อสร้างเพื่อเป็นป้อมปราการในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 11 ต่อมาในปี ค.ศ. 1423 ปราสาทได้ถูกทำลายโดยกองทัพหลวงของราชวงศ์ฮับส์บูร์กแห่งจักรวรรดิโรมัน หลังจากถูกล้อมมายาวนานกว่า 10 เดือน

ต่อมาได้มีการก่อสร้างปราสาทขึ้นใหม่และใหญ่กว่าเดิมในช่วงปี 1454-1461 หลังจากนั้นปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นปราการหลบภัยสำหรับราชวงศ์โฮเอินโซลเลิร์นหลายต่อหลายครั้ง อาทิ สงครามสามสิบปี เป็นต้น
จากนั้นช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกปล่อยปละละเลย ทำให้อาคารจำนวนมากชำรุดทรุดโทรมจนต้องรื้ออาคารทิ้ง ในส่วนอาคารปราสาทที่เห็นในปัจจุบัน ถูกสร้างขึ้นใหม่ระหว่างปี 1846-1867 โดยพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 4 แห่งปรัสเซีย ผู้มีเชื้อสายโฮเอินโซลเลิร์น

ปัจจุบันปราสาทโฮเอินโซลเลิร์นได้กลายเป็นหนึ่งในปราสาทที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในเยอรมนี ซึ่งแต่ละปีมีผู้เยี่ยมชมกว่า 350,000 แสนคน รวมถึงมีการปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น โดยเป็นทั้งโรงละครแบบเปิด สถานที่จัดคอนเสิร์ต และตลาดคริสต์มาส อันเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมประจำปี
รวมถึงการมอบโอกาสให้แก่เด็กด้อยโอกาสเข้าร่วมเทศกาลวันหยุดในทุกๆ โดยเป็นหนึ่งในโครงการของมูลนิธิเจ้าหญิงคีราแห่งปรัสเซีย
ที่มา สำรวจโลก
Cr.https://www.newtv.co.th/news/14657

Bran Castle


ปราสาทบราน (Bran Castle) แห่งโรมาเนีย สร้างขึ้นในปี คศ.1212 โดยอัศวินชาวเยอรมัน เป็นปราสาทของเจ้าผู้ครองแคว้นทรานซิลวาเนีย อายุเก่าแก่กว่า 600 ปี  ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงใกล้เมือง Brasov เพื่อใช้เป็นป้อมปราการที่ป้องกันการรุกรานจากข้าศึก (พวกเติร์กแห่งอาณาจักรออตโตมาน)

โดยชาวบ้านในสมัยนั้นเรียก Vlad III ผู้เป็นเจ้าของปราสาทว่า Vlad Dracul พรพองค์เป็นนักรบที่ทรมานเชลยที่จับมาได้ด้วยวิธีที่โหดเหี้ยม จนทำให้ชื่อ Vlad Dracul กลายมาเป็นที่มาของชื่อ แดรกคูลา แวมไพร์ผู้เป็นอมตะอาศัยอยู่ในปราสาท ในนวนิยายแนวสยองขวัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของ บราม สโตกเกอร์  ได้ใช้ปราสาทบรานแห่งนี้เป็นฉากของนวนิยาย  ต่อมาฮอลลีวู้ดได้นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ทำให้ชื่อเสียงของท่านเคาท์แดร๊กคูล่า ค้างคาวผีดูดเลือดโด่งดังไปทั่วโลก
(แดรกคูลา (Dracula) ในภาษาโรมาเนียแปลว่า ปีศาจ เป็นนิยายสยองขวัญเกี่ยวกับผีดูดเลือด โดยนักประพันธ์ชาวอังกฤษ ในปี ค.ศ.1897)  ภายหลัง มีการบูรณะปราสาทนี้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศโรมาเนีย
Cr.https://ar-ar.facebook.com/journista/posts/2690763034349617/
Cr.http://realmetro.com/bran-castle-ปราสาทแดรกคูลา/

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่