[CR] เดินทางทั่วคันไซ (Kansai) เธอไปไหนดอกซากุระ


เนื่องจากมีคนทำท่านิสิยไม่ดีอยากจะโหลดรูปที่ผมทุ่มเทถ่ายมาไปใช้เป็นของตัวเองเลยต้องขอติดลายน้ำไว้ สำหรับเพื่อนๆที่อยากดูแบบเต็มๆไม่มีโลโก้เกะกะเชิญที่เว็บไซต์ส่วนตัวผมได้เลยครับ https://www.nopeopletravelphoto.com/

มาแบบหลายตอนเช่นเคยเพราะว่าไปเที่ยวค่อนข้างนาน ลางานปีละไม่กี่ครั้ง ตอนนี้เป็นตอนที่ 1 นะครับ สำหรับตอนต่อไปดูได้จากลิงค์ด้านล่างนี้เลย
ตอนที่ 2 - ฟูจิ (Fuji) เน้นๆ 3 วันครึ่งไปเกือบครบทุกทะเลสาบ: https://www.nopeopletravelphoto.com/post/fuji_april2019
ตอนที่ 3 - โตเกียว (Tokyo) เดินเล่นในโตเกียวในวันที่ดอกซากุระบาน: https://www.nopeopletravelphoto.com/post/tokyo_april2019

เดือนที่เดินทาง - 26 มี.ค. - 1 เม.ย. 2019

"แค้นนี้ สิบปียังไม่สาย" ไปญี่ปุ่นคราวนี้เป็นครั้งที่สองและเป็นนัดล้างตาจากที่พลาดครั้งก่อนที่คิดว่าจะมาแล้วเจอกับใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแต่ดันไปก่อนเวลาเค้าตั้ง 2 สัปดาห์ ทำให้เราต้องรวมตัวกันอีกครั้งกับรุ่นพี่ที่สนิทกัน 2 คน

โพสแรกผมรวมสถานที่ต่างๆที่เราไปกันในคันไซ (แต่ไม่คันควา ผ่ามมม) ในภารกิจตามหาซากุระ Full Bloom ตั้งแต่โอซาก้าไปจนถึงเกียวโต และจบลงที่ Nagoya ที่จริงๆไม่ได้อยู่ในเขตคันไซแต่ไม่รู้จะเอาไปลงตรงโพสไหน

ทริปนี้นับได้ว่ามีความกดดันพอควรทั้งคนวางแผนและคนชวนเพราะว่าถ้าดอกไม้มันไม่ออกมาก็ต้องกลัวเพื่อนๆจะผิดหวังกันทั่วหน้า ต้องติดตามต่อไปว่างานนี้จะย้ำแค้นหรือล้างตา!

โอซาก้า (Osaka) วันที่ 1
ผมเริ่มออกเดินทางจากสิงคโปร์ก็ดึกๆแล้ว และจะได้ไปเจอกับกลุ่มเพื่อนตอนเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดอนเมืองเพื่อจะไปลงที่สนามบินโอซาก้า การเดินทางครั้งนี้เป็นไฟลท์ตาแดงนอนบนเครื่องอีกเช่นเคยด้วยความที่วันลาน้อยต้องเซฟเวลาสุดๆ

ด้วยความที่ผมเข้าใจว่ามันเริ่มจะเข้าหน้าร้อนแล้วเพราะก็ใกล้จะเดือนเมษาเข้าไปแล้วเลยไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าหน้าหนาวมาเยอะแยะเพราะกลัวจะต้องหอบเดินให้รุงรังถ่ายรูปไม่สะดวก พอลงเครื่องมาอยู่ในสนามบินก็ดีใจว่า เฮ้ย! ไม่หนาวจริงด้วย พอเห็นคนอื่นใส่เสื้อกันหนาวกันเยอะแยะก็หันไปคุยกับเพื่อนว่าพวกนี้เค้าหนาวอะไรกันนักหนา

ออกไปนอกสนามบินเท่านั้นแหละ หน้าสั่นจนต้องควักเสื้อในกระเป๋ามาใส่เพิ่มแล้วรีบวิ่งไปที่สถานีรถไฟสายด่วนเข้าตัวเมือง ด้วยความที่รุ่นพี่ผมนี่เค้าคลั่งรถไฟเลยพากันไปนั่งรถไฟที่หน้าตาเหมือนการ์ตูนหุ่นยนต์ยักษ์สมัยก่อน

