รีวิวการใช้ชีวิตในอังกฤษ EP.3

ห่างหายไปกันนานเลย ตั้งแต่กลางๆปีที่แล้ว เพราะไม่มีเวลาว่าง + โง่ ทำให้บัญชี Pantip ตัวเองโดนแบน
กระทู้นี้ขออนุญาตใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษปนกับภาษาไทยนะครับ

จะมาเล่าเรื่อง งาน เรื่องการเรียน สุขภาพ แล้วก็เรื่องจิปาถะ ไร้สาระให้อ่านกันนะครับ//ยิ้ม

เรื่องเรียนก่อนเลย จบSixth Form แล้ว (สักที) ไม่ต้องอยู่เป็นคุณปู่ประจำรุ่นแล้ว 555 แต่จบออกมาแทนที่จะต้องไปมหาลัยเลย กลับต้องย้ายมาเรียนปีนี้แทน เพราะยังอยุ่ไม่ครบ 3 ปี ขอ Student Loan ไม่ได้ เลยย้ายมาเรียนปีนี้แทน ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะได้เปิดเทอมรึเปล่าเพราะ  โควิดช่วงนี้หนักมาก เศร้าเลย แต่จบออกมา ก็ไปเรียน College ต่ออยู่ดี เป็น Part-time course ของผู้ใหญ่ เราเรียน GCSE English เพราะไม่ผ่านสักที ยากมาก คือมันไม่ได้เหมือนที่ไทยอะ ที่เน้น Grammar ท่องจำ Verb บลาๆ แล้วก็ไปสอบ ถ้าจำได้เยอะ เข้าใจเยอะ ก็ผ่าน ไม่อยากจะโม้ว่าก่อนมาเราตัวท็อปภาษาอังกฤษมาก แต่พอมาก็เรียกได้ว่า รีเซ็ต 555ขำ พอเรียน Part-time เจอแต่คนที่อายุเยอะกว่าก็ไม่ค่อยได้ทำความรู้จักกับใคร เพราะวัยไม่ได้ใกล้กันอีก เซ็งตัวเองเหมือนกัน แต่ก็เริ่มมีคุยๆกับเขาบ้างแต่ก็ไม่เยอะ เพราะไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น พอเรียนPart-timeเวลาก็เหลือเยอะ เลยไปสมัครงานที่ร้านอาหารไทยร้านหนึ่งที่มีสาขาเยอะมากทำเกือบทุกวันเลย ทำจนได้ชั่วโมงเยอะกว่าเด็กใหม่ที่เข้ามาทำงานพร้อมกันหรือเวลาใกล้เคียงกันอีก (เลียเก่งและอยู่เป็น อิอิ) แล้วก็มาเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ติดโควิดเลยต้องเรียนออนไลน์ การสอบGCSE เลยไม่มี แต่เป็นการใช้วิธีให้ครูที่สอนประเมินเอา Performance ในห้องเรียนแทน จะว่าดีก็ดีแหละ แต่ไม่ดีก็ไม่ดี สุดท้ายก็ต้องทำกันต่อไป ได้แต่ลุ้นว่า กันยายนต์นี้มหาลัยจะเปิด เพราะเสียเวลามามากพอแล้ว

เรื่องงาน ตอนนี้ทำอยู่2ร้าน เป็นร้านอาหารไทยที่บอกไป กับร้ายอินเดีย ใจจริงอยากทำที่ร้านอาหารไทยมากกว่า เพราะทำถูกกฏหมาย เสียภาษีถูกต้อง แต่ที่ร้านอินเดียเป็นการทำงานแบบรับเงินกับมือเลยไม่อยากทำเท่าไหร่ แถมทำงานหนักมาก ทำจนไม่สบายเลยบางครั้ง แต่โชคดีที่เมเนเจอร์2 (ที่ร้านมีเมเนเจอร์2คน) พูดขึ้นมาว่า ฉันไม่ต้องการเธอวันศุกร์ (เคยทำวันศุกร์และเสาร์) เราเลยใช้คำๆนี้มาเป็นเหตุผลที่จะทำที่ร้านอินเดียวันเดียว ใจจริงอยากออกด้วยซ้ำ แต่แบบนี้ก็โอเค เรื่องงานไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ เราแค่ทำงานให้เขารู้สึกว่าเขาคิดถูกที่เขารับเราเช้ามาทำงาน เราคิดอยู่เสมอในหัวว่าเขาอุตส่าห์รับเราเข้ามาทำงาน เราก็ต้องตอบแทนเขาด้วยการทำงานดีๆด้วย ถึงบางครั้งจะทำแย่เพราะแรกๆมายังไม่ชินงาน แต่พอพัฒนาก็พริ้วเลย ไม่ได้เก่งที่สุด แต่ก็ไม่ได้ทำงานแย่ 

