"เพราะหัวใจเพรียกหา...พวกเราจึงกลับมา-EP1" # พี่เตี้ย มช. , พี่เบื่อ สมาคม , พี่สิงโต แมสคอม

"เพราะหัวใจเพรียกหา...พวกเราจึงกลับมา"  : เป็นเรื่องสั้นที่เขียนขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก "พี่เบื่อ" "พี่สิงโต" และ "พี่เตี้ย" สุนันเซเลบแห่ง มช.
จากเหตุการณ์สูญเสีย "พี่เตี้ย" ทำให้แฟนคลับหลายคนอยากให้อีก 18 ปี พวกเขากลับมาเกิดเป็นคน  
......
           ณ สถานีรถไฟกรุงเทพฯ สามหนุ่ม “เบื่อ” , “สิงโต” และ “เตี้ย” เดินเข้าไปยังหน้าสถานีรถไฟ เสียงหนึ่งก็ดังขี้น “น้อง ๆ น้อง 3 คน นั่นอ่ะ  น้องใหม่ มช. รึเปล่า ถ้าใช่ตามพี่มาเลย พี่ ๆ กำลังรอน้อง ๆ อยู่ ไปลงทะเบียนกันก่อน” ทั้ง 3 คน ตอบพร้อมกัน   “ใช่ครับพี่”
     
          รุ่นพี่คนเดิมพูดต่อ “พี่ชื่อ..... นะ อยู่คณะ...... พวกเราล่ะ ชื่ออะไรกันบ้าง คิดยังไงถึงยังเลือกเดินทางไป มช.แบบรับน้องขึ้นรถไฟดีเซลราง ล่ะ หลายคนเขาเลือกรถไฟความเร็วสูงบ้าง เครื่องบินบ้าง”
           “เบื่อ” หันไปตอบแบบทำหน้ามึน ๆ ในใจคิด “อะไรวะ แค่มารับน้องทางรถไฟรุ่นพี่จะตื่นเต้นอะไรนักหนา” แต่ก็ตอบไปว่า ผมชื่อ“เบื่อ”  ส่วนคนหัวฟู ๆ นั่นชื่อ“สิงโต” และ คนที่แต่งครอสเพลย์ จัดเต็มมานั่นชื่อ “เตี้ย” ครับ เราเป็นฝาแฝดกันครับ” ที่เลือกมารับน้องขึ้นรถไฟดีเซลราง เพราะว่ามันเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมานาน อีกอย่างชอบที่ทางการรถไฟยังอนุรักษ์รถไฟแบบดีเซลรางไว้ นั่งแต่รถไฟความเร็วสูงมันไม่ได้อินฟินกับธรรมชาติ และโอกาสนั่งรถไฟดีเซลรางเที่ยวพิเศษแบบนี้มันมีไม่กี่ครั้งครับ”
           รุ่นพี่ได้ยินชื่อถึงกลับหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า คิดได้ไงวะชื่อนี้...แต่เดี๋ยวนะ ทำไมพี่คุ้น ๆ กับชื่อพวกแกจัง.. เออ ๆ ..แต่เอาเถอะ ตอนนี้คิดไม่ออก แล้วอยู่คณะอะไรกันบ้างล่ะ จะได้พาไปหาพี่ที่คณะถูก เออ.แต่มาด้วยกันอาจต้องนั่งแยกกันนะ เรานั่งแยกกันเป็นคณะ..”
          “ผมเบื่อ อยู่วิศวะ  ส่วนสิงโต อยู่แมสคอม และเตี้ย อยู่คณะวิทย์ ครับ”
          “โอเคร ๆ ไป ๆ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ยินดีต้อนรับในฐานะลูกช้างเชือกใหม่ นะ”
          ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 เป็นวันที่โลกโซเชียลของไทยกำลังเสียใจกับการจากไปของ “พี่เตี้ย มช.” สุนับเซเลบประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลายคนเขียนคำไว้อาลัยให้เตี้ยมากมาย หลายคนนึกย้อนไปถึงพี่เบื่อ พี่สิงโต และสุนัขเซเลปตัวอื่น ๆ  ในคืนนั้นเองครอบครัวหนึ่งได้ก่อกำเนิดเด็กชายฝาแฝด 3 คน ผ่านกระบวนการทางการแพทย์ ซึ่งทำให้พวกเขาแม้จะเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน แต่ก็ไม่เหมือนกันนัก ก่อนคลอดพ่อและแม่เคยถกเถียงกันหลายครั้งว่าลูกแฝดสามจะให้ชื่ออะไรดี แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุป คนแม่อยากได้ชื่อเรียกที่สอดคล้องกัน คนพ่ออยากได้ชื่อที่เรียกง่าย ๆ เมื่อลูกคลอดมาแล้วทั้งสองคนไปยืนดูลูก ๆ ทั้ง 3 ที่ห้องเด็กอ่อน