นั่งมาถึงค่อนข้างไวและมาลงที่สถานีนัมบะ (Namba) ลงแล้วกระเป๋าก็ใบใหญ่กันทุกคนเลยต้องวิ่งไปหาตู้ล็อคเกอร์ก่อนเพราะที่พักเค้าไม่ให้เข้าก่อนเวลา ตู้ก็แสนเต็มต้องเดินไปหากันเกือบชั่วโมง

เก็บเสร็จแล้วก็ไม่ร่ำไร นั่งรถไฟเพื่อจะไป Osaka Aquarium Kaiyukan หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว ดูที่ตัวตึกเค้าว่ามันหน้าตาเหมือนหางปลาวาฬโผล่พ้นน้ำ

ด้านในการจัดแสดงถูกออกแบบมาให้เดินวนๆจากด้านบนจนลงไปถึงชั้นล่างสุดแล้วมีแท้งค์สำหรับสัตว์น้ำรอบๆและมีแท้งค์ใหญ่สุดอยู่ตรงกลางสำหรับสัตว์ขนาดใหญ่ที่ต้องให้ที่เค้าเยอะๆ เช่นฉลามวาฬ (whale shark) ฉลามหูดำ (หน้าหม้อ) ปลาเก๋า (grouper) แล้วก็กระเบนราหู (manta ray)

พอมาแล้วบังเอิญเป็นเวลาให้อาหารพอดี ในรูปจะเห็นว่ากำลังงับแขนอยู่เลย แถวนี้ให้อาหารปลาอย่างเถื่อน!

ตู้อื่นๆก็จะเป็นสัตว์น้ำแปลกๆเช่นปลาพระอาทิตย์ปลาหมึกเรืองแสง แล้วก็มีตู้สำหรับแมวน้ำด้วย ว่ายน้ำโฉบไปมา เหมือนมีคนมาจ้องก็ยิ่งว่ายโชว์กันเป็นขบวน มีทั้งว่ายหงายท้องและว่าตะแคงๆ ถ้าได้เห็นเค้าเหล่านี้ตามธรรมชาติคงเป็นภาพที่สวยงามไม่น้อย

ที่ต่อมาที่ทำให้ต้องสะดุดหยุดดูก็ต้องเป็นโซนแมงกระพรุนหลายๆพันธุ์ที่เกิดมาไม่เคยเห็นมีทั้งสองแสงเองได้ แสงไฟก็หลายสีเหมือนไฟงานวัดวิบๆวับๆ

ด้านในมีให้ดูอีกเยอะแยะใช้เวลาได้เป็นวัน มีทั้งโซนที่ให้เด็กเอามือลงไปจับปลาฉลามได้พร้อมมีหน่วยพยาบาลคอยเวลามีเหตุฉุกเฉิน อันหลังผมล้อเล่นเพราะว่าปลาที่เค้าให้จับไม่ดุร้ายจ้า

พอเดินดูกันครบแล้วก็เริ่มเย็นๆแล้วทั้งเวลาและอากาศ พอมาถึงโอซาก้าแล้วที่ที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องไปกันก็คือ Dotonburi นั่นเอง เป็นสถานที่เดินเล่นริมคลองที่มีร้านอาหารเยอะแยะที่ร้านมีป้ายที่ออกแบบไม่เกรงใจสถาปนิก

ที่โด่งดังที่สุดก็ต้องเป็นป้ายกูลิโกะที่มีคนมายืนกางแขนกางขากันเต็มถนน

วันแรกเบาๆก่อนพอหาอะไรกินเล็กน้อยก็เดินไปเอากระเป๋ากลับที่พัก ระหว่างทางมองเห็นต้นซากุระ มีบานอยู่กิ่งเดียว หันหน้ามองกันแล้วก็ปลอบใจกัน "แล้วพรุ่งนี้จะดีกว่านี้"

โอซาก้า วันที่ 2
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาด้วยความหวัง ดอกไม้จะบานเยอะกว่าเดิม แผนคือวันนี้เราไปปราสาทโอซาก้าที่เป็นปราสาทที่สร้างมาจำลองของเดิมที่ถูกไฟไหม้เสียหายไป และถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์และสวนสาธารณะรอบๆตัวปราสาท