เรื่องเพื่อน เพื่อนฝรั่งที่โรงเรียนเริ่มไม่ค่อยได้คุยแล้ว เพราะพวกที่สนิทๆนางไม่ค่อยเล่น Social Media ส่วนพวกที่อยู่กลุ่มเดียวกันเราออกไปเที่ยวเป็นบางครั้งตามโอกาส แต่ส่วนใหญ่พวกนั้นจะว่างตอนที่เราทำงานเลยไม่ได้ไปสักที เคยไปเจอเพื่อนโดยบังเอิญในเมืองก่อน Lockdown มากับลูกเลี้ยงเขา น่ารักมาก คือพ่อของเด็กเป็นเพื่อนสนิทเราคนนึงที่เราออกไปเที่ยวบ่อยที่สุด กับ แฟนเก่านางในกลุ่มเดียวกันเนี่ยแหละ ลูกยางน่ารักมาก ผมบลอนด์ตาสีฟ้าสวยเหมือนพ่อ ส่วนโครงหน้าและลักษณะฟันเหมือนแม่ พอเดินเล่นกันกับเพื่อนน้องจ้องตาไม่กระพริบเลย สงสัยไม่เคยเจอของแปลก 555. ในช่วงตอนมาอยู่2ปีแรกจนถึงก่อนทำงานที่ร้านอาหารไทย คือไม่มีเพื่อนคนไทยเลย มีแต่คนรู้จักแม่ที่สนิทกับแม่ แล้วก็รุ่นน้องที่เป็นลูกชายของเพื่อนแม่ที่เป็นคนไทยคนนึง แต่พอมาทำร้านอาหารไทย ก็มีเพื่อนคนไทยเยอะขึ้น พอมาตอนนี้เราที่เคยมีประสบณ์การแย่ๆเรื่องเพื่อนมาก่อน เลยตั้งปณิทานไว้ว่า เราจะเป็นตัวของตัวเองให้คนอื่นชอบดีกว่าต้องเฟคและเปลี่ยนตัวเองจนหมด สุดท้ายก็เข้ากันได้ดีกับทุกคน เพื่อนคนไทยส่วนใหญ่เป็นรุ่นพี่ที่มาเรียนต่างประเทศ เลยทำให้คุยกันรู้เรื่องหน่อย แล้วก็สนิทกัน แต่เขาก็มีกลุ่มที่สนิทกันมาก่อนแล้ว เราก็สนิทไปกับคนอื่นด้วย แต่เรารู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องเข้ากลุ่มแชทเขา เพราะยังไงเขาพี่ที่ทำงานด้วยก็ต้องมาบอกเราอยู่ดี คือเราสนิทกับเขาแต่เราก็ยังมีกำแพงของเราอยู่ ซึ่งต่อให้เป็นเพื่อนที่สนิทมากๆที่อยู่ไทยเราก็มีกำแพงกั้นไว้ ส่วนรุ่นพี่ที่ทำงานทีเข้ากับเขาแล้วก็เพื่อนเขาได้ เพราะเราทุกคนเลวเหมือนกัน 5555 ช่วงนี้กก็จะคุยกับเพื่อนเก่าที่ไทยบ่อยหน่อยเพราะแยกกันตั้งแต่ประถมก็คิดถึงกันเป็นธรรมดา เป็นเพื่อนสนิทที่ทำให้เรากลายเป็นคน เฮียมาจนถึงทุกวันนี้ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเฮียด้วย555

เรื่องสุขภาพ หลังจากที่ย้ายมาอยู่อังกฤษเข้าปีที3 เริ่มสังเกตได้ว่า น้ำหนักไม่ลงเลย เพิ่มๆลดๆ บางวันกินน้อยก็ลงมาที่ 63 บางวันกินเยอะ ก็ 65 แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าสุขภาพช่วงนี้ไม่ค่อยดี แค่รู้สึกปวดตัว หรือแสบบางจุด อีกวันนึงตื่นมาก็จะรู้สึกเหมือนไม่สบาย ตัวล้าไม่มีแรง หายใจได้แค่ข้างเดียว บางทีตื่นมาก็เป็นเฉยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ตอนนี้มีอาการเจ็บคอนิดๆ ระแวงอยู่ว่าจะติดโควิดไหม แต่ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่อะไรเลย แล้วก็อยู่แต่บ้านเลยคิดว่าไม่น่าจะติด แต่ก็กลัวๆอยู่

