ข้อสรุป พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กับการถ่ายภาพไอดอล

กระทู้สนทนา
หลายคนที่กังวลว่า พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เมื่อถูกบังคับใช้แล้วจะส่งผลกระทบอะไรกับการถ่ายภาพน้องๆเมมเบอร์มาลงโซเชียลรึเปล่า

สรุปคือสามารถถ่ายภาพเมมเบอร์มาลงได้ตามปกตินะครับ ถ้าไม่ได้เป็นการสร้างรายได้จากภาพนั้นๆ หรือสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น ตามกรณีข้อที่ 1 แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ภาพถูกนำไปใช้เพื่อการค้าในภายหลังหรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย ก็อาจจะถูกฟ้องละเมิดได้

ก็น่าจะสบายใจได้แล้วนะครับ ใครจะถ่ายภาพหรือแชร์ภาพน่ารักๆของน้องมาหวีดมาป้ายยาก็ทำได้ปกติเหมือนเดิมเลยครับ แค่อย่าทำให้เกิดความเสียหายกับน้องๆหรือผู้อื่นก็พอ

..........

Cr. https://www.facebook.com/2020522818022541/posts/3832499376824867/?d=n

1. การถ่ายภาพเพื่อนำมาลง FB / IG หรือ Social อื่นๆที่ไม่ได้หวังผลทางการค้า พูดง่ายๆคือไม่ได้สร้างรายได้จากภาพนั้นๆ สามารถโพสต์ได้โดยที่ไม่ได้ผิด PDPA

- แต่ข้อควรระวังคือถ้าภาพนั้นสร้างความเสียหายให้ผู้อื่น อาจจะโดนฟ้องละเมิดได้ ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวกับ PDPA เช่น มุขเลนส์โฟกัสเสียไปโฟกัสเมียคนอื่นถ้าหากเราโพสต์สนุกๆขำๆก็ไม่ได้ผิด PDPA แต่ถ้าภาพนั้นเกิดสร้างความเสียหายให้คนในรูปไม่ว่าจะเป็นท่าทางของเขา แคปชั่นของผู้โพสต์ หรือ คอมเมนต์ต่างๆ พวกนี้อาจจะนำไปสู่การฟ้องละเมิดได้

- ข้อควรระวังอีกข้อนึงคือถ้าภาพนั้นถูกนำไปใช้เพื่อการค้าภายหลัง ก็ต้องมาดูกันต่อในกรณีของข้อ 2

2. การถ่ายภาพเพื่อสร้างรายได้

2.1 สมมุติว่ารับงานปริญญา งานแต่ง งานอีเว้นท์ บลาๆๆ กรณีนี้ก็ต้องดูว่าสัญญาระบุไว้แค่ไหน เช่น สัญญาระบุไว้แค่ส่งรูปให้ลูกค้าคือจบ แล้วบังเอิญงานนั้นเกิดมีภาพสวยๆเยอะ เราอยากเอาภาพงานนั้นมาลงโปรโมตในเพจ ตรงนี้ก็ต้องอนุญาตผู้ว่าจ้างของเราก่อนว่าเขาอนุญาตไหม

ถึงตรงนี้อาจจะมีคำถามว่า สมมุติไปถ่ายงานปริญญาแล้วมีหน้าคนอื่นเข้ามาเฟรมภาพเรา จะทำยังไง? ก็ต้องดูว่า ท่าทาง ใบหน้า ของคนที่เข้ามาในเฟรมภาพมันสร้างความอับอายให้เขาหรือไม่

ขอแวะตรงงานอีเว้นท์นิดนึง ในกรณีของงานอีเว้น "ผู้ควบคุมข้อมูล" คือเจ้าของงาน เพราะช่างภาพแค่ถูกจ้างไปเก็บภาพบรรยากาศ แต่อาจจะมีกรณีที่ผู้ร่วมงานบางท่านไม่อยากให้ตัวเองถูกถ่ายรูป ตรงนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าของงานแล้วว่าจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง อาจจะแปะสติ้กเกอร์หรือสัญลักษณ์อื่นๆเพื่อบ่งบอกว่าผู้ร่วมงานคนนี้ไม่อยากถูกถ่ายรูปนะ หลังจากนั้นก็จะเป็นงานของช่างภาพแล้วว่าจะถ่ายยังไง แบบไหน

2.2 ชาว VLOG , VDO Content ต่างๆ พวกนี้ก็ต้องดูเป็นกรณีไปว่าเราทำมาเพื่อการค้าหรือหวังผลรายได้ในอนาคตหรือไม่ ( หวังผลรายได้ในอนาคต เช่น สปอนเซอร์ต่างๆ,รายได้จาก Youtube) ถ้าทำสนุกๆไม่ได้หวังรายได้ ก็จะไปเข้ากลุ่มข้อ 1 แต่ถ้าทำเพื่อหวังรายได้ ตรงนี้เราก็ต้องดูว่า VDO ที่เราถ่ายแล้วติดคนอื่นมาเนี่ยมันอยู่ในสถานที่แบบไหน ถ้าเป็นพวกที่สาธารณะหรือสถานที่ที่สามารถถ่าย VDO ได้ ตรงนี้ก็ไม่เข้าข่าย PDPA เพราะมันเป็นสถานที่ที่ทุกคนควรรู้อยู่แล้วว่ามีโอกาสที่จะถูกถ่ายรูปหรือ VDO นะ ข้อควรระวังก็คือต้องดูท่าทาง ใบหน้า ของคนที่เข้ามาในเฟรมด้วยว่ามันสร้างความอับอายให้เขาหรือไม่

2.3 สายรีวิว หรือ ถ่ายภาพเพื่อทำ Content ต่างๆ ก็ใช้เงื่อนไขเดียวกับชาว VLOG เลย

สรุปแบบสั้นๆง่ายๆ ทั้งหมดทั้งมวลมันขึ้นอยู่กับว่าภาพนั