       แฝดคนพี่ ส่งสายตาและหน้าตามองผู้เป็นพ่อกับแม่ เหมือนประหนึ่งว่า “เบื่อ” มาก ๆ กับการเกิดมาบนโลกใบนี้...แน่นอน ผู้เป็นพ่อถึงกับสบถออกมาว่า “เกิดมาก็ทำหน้าเบื่อโลกเลยนะลูก” แล้วก็ปิ๊งไอเดีย ถามผู้เป็นแม่ว่า ชื่อ “เบื่อ” ดีมั๊ยแม่  เสียงผู้เป็นแม่สวนกลับทันควัน “คนอะไรจะชื่อเบื่อ” สิ่งที่เป็นคำตอบส่งกลับมาคือ “ก็ดีนะชื่อแปลก ๆ แบบนี้ลูกเราเกิดมาจะได้มนุษยสัมพันธ์ดีไง เพราะทุกคนจะต้องถามต่อว่าทำไมชื่อแบบนี้” ฝ่ายคนเป็นแม่ก็ตอบว่า “อืม ขอคิดดูก่อนนะ”
           แฝดคนที่สอง คนนี้เกิดมาผมเยอะกว่าเพื่อนแถมยังผมฟูชี้ตั้ง ๆ อีก ผู้เป็นแม่เอ่ยกับลูกชายเบา ๆ ว่า “เฮ้อ...นี่ลูกชั้นหรือลูกสิงโต” เรียกคนนี้ว่า “สิงโต” ดีมั๊ยพ่อ คนเป็นแม่พูดขึ้นลอย ๆ ผู้เป็นพ่อตอบทันที “ได้จ้า เจ้านี่หน้าตาหล่อเหลา ผมเยอะเหมือนพ่อ..555555 ชื่อ สิงโต เหมาะเลยแม่”
          แฝดคนสุดท้าย ตัวเล็กกว่าพี่ ๆ พยาบาลบอกว่าพี่สองคน ความยาวตัวเท่ากัน คนนี้ตัวเล็กกว่า  คนอื่น ผู้เป็นพ่อและแม่มองหน้ากัน แล้วพูดขึ้นพร้อมกันว่า “เตี้ย” หนุ่มน้อยในเปลเด็กส่งยิ้มให้ราวกับว่าได้ยินชื่อที่พ่อแม่เรียกและพอใจในชื่อนี้ แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะ ชื่อนี้น่าจะเหมาะที่สุด แม้ว่าจะไม่ถึงกับเตี้ยตามชื่อ แต่ก็เตี้ยกว่าพี่ ๆ ล่ะ ท่าทางลูกจะชอบชื่อนี้ด้วย เอาตามนี้ล่ะกันนะแม่ ลูกเราจะมีชื่อเล่นว่า “เบื่อ” , “สิงโต” และ “เตี้ย”  
       เด็กน้อยทั้ง 3 เติบโตขึ้นในครอบครัวที่อบอุ่น พ่อกับแม่ จะพาทั้ง 3 คน ขึ้นไปบ้านเกิดของพ่อกับแม่ที่เชียงใหม่อยู่เสมอ แม้ว่าจะมาใช้ชีวิตอยู่ใน กทม.แล้วก็ตาม แต่ที่นั่นยังเป็นบ้านของพวกเขา และ เด็ก ๆ ชอบที่นั่นมาก และมักรบเร้าให้พ่อกับแม่ พาไปทุกปี และเกือบทุกครั้งเด็ก ๆ จะให้ขับรถเข้าไปใน มช. เสมอ ๆ โดยเฉพาะตอนเย็นมักให้พาไปวิ่งรอบ ๆ อ่างแก้ว

       กาลเวลาผ่านไป 18 ปี  หนุ่มน้อยทั้งสามก็มุ่งมั่นจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยในฝันของพวกเขา คือ “มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” แม้ว่าจะไปเรียนต่อคนละคณะ แต่มันคือจุดมุ่งหมายเดียวกันในการที่อยากจะเป็น “ลูกช้าง” 
    “เบื่อ” เติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีเวลายิ้มน่ารักสดใส เสียแต่ว่าไม่ค่อยชอบให้ใครมาวุ่นวายกับเขานักโดยเฉพาะสาว ๆ เวลาเผลอเหมือนคนชอบทำหน้าเบื่อโลกสมกับชื่อ เขามุ่งมั่นจะเป็น “หนุ่มวิศวะ มช.” 
     “สิงโต” หนุ่มน้อยหัวฟูตอนเด็ก ๆ โตขึ้นมาเป็นหนุ่มหล่อขี้เล่น ด้วยบุคลิกที่สดใส ร่าเริง ชอบงานบันเทิง งานการแสดง มาตั้งแต่เด็ก ๆ สิงโต จึงเลือกที่จะเรียนต่อในสาขาด้านสื่อสารมวลชน แน่นอน “สิงโต” เลือกที่จะสอบเข้าเรียนที่ “แมสคอมของ มช.”
     “เตี้ย” ที่จริงก็ไม่เตี้ยนะ สูงเกือบ 180 เซนต์ แต่ก็เตี้ยกว่าพี่ ๆ สองคน เล็กน้อย หนุ่มน้อยอารมณ์ดี มีงานอดิเรกคือชอบการแต่งครอสเพลย์ เตี้ยเลยสนุกกับการแต่งตัวอยู่เสมอ และยังชอบเป็นอาสาช่วยสุนัขที่ถูกรถชนด้วย เวลาใครถามว่าทำไมชอบไป เตี้ยจะบอกเสมอว่า “สงสารอ่ะ เวลาสุนัขเหล่านี้ถูกรถชนอยู่ ริมถนน มันคงอ้างว้างขวัญเสีย อยากให้ใครสักคนมาช่วย มาปลอบมัน มันคงไม่อยากตายอยู่ข้างถนนแบบเดียวดาย เราช่วยได้ก็ช่วยกันไป เห็นทีไรก็รู้สึกหนาว ๆ รู้สึกเจ็บแทน และน้ำตาไหลทุกที”
        มาถึงวันนี้เด็กน้อยทั้ง 3 คน ได้เป็น “ลูกช้าง มช.” สมใจ อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าขบวนรถไฟที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของรุ่นพี่ จะนำพาเขาทั้ง 3 คน ไปยังสถานที่ที่พวกเขาฝันเห็นอยู่เสมอ หลายครั้งที่ทั้ง 3 คน พูดคุยกันว่าเคยฝันถึงและรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่ต่าง ๆ ใน มช. ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็มีโอกาสเข้าไปเฉพาะเวลาที่พ่อแม่พามาเชียงใหม่ ในภาพฝันอันเลือนรางพวกเขารู้สึกว่าได้รับความรักความอบอุ่นอย่างมากมายจากชาว มช. สถานที่ต่าง ๆ ในฝันแม้จะแตกต่างกับสถานที่ในปัจจุบันไปบ้าง เหมือนพวกเขานั่งไทม์แมชชีน ย้อนเวลากลับไปในอดีต แต่เพราะภาพอันลางเลือนในฝันเหล่านั้น ทำให้เขาทั้ง 3 คนผูกพันกับ มช. จนทำให้ มช.เป็นมหาวิทยาลัยในฝันสำหรับพวกเขา...
         เมื่อขบวนรถไฟมาถึงเชียงใหม่รุ่นพี่ที่มารอรับที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ก็มาทำกิจกรรมต้อนรับเล็กๆน้อยๆ สร้างความประทับใจให้น้องๆ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปด้วยรถของคณะ หรือรถสี่ล้อแดงอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของชาวเชียงใหม่