เรื่องครอบครัว
โอเคมากกับครอบครัวใหม่และแฟนใหม่ของแม่ เขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวอะไรเราเลย แถมเข้าใจเราด้วย ไม่ก้าวก่าย แต่ก็ช่วยในสิ่งที่เขาคิดว่าเขาช่วยได้เลยไม่ได้มีปัญหาอะไร อยู่บ้านก็ไม่ค่อยเบื่อ เพราะมีหมายักษ์2ตัวอยู่เป็นเพื่อน เขาค่อนข้างโอเคกับที่เราเป็นเกย์ แต่ช่วงนี้เริ่มมีความรู้สึกว่าที่บ้านเริ่มจะลืมว่าเราชอบผู้ชาย เพราะเราเป็นคนนิ่งๆเงียบๆ ถ้าไม่ได้อยู่กับเพื่อนก็จะไม่ออกสาวเลย เรื่องนี้ต้องเตือนความจำเขา 555 

เรื่องความรัก 555 ไม่ค่อยอยากจะพูดเท่าไหร่ เพราะไม่ได้มีเข้ามาบ่อย พอเข้ามาก็เข้ามาพร้อมๆกันหลายๆคน แต่เป็นหลายๆคนที่ไม่ตรงสเป็คเลย บางคนแก่รุ่นเดียวกับแม่ บางคนแก่กว่าแม่ บางคนมาในตำแหน่งที่ไม่เข้ากันกับเรา บางคนมาสาวกว่าเราอีกก็มี แต่เคยไปเดทอย่างเป็นทางการครั้งนึง กับผู้ชายที่ไม่ออกสาว แมนๆ หล่อ คือตรงสเป็คอะ นิสัยดีด้วย แต่ด้วยเราที่ไม่มีประสบณ์การในการเดทกับผู้ชายหรือผู้หญิงเลยทำให้เราตามจิกตามตื้อตามจี้จนเขาหายไป เอาง่ายๆคือเรา เฮีย เอง แถมลักษณะการใช้ชีวิตไม่เหมือนกันด้วย เขาที่ใช้ชีวิตแบบ นอนดึกตื่นอีกทีตอนเย็น แต่ใช้ชีวิตจริงจัง ทำงานทำการ เรียนดี มีเป้าหมายในชีวิต มีเวลาว่างน้อย กลับกัน เราใช้ชีวิต นอนดึก ตื่นเช้า ถ้าง่วงก็นอนต่อจนเต็มอิ่ม ใช้ชีวิตเรือยๆ มีเป้าหมายในชีวิตก็จริง แต่ก็เรื่อยๆเอื่อยๆ นิสัยเราก็เด็กๆ ความคิดเราเด็กๆ(บางครั้ง) แล้วเราเวลาว่างเยอะ คือต่อให้ทำงานเราก็หาเวลาที่จะทำให้ตัวเองว่างได้ ทำให้เราตามจิกเขาจนสุดท้ายเขาก็หายไป ตอนแรกก็โกรธเขา ไม่เข้าใจเขา ส่งข้อความไปถามว่าทำไม ทำไม ทำไม หลายครั้งมาก ซึ่งเขาอ่านแต่ไม่ตอบ จนสุดท้าย เราขอโทษเขาสำหรับทุกอย่างที่ทำให้เขาไม่พอใจ แล้วเราก็ไม่ส่งแชทไปอีกเลย จุดจบคือ มานั่งกินเหล้าแล้วก็ร้องไห้กับแกงซ์พี่ๆ แล้วก็บอกตัวเองว่าจะร้องไห้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ นี่ขนาดเดทแค่อาทิตย์เดียวนะ 555 ตอนนี้โสดสนิท ไม่วิ่งตาม ไม่ค้นหา มีเปิดแอพเดทบ้างบางครั้ง แต่ไม่นานก็ลบ ได้แต่ภาวนาให้ตอนเรียนมหาลัยมีคนมาจีบบ้าง สักคนก็ยังดี 555

