สวัสดีชาวพันทิปอีกครั้งนะครับ หายไปนานเลย คิดถึงการเขียนบล็อคมาก 55 วันนี้ผมก็จะมารีวิวทริปบ้านใกล้เรือนเคียง คือ กัวลาลัมเปอร์นะครับ สาเหตุที่ไป ไม่ใช่เพราะตั๋วถูก แต่เพราะเป็นทริปกตัญญูกตเวทิตา 1 ครับ 555 เพราะเราเองก็เที่ยวต่างประเทศมาหลายที่แล้ว แต่เราเองก็ยังไม่เคยพาพ่อแม่เที่ยวเลย ได้โอกาสอันนี้ เลยจะพาเที่ยวสักหน่อย ตอนแรกคือจองสิงคโปร์ไป ช่วงเดือนมีนาปีนี้แหละ แต่บังเอิญยกเลิกไฟลท์ เลยต้องเปลี่ยนกัวลาลัมเปอร์แทน ซึ่งตอนจองนั้นสถานการณ์ COVID-19 ยังไม่รุนแรงนะ แค่เบาๆ แต่พอใกล้ถึงวันที่จะไป ประเทศอื่นเริ่มมาว่ะ แต่ไทยและมาเลเซียตอนนั้นคือคนติดเชื้อค่อนข้างน้อย เลยตัดสินใจไป แต่การป้องกันตัวเองก็ใช้มาตรการสูงสุดเหมือนกัน ฉะนั้นงดดราม่านะ ถ้าดราม่าคืองอนนะ 55
ที่นี้เรามาเริ่มรีวิวกันเลย

วันที่ 1 (24/2/20) ถึง KLIA2 ประมาณ 11 โมง แต่สิ่งที่แปลกใจ คือ จำนวนคนที่ ตม. คือน้อยมาก และการตรวจเข้มมาก พ่อกับแม่ของเรา ซึ่งทำ Passport เล่มใหม่มา ไม่มีประวัติเดินทาง ผ่านตม.ง่ายมาก ทั้งที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ตัดภาพมาที่เรา ซึ่งมีวีซ่าจีนติดเล่มอยู่ เพราะไปจีนปีที่แล้ว โดนไล่ให้ไปเขียนใบประวัติการเดินทางใหม่ แต่สุดท้ายก็เข้าเมืองได้ไม่ยากเย็น (ณ วันดังกล่าว)  ส่วนรีวิวการเข้าเมือง สามารถไปย้อนดูตอนทริปจาการ์ตาได้นะครับ แต่ที่จะแนะนำคือ กรณีมีผู้สูงอายุไปด้วย หรือไปกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป แนะนำให้ไปแท็กซี่ โดยเรียก Grab จะถูกกว่าและสะดวกกว่าการนั่ง KLIA ekpress ส่วนบริเวณการรอของ Grab แนะนำให้ถามตรงทางออก ซึ่งมีเคาเตอร์ของ Grab อยู่แล้ว ส่วนราคาเข้า KL ก็ราคาเดียว คือ 65 ริงกิต ยังไม่รวมค่าทางด้วนนะ ถ้าจำไม่ผิด ประมาณ 90 ริงกิต (ประมาณ 700 บาท) ซึ่งหาร 3 คน แถมส่งถึงโรงแรม ตกเฉลี่ย คนละ 233 บาทเอง ซึ่งถูกกว่าการนั่ง KLIA ekpress ซึ่งครั้งละ 55 ริงกิต (ประมาณ 420 บาท) ต่อคน รวมๆแล้ว ถ้าไปกันหลายคน แท็กซี่ถูกกว่าจร้า แนะนำ

เข้าเมืองมาแล้ว ก็ต้องหาข้าวกิน ร้านแรกที่ได้กินที่ KL คือ Nasi Kandar Kudu นั่งคือข้าวราดแกงนั่นแหละ บอกเลยอร่อยมากกกก แต่ติดที่เครื่องเทศเยอะมาก ใครไม่ชอบเครื่องเทศ ควรเลี่ยง หรือกินเมนูอื่นแทนนะ และที่สำคัญอีกอย่าง เพื่ออรรถรส ควรกินด้วยมือ แต่เขาก็มีช้อนให้นะ กรณีคนไม่สะดวก แต่ระดับเราแล้ว มือเท่านั้น ส่วนใหญ่คนที่มากิน ก็มักจะเป็นพนักงานอ๊อฟฟิซ และคิวยาวมาก ถ้าไปตอนเที่ยงก็ทำใจนิดนึง ถ้าไม่อยากเจอคนเยอะๆ ก็ช่วงก่อนเที่ยง หรือหลังเที่ยงนะ แต่กับข้าวจะเยอะตอนก่อนเที่ยง แนะนก่อนเที่ยง จะได้เลือกเยอะ และอาหารจะร้อนๆเลยจร้า 