    จุดหมายแรกคือการพารุ่นน้องไปไหว้ศาลาธรรม ตามธรรมเนียม เป็นเรื่องน่าแปลกที่ทั้งสามหนุ่ม เมื่อก้าวเข้ามาในมหาวิทยาลัยในฐานะลูกช้างเชือกใหม่ พวกเขารู้สึกขนลุกเกลียว ได้ยินเสียงเพลงล้านนาดังแว่วมาเบา ๆ  ต้นไม้รอบศาลาธรรม ไหวเอน ใบไม้โยกไหวเสียงดังคล้ายคนปรบมือ เสียงลมที่พัดผ่านคล้ายเสียงคนโห่ร้องยินดี และพวกเขาก็แทบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงลอยมาตามสายลมว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ พวกเรารอเธอมา 18 ปีแล้ว” ทั้ง 3 คน มองไปที่เพื่อน ๆ และรุ่นพี่ ทำไม่ทุกคนเหมือนไม่แปลกใจกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทำไมทุกคนเหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไร  ทำไมมีแต่พวกเขาที่ได้ยิน แล้วเสียงรุ่นพี่ก็ดังขึ้น “เอ้า ๆ  ไหว้เสร็จแล้วก็ลุกขึ้นกันจ้า คราวนี้เราจะแยกกันไปตามหอนะ ใครอยู่หอใน ใครอยู่หอนอก แยกกันจ้า เดี๋ยวพี่ ๆ จะพาไปส่งที่หอ จัดข้าวของจัดหอให้เรียบร้อย แล้วพรุ่งนี้เช้า พี่ ๆ จะพาพวกเราไปชมสถานที่สำคัญโดยรอบ มช.” อ้อ...ฝากน้อง ๆ ทุกคนใครไม่ชอบออกกำลังกายต้องฟิตร่างกายได้แล้วนะ อีกไม่นานเราจะมีประเพณี “วิ่งขึ้นดอย” กัน และนอกจากจะมีการคัดเลือกคนวิ่งถือธงคณะของพวกเราแล้ว เรายังมีการคัดเลือกตัวแทนคณะวิศวะ แมสคอม และวิทยา  “วิ่งถือธงแห่งมิตรภาพของคนกับสุนัขใน มช.” ไม่ว่าจะเป็น “ธงพี่เบื่อสมาคม ของวิศวะ” “ธงพี่สิงโตแมสคอม” และ “ธงพี่เตี้ย มช" ของคณะวิทยา

      สามหนุ่มมองหน้ากัน แม้ว่าจะเคยได้ยินชื่อธงเหล่านี้ และยังเคยแอบขำว่าชื่อธงเหล่านี้เหมือนชื่อพวกเขาจะโดยบังเอิญ หรือโดยอะไรก็ตาม ก็ทำให้เขารู้สึกผูกพันกับเรื่องราวใน มช.ในอดีตอยู่เสมอ แน่นอนว่าอีกเป้าหมายถึงของการเข้ามาเป็นลูกช้าง ไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยในฝัน คณะที่อยากเรียน แต่เขาอยากเป็นตัวแทนถือธงแห่งมิตรภาพวิ่งขึ้นดอย  พวกเขามั่นใจว่า เขาต้องได้รับคัดเลือก และจะทำให้ดีที่สุด

***ตามต่อที่ "เพราะหัวใจเพรียกหา...พวกเราจึงกลับมา-EP2" : https://pantip.com/topic/39899203
***
เครดิตภาพประกอบ
- FB เตี้ย มช
- FB เบื่อ สมาคม
- FB สิงโต แมสคอม
- FB CMU Marathon (ภาพการ์ตูนจากเสื้อวิ่ง CMU Marathon + หมาจ๋า)
- จากอินเตอร์เน็ต (อันนี้เอามาจากหลายแหล่งค่ะขออนุญาตเจ้าของภาพนะคะ จำไม่ได้จริง ๆ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่