ช่วงนี้โควิด อังกฤษกำลังหนักเลย แถมนายกไม่รู้คิดอะไรอยู่ วางแผนที่จะปลดLockdown แต่เขาทำงานหนักมากจริงๆ แต่ก็ยังโดนด่าอยู่ เพราะมันเป็นสิ่งที่คนอังกฤษเห็นต่างกันทุกคน แต่จะบอกว่า ถึงจะLockdown แต่รัฐบาลให้เงินทุกธุรกิจทุกเดือน ทำให้คนส่วนใหญ่ที่ต้องอยู่บ้านยังมีรายได้อยู่ ส่วนเรื่องการรักษา ตอนนี้เขารักษาแค่คนที่มีอาการหนักมากจริงๆถึงขั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพราะโรงพยาบาลมันไม่พอ แล้วเขาขอความช่วยเหลือไม่ให้คนที่เป็นโควิดไปโรงพยาบาลเพราะมันจะไปแพร่เชื้อให้คนอื่นเขา ถ้าไม่ไหวจริงๆเขาก็มีเบอร์โทรให้โทรแล้วจะส่งรถมารับ และเขาใช้วิธีการสั่ง Lockdown แบบขอความร่วมมือ คือ สั่งปิดทุกกิจการก็จริง แต่ร้านค้าพวก Supermarket ร้านขายยา กับร้านอาหารที่เป็นสั่งทานกลับบ้านยังเปิดอยู่ แต่ใช้มาตรการ ห่างกัน2เมตร แล้วถึงเขาจะLockdown แต่เขาอนุญาตให้ออกมาซื้ออาหาร ไปทำธุระเกี่ยวกับสุขภาพ หรือ ออกมาออกกำลังกายได้ แต่ห้ามรวมกลุ่มกันเกิน2คนยกเว้นเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ช่วงนี้เห็นรวมกลุ่มกันค่อนข้างเยอะ เพราะเขากักตัวจริงจังกันมากตั้ง2เดือน ก็ต้องเบื่อกันบ้าง ยิ่งวันไหนแดดดีๆก็จะเห็นคนจับกลุ่มกัน แต่ยังดีที่มีรถตำรวจวิ่งตลอดเลยไม่ค่อยมีคนจับกลุ่มกันเยอะ เพราะเขาจับและปรับจริงๆ บางทีเราออกไปซื้อข้าวกินเจอรถตำรวจยังกลัวเลยว่ ตูจะโดนไหมว้าาา 5555 

ไม่รู้ว่าเคยเล่ารึยังแต่จะเล่าอีก คือประสบณ์การไป Night Club ครั้งแรก ไปกับเพื่อนแม่ตอนนั้น แต่งตัวกระโปโลมากเสื้อกันหนาวSweater กับกางเกงทำงานรองเท้ากำมะหยี่ มีผู้เลี้ยงเหล้าจ้าา แล้วก็เราพยายามติดต่อเขาแต่เขารู้แล้วมั้งว่าเราเป็น ผช สงสารเขามาก แล้วเราก็ไม่ยุ่งกับเขาเลย เขาหล่อมาก เหมือนหุ่นเหมือนทหารเลยแต่เขาไม่ใช่ จูบแรกของเราก็ไปกับเขาแล้วเรียบร้อย แล้วก็อีกอันนึงคือไปเที่ยวNight Club ในเมืองที่ทำงานกับพี่ๆที่ทำงานร้านอาหารไทยช่วงHalloween กะเลยเลยจัดเต็มใช้สกิลแต่งหน้าที่ไม่มีเลย แต่งหน้าแมวลวกๆมั่วๆเพราะมันคือHalloween เราไม่เน้นสวย หนีบผมตรงและเป็นแมว แต่ตัวเรียบร้อยมาก กางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อกันหนาวNikeสีเทา เราไปเที่ยวกันหลังทำงานเสร็จ เปิดโลกกะเลยมากเพราะกะเลยไม่เคยมาเที่ยวผับในเมืองใหญ่ แล้วก็เจอเพื่อนที่โรงเรียนตอนเรียน Sixth Form แกงซ์นางหล่อทุกคน หุ่นเหิ่น หน้าตา คือ สุดยอด แต่ก็คุยไม่นานเพราะเรามากับเพื่อนเรา คืนนั้นกินเหล้าอะไรไปสักอย่างที่จะมีแก้วเล็กซ้อนอยู่ข้างในใบนึง แต่คือวันนั้นกินแล้วสร่างไวทำให้กินต่อไม่ได้เลยได้แต่น้ำเปล่า สนุกมาก จนสุดท้ายก็ได้ผู้มา จูบ คนนึง วัยใกล้ๆกัน แต่เขาเมาไงเลยคิดว่าเราเป็น ผญ เราก็ไม่อยากจะจูบเขาหรอก แต่พวกเพื่อนๆก็ยุให้ทำ ตอนนี้ได้แต่สงสารเขา ไม่รู้เอาไปโม้กับเพื่อนไหนต่อไหนแล้วว่าตูได้จูบกับผู้หญิงเอเชียโครตสวยตอนฮัลโลวีน ที่เล่าอันนี้มาทั้งหมดคือจะอวดเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก

เดี๋ยวไว้มีอะไรจะมาเล่าต่อนะครับ ช่วงนี้เราก็จะตั้งกระทู้ไร้สาระไปเรื่อย ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่