คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
โอเค อธิบายแบบคร่าวๆ (แต่ยาว) นะคะ
พรบ.ล้มละลาย เนี่ย เดิมก็พูดถึงแค่ กม.ล้มละลายอย่างเดียวอยู่หรอก แต่เพิ่งมาเพิ่มมาตราที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการหลายมาตราเข้าไปใน พรบ.ตัวนี้ เนื่องจากบางอย่างมันใกล้เคียงกัน (ต่อไปนี้จะขอเรียกว่า กม.ฟื้นฟูฯ) ซึ่ง กม. ตัวนี้เกิดขึ้นเพื่อรองรับผลกระทบหลังวิกฤติปี 40
คอนเซปต์ของ กม. ตัวนี้ ง่ายๆ คือ เกิดขึ้นเพื่อต้องการประคองกิจการที่มีแววล้ม แต่สามารถแสดงเหตุให้ศาลเห็นได้ว่าหากไม่ปล่อยล้ม แต่ขอฟื้นฟูแทน โดยใช้เวลาเท่าไหร่ๆ ก็ว่าไป กิจการจะสามารถกลับมาดำเนินการต่อได้ตามปกติ โดยต้องบอกศาลว่าเรามีคุณสมบัติในการที่จะฟื้นฟูกิจการได้อย่างไร เช่น บอกว่าเรามีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน แต่มีเหตุ และมีช่องทางในการฟื้นฟูกิจการ ถ้าศาลเห็นชอบ ก็มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ
(ตรงนี้มีความทับซ้อนกับ กม.ล้ม คือ ถ้าจะฟ้องล้ม ก็ต้องฟ้องด้วยเหตุว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว โดยเป็นหนี้จำนวนเท่านี้ๆ ตาม กม กำหนด ก็ฟ้องล้มได้ แต่ถ้าจะฟื้นฟู นอกจากจะต้องบอกว่าหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นหนี้จำนวนเท่าไหร่แล้ว ยังต้องบอกว่าการฟื้นฟูจะเป็นผลดีกับเจ้าหนี้ กับส่วนที่เกี่ยวข้องมากกกว่าการล้มอย่างไร และจะมีวิธีการใดที่จะฟื้นฟูได้บ้าง ซึ่งความใกล้เคียงกันของกม. ทั้งสองตัวนี้แหละ ทำให้ต้องบัญญัติ กม.ฟื้นฟูให้อยู่ใน พรบ ล้มฯ)
สิ่งที่ตามมาทันทีโดยผลของ กม. คือ เมื่อศาลสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ จะเกิดสภาวะการพักชำระหนี้ คือเจ้าหนี้จะไม่สามารถฟ้องลูกหนี้ได้ บังคับคดีกับลูกหนี้ไม่ได้ คดีที่กำลังฟ้องๆ กันอยู่ก็ต้องหยุดไว้ก่อน
ถ้าศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูฯ เจ้าหนี้ก็จะต้องมายื่นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อไป
ทีนี้ ที่ จขกท. บอกว่า "...ที่เข้าใจคือ การฟื้นฟูกิจการ มีส่วนต้องหยุดการจ่ายหนี้ ขอลดหนี้ ปลดผู้บริหารระดับสูง และพนักงานออกครึ่งนึง ถ้ายังอยู่สถานะปกติมันจะทำได้หรอ..." เนี่ย ตรงนี้มันจะอยู่ในส่วนของรายละเอียดของแผนฟื้นฟู ที่เขียนโดยผู้ทำแผน (ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างที่ จขกท.เขียน แต่คร่าวๆ คือ จะพูดถึงการปรับโครงสร้างหนี้ การชำระหนี้ ระยะเวลาการชำระหนี้ การหาแหล่งทุน การดำเนินกิจการ ฯลฯ)
ซึ่งการเข้าฟื้นฟูตาม กม. นี้ กิจการก็ยังดำเนินต่อไปตามปกติค่ะ ไม่ได้กลายสถานะเป็นล้มละลาย เป็นบริษัทเหมือนเดิมนี่แหละ แต่จะต้องดำเนินงานต่างๆ ภายใต้แผนฟื้นฟูเท่านั้น ซึ่งแผนฟื้นฟูก็จะต้องได้รับความเห็นชอบในที่ประชุมเจ้าหนี้ (เจ้าหนี้ลงมติเห็นชอบ) และศาลจะต้องเห็นชอบด้วย นั่นหมายความว่าการเขียนแผนก็จะต้องเขียนให้ยอมรับกันได้ทั้งฝ่ายเจ้าหนี้ลูกหนี้
การดำเนินกิจการภายใต้แผนฟื้นฟูก็จะต้องให้ผู้บริหารแผนเป็นผู้มีอำนาจ (จะระบุเอาไว้ว่าใครเป็น) โดยผู้บริหารของลูกหนี้ก็จะหมดอำนาจบริหารไป (ไม่ได้หมายถึงลงจากตำแหน่งนะคะ แต่คือการที่ไม่มีอำนาจบริหารกิจการ)
ทีนี้ถ้าการดำเนินกิจการของลูกหนี้เป็นไปตามแผน อยู่ในระยะเวลา ศาลก็จะมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูฯ แต่ถ้าไม่สำเร็จตามแผน ศาลก็จะดูว่าจะสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูฯ หรือจะสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด (ง่ายๆ คือกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ไปสู่กระบวนการล้มละลายต่อ)
พรบ.ล้มละลาย เนี่ย เดิมก็พูดถึงแค่ กม.ล้มละลายอย่างเดียวอยู่หรอก แต่เพิ่งมาเพิ่มมาตราที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการหลายมาตราเข้าไปใน พรบ.ตัวนี้ เนื่องจากบางอย่างมันใกล้เคียงกัน (ต่อไปนี้จะขอเรียกว่า กม.ฟื้นฟูฯ) ซึ่ง กม. ตัวนี้เกิดขึ้นเพื่อรองรับผลกระทบหลังวิกฤติปี 40
คอนเซปต์ของ กม. ตัวนี้ ง่ายๆ คือ เกิดขึ้นเพื่อต้องการประคองกิจการที่มีแววล้ม แต่สามารถแสดงเหตุให้ศาลเห็นได้ว่าหากไม่ปล่อยล้ม แต่ขอฟื้นฟูแทน โดยใช้เวลาเท่าไหร่ๆ ก็ว่าไป กิจการจะสามารถกลับมาดำเนินการต่อได้ตามปกติ โดยต้องบอกศาลว่าเรามีคุณสมบัติในการที่จะฟื้นฟูกิจการได้อย่างไร เช่น บอกว่าเรามีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน แต่มีเหตุ และมีช่องทางในการฟื้นฟูกิจการ ถ้าศาลเห็นชอบ ก็มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ
(ตรงนี้มีความทับซ้อนกับ กม.ล้ม คือ ถ้าจะฟ้องล้ม ก็ต้องฟ้องด้วยเหตุว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว โดยเป็นหนี้จำนวนเท่านี้ๆ ตาม กม กำหนด ก็ฟ้องล้มได้ แต่ถ้าจะฟื้นฟู นอกจากจะต้องบอกว่าหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นหนี้จำนวนเท่าไหร่แล้ว ยังต้องบอกว่าการฟื้นฟูจะเป็นผลดีกับเจ้าหนี้ กับส่วนที่เกี่ยวข้องมากกกว่าการล้มอย่างไร และจะมีวิธีการใดที่จะฟื้นฟูได้บ้าง ซึ่งความใกล้เคียงกันของกม. ทั้งสองตัวนี้แหละ ทำให้ต้องบัญญัติ กม.ฟื้นฟูให้อยู่ใน พรบ ล้มฯ)
สิ่งที่ตามมาทันทีโดยผลของ กม. คือ เมื่อศาลสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ จะเกิดสภาวะการพักชำระหนี้ คือเจ้าหนี้จะไม่สามารถฟ้องลูกหนี้ได้ บังคับคดีกับลูกหนี้ไม่ได้ คดีที่กำลังฟ้องๆ กันอยู่ก็ต้องหยุดไว้ก่อน
ถ้าศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูฯ เจ้าหนี้ก็จะต้องมายื่นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อไป
ทีนี้ ที่ จขกท. บอกว่า "...ที่เข้าใจคือ การฟื้นฟูกิจการ มีส่วนต้องหยุดการจ่ายหนี้ ขอลดหนี้ ปลดผู้บริหารระดับสูง และพนักงานออกครึ่งนึง ถ้ายังอยู่สถานะปกติมันจะทำได้หรอ..." เนี่ย ตรงนี้มันจะอยู่ในส่วนของรายละเอียดของแผนฟื้นฟู ที่เขียนโดยผู้ทำแผน (ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างที่ จขกท.เขียน แต่คร่าวๆ คือ จะพูดถึงการปรับโครงสร้างหนี้ การชำระหนี้ ระยะเวลาการชำระหนี้ การหาแหล่งทุน การดำเนินกิจการ ฯลฯ)
ซึ่งการเข้าฟื้นฟูตาม กม. นี้ กิจการก็ยังดำเนินต่อไปตามปกติค่ะ ไม่ได้กลายสถานะเป็นล้มละลาย เป็นบริษัทเหมือนเดิมนี่แหละ แต่จะต้องดำเนินงานต่างๆ ภายใต้แผนฟื้นฟูเท่านั้น ซึ่งแผนฟื้นฟูก็จะต้องได้รับความเห็นชอบในที่ประชุมเจ้าหนี้ (เจ้าหนี้ลงมติเห็นชอบ) และศาลจะต้องเห็นชอบด้วย นั่นหมายความว่าการเขียนแผนก็จะต้องเขียนให้ยอมรับกันได้ทั้งฝ่ายเจ้าหนี้ลูกหนี้
การดำเนินกิจการภายใต้แผนฟื้นฟูก็จะต้องให้ผู้บริหารแผนเป็นผู้มีอำนาจ (จะระบุเอาไว้ว่าใครเป็น) โดยผู้บริหารของลูกหนี้ก็จะหมดอำนาจบริหารไป (ไม่ได้หมายถึงลงจากตำแหน่งนะคะ แต่คือการที่ไม่มีอำนาจบริหารกิจการ)
ทีนี้ถ้าการดำเนินกิจการของลูกหนี้เป็นไปตามแผน อยู่ในระยะเวลา ศาลก็จะมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูฯ แต่ถ้าไม่สำเร็จตามแผน ศาลก็จะดูว่าจะสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูฯ หรือจะสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด (ง่ายๆ คือกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ไปสู่กระบวนการล้มละลายต่อ)
แสดงความคิดเห็น
หากการบินไทยเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟูกิจการ ทางเทคนิคถือว่าล้มละลายหรือยัง?
ที่เข้าใจคือ การฟื้นฟูกิจการ มีส่วนต้องหยุดการจ่ายหนี้ ขอลดหนี้ ปลดผู้บริหารระดับสูง และพนักงานออกครึ่งนึง ถ้ายังอยู่สถานะปกติมันจะทำได้หรอ
อย่าง Japan Airlines ก็ถือว่าล้มละลาย แล้วถึงเข้าแผนฟื้นฟูกลับมาไม่ใช่หรือ
แล้วไอ้แผนการฟื้นฟู มันดันไปอยู่ในกฎหมายล้มละลาย แต่บอกว่าไม่ได้ล้มละลาย เลยงงครับ