และเมนูที่สั่งนั้น ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร เห็นคนก่อนนะกินอะไร ก็อันนั้น เพราะคนรับออเดอร์เขารับเร็วมาก และคนรอเยอะมาก ลำไยไม่ได้ เดี๋ยวโดนด่า เลยได้เมนูตามภาพ แต่อร่อยมากนะ ชอบ ควรกิน สำหรับคนไป KL นะ

กินข้าวเสร็จ ก็กลับมานอนกันก่อน เอาแรง เพราะทริปนี้พาคนแก่วัยเกษียณไป ดังนั้น ต้องใจเย็นๆ 555
พอตื่นมาตอนเย็น เราก็ไปที่ยอดฮิตสำหรับคนที่จะมาช๊อปปิ้งที่ KL คือ Petaling Street Market เป็นตลาดที่สำหรับซื้อของฝากและของละเมิดลิขสิทธิ์ ฟีลประตูน้ำบ้านเราเลย แต่ของฝากคือถูกจริงนะ ต่อราคาได้ ลองไปดู

ช๊อปเสร็จ ก็สบายใจเลยสินะ


ช๊อปปิ้งเสร็จ ก็ว่าจะเดินไปมัสยิด Jamek แต่ปรากฏว่าฝนตก และหิวข้าวแล้ว เลยแวะกินข้าวที่ร้านอาหารบังคลาเทศ ชื่อว่า Joy Restoran Bangladeshi Traditional Food แบบบังเอิญแหละ ใครอยากลองกินอาหารบังคลาเทศ โดยชาวบังคลาเทศ แนะนำร้านนี้อยู่นะ อร่อยอยู่ ซึ่งคล้ายอาหารอินเดียนั่นแหละแถมเจ้าของร้านน่ารักมาก  

อาหารพวกกับข้าว ก็ตักเองได้เลย ซึ่งมันจะมีขนาดจานอยู่แล้ว ตักเลย อยาากินอะไร ส่วนข้าว หรือแป้ง เราก็ค่อยตามหลังเอาได้ กินแบบคนบังคลาเทศจริงๆ

กินเสร็จ กำลังจะออกจากร้าน เมียเจ้าของร้านก็เสนอเมนูของหวานมาให้ ตอนแรกไม่เอา แต่แม่เราอยากลอง เลยลองกินดู มันคือโยเกิร์ตนมแพะ โคตรอร่อย เป็นโยเกิร์ตที่อร่อยที่สุดในีวิตที่กินมาเลย อร่อยมากๆจริงๆ ถ้าไปร้านนี้ คืออันนี้ต้องห้ามพลาดจริง 

กินเสร็จ แทนที่ได้มัสยิด ไม่ได้ไปจร้า ฝนตก เลยต้องกลับมานอนแทน
สำหรับวันแรก ไม่มีไรมากมาย ช๊อปปิ้ง กิน หลักๆเน้นกิน 555 เพราะพาผู้สูงวัยสองคน และเราวัยรุ่นหนึ่งคน แล้วเราคนเดียวจะไปสู้ไหวหรอ สว. หิว ก็ต้องหาของกิน แต่ผิดคาดจากที่คิดไว้มาก ตอนแรกคิดว่าอาหารจะน่าเบื่อ แต่ไม่เลย กลับหลากหลายและอร่อยพอสมควร แต่คนที่ไม่ชอบเครื่องเทศเยอะๆ หรือเลี่ยนๆ อาจจะไม่ชอบ แต่เราชอบนะ
คืนนี้ก็นอนหลับฝันดี พร้อมเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้ และจากโรงแรม ก็มองเห็นวิวตึก หอคอยกัวลาลัมเปอร์ เป็นวิวที่ดีมากๆ 

วันนี้จะเป็นยังไง เดี๋ยวมารีวิวต่อนะครับ ฝากติดตามด้วยนะครับบบ ^^