ครั้งนี้ก็มาเป็นครั้งที่ 2 แล้วก็ยังคิดว่าไม่ค่อยมีอะไรให้ทำเหมือนเดิมเลยตัดสินในซื้อบัตรเพื่อขึ้นไปดูด้านบน มองลงมาเห็นวิวรอบๆเมืองและคนเฮฮากันในสวน มันเหมือนตรงไหนมีดอกไม้บานเต็มต้นก็จะมีคนไปมุงๆเหมือนเป็นแม่เหล็กดึงดูด

ใช้เวลาพอสมควรเราก็พากันเดินออกมาเพื่อจะไปสถานที่ต่อไปในแผนแล้วตาเราก็มองไปเห็นต้นไม้พุ่มๆสีขาว ทุกคนก็เลยวิ่งตรงเข้าไป เห็นแล้วเวลาเค้าบานเต็มต้นมันเป็นยังไง ด้วยความที่เป็นต้นเดียวละแวกนี้ คนก็เลยมุงกันแบบนี้ไม่ต้องแปลกใจ ส่วนกลุ่มเราไม่ค่อยตื่นเต้น ยืนอยู่ตรงนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง

บอกตัวเองว่าชีวิตมีมากกว่าต้นไม้ต้นนี้ เราก็เลยไปต่อที่ Osaka Museum of History หรือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของโอซาก้าที่มีเรื่องราวตั้งแต่สมัยโบราณกาลก่อนจนถึงปัจจุบัน สำหรับใครที่สนใจ ด้านในก็จะเป็นแบบจำลองบ้านเมืองตั้งแต่สมัยโบราณแบบให้เห็นภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนผ่านตุ๊กตาทั้งชาวบ้านและสัตว์ต่างๆ

ชีวิตคนโอซาก้าสมัยยังไม่มีตะปูเลยต้องเอาหินทับกันหลังคาปลิวไปกับลม
ภาพนวัตกรรมตู้เสื้อผ้าเคลื่อนที่ในสมัยก่อน บอกให้สามีแบกไปให้ทุกแห่งหน
ตรงนี้เค้าบอกว่าเป็นย่านการค้าแต่ดูจากการแต่งตัวกับถังใหญ่ๆเหมือนห้องอาบน้ำที่บางแสน
ส่วนบ้านเหล่านี้ไม่มีหลังคาครับ เป็นการออกแบบที่ใช้ natural light เพื่อประหยัดพลังงานที่สมัยนี้กำลังฮิต คนญี่ปุ่นนี่ล้ำหน้าชาวโลกจริงๆ หรือไม่แน่อาจจะเป็นเพราะทำหินหายหลังคาปลิวไปหมดแล้ว!

ไร้สาระจนไม่ได้ความรู้ เดินออกมาจากโซนจัดแสดงจะมีกระจกบานใหญ่ให้เห็นวิวของปราสาทโอซาก้าในมุมสูงที่สาย cityscape อาจจะตามหา พลาดอย่างเดียวเค้าไม่เปิดจนเย็นให้เราได้รอแสงช่วง twilight

ว่าแต่ทำไมต้นไม้แห้งยังงั้นล่ะลูก

ดูกันครบทุกชั้นคุ้มค่าตั๋วแล้วก็ออกได้ ใช้เวลาพักผ่อนนั่งเล่นกินข้าวกันจนเริ่มเย็นๆ เราก็เดินทางไปจุดสุดท้ายกันและเป็นที่รู้จักกันมากสำหรับจุดถ่ายรูป cityscape ก็คือตึก Umeda Sky Building ที่หน้าตาเหมือนแท่นปล่อยกระสวยอวกาศ ยอดตึกนั้นเป็นจุดชมวิว 360 มองเห็นทั้งฝั่งเมืองและปากแม่น้ำก่อนออกไปที่อ่าวโอซาก้า

ถ่ายภาพอยู่ข้างนอกซักพักมันทั้งหนาวทั้งลมแรง ร่างกายเริ่มทนไม่ไหมผมเลยต้องตัดใจแล้วลงไปอยู่ด้านในตึกแทนแล้วกางขาตั้งกล้องเตี้ยตรงมุมที่มองเข้าไปในเมืองไว้ถ่ายภาพช่วง twilight และ blue hour ไฟตึกระยิบระยับสุดขอบฟ้าไปเลย


ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)
พักผ่อนมาเต็มที่และออกไม่เช้ามากเพื่อจะไปดูปราสาทฮิเมจิที่นับเป็นปาฏิหารย์ที่ไม่ถูกระเบิดให้เสียหายเลยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เราได้ดูของแท้ดั้งเดิมที่อยู่มาแล้วกว่า 700 ปีด้วยกัน

ระหว่างทางจากโอซาก้ากับฮิเมจิจะมีที่ไหนไปได้นอกจากโกเบ และไม่ต้องห่วงเพราะเราทั้ง 3 คนไปรอที่หน้าร้าน Steakland ตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดจน 11 โมงเพราะเป็นที่ขึ้นชื่อว่าคิวยาวมากถ้ามาสาย เนื้อโกเบที่โด่งดัง จะรู้สึกได้ต้องได้กินเองเคี้ยวเองนะครับ

โอ้เอ้กันพักใหญ่ในที่สุดก็มาถึงสถานีฮิเมจิ ออกมาจากสถานีแล้วก็เห็นทันทีไม่ต้องกลัวหาทางไม่เจอ ปราสาทนี้มีอีกชื่อที่ไม่เป็นทางการว่าปราสาทนกกระยางขาวด้วยภายนอกปราสาทเป็นสีขาวทั้งหมด

ระหว่างทางก็มีเห็นเป็นระยะว่าต้นซากุระบางต้นก็บานกันเต็มแล้วทำให้ใจชื้นขึ้นและหวังว่ารอบๆปราสาทจะบานกันเยอะๆให้เห็นเป็นพุ่มๆสีชมพู มีภาพในหัวมาตั้งแต่ยังไม่ถึงที่แล้ว ไม่รอช้าเดินเข้าไปด้านในเลย

อันนี้คืออะไรที่มีแต่กิ่งแห้งๆ 555 มาถึงจุดนี้แล้วก็ทำใจได้แล้วไม่คาดหวังอีกต่อไป ต้องตัดใจจากกัน

ส่วนด้านหน้านี้ยังไม่ต้องเสียเงินเข้า แต่จะต้องซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปด้านบน เข้ามาในบริเวณกำแพงด้านในแล้วก็จะเป็นบริเวณสวนให้เดินเล่นได้ใช้เวลาตามใจชอบแล้วก็มองไปเห็นสิ่งที่เป็นเหมือนบ่อน้ำกลางทะเลทราย โหหห แบบมีกลีบดอกร่วงตามพื้นด้วย โรแมนติกสุดๆ

ขอเล่านิดนึงว่าผมเองสงสัยมาตลอดว่าพวกขนมญี่ปุ่นที่บอกว่าขนมรสซากุระเนี่ย ดอกจริงๆมันมีรสชาติด้วยหรอ พอเห็นคนไม่ค่อยเยอะแล้วผมก็เลยเก็บกลีบที่ตกตรงหญ้าที่ดูสะอาดๆเข้าปากดูนิดนึง ไม่เห็นมันจะมีรสชาติเหมือนพวกขนมนี่เลย ผมสรุปให้ตรงนี้ ขนมรสซากุระจริงๆคือรสน้ำตาล จะไม่ถูกหลอกอีกต่อไป

พอเสพต้นไม้กันเต็มที่แล้วก็เป็นส่วนที่จะเดินไปด้านบนหอคอยของปราสาท ตรงนี้เค้าไม่ให้ใส่รองเท้าไปแต่ว่าจะแจกถุงพลาสติกให้หิ้วขึ้นไปแทน ขออภัยคนรอบข้างที่มีกินไม่พึงประสงค์ พื้นข้างในและบันไดลื่นมากๆ ถ้าใครไปแนะนำไม่ใส่ถุงเท้าด้านในครับ แล้วก็ห้ามถ่ายรูปภายในอาคารผมเลยถ่ายภาพข้างนอกมาแทน ดูแล้วก็เดาเอาว่าคนแถวนี้เค้าคงห้ามสร้างตึกสูงเกินไปที่จะมาบดบังความงามของปราสาท ดูๆแล้วก็น่าจะเป็นสิ่งที่กรุงเทพควรจะทำแต่คงไม่ทันแล้วเพราะมีที่ตรงไหนก็สร้างคอนโด
ชื่อสินค้า:   คันไซ เกียวโต โอซากา ฮิเมจิ นาโกย่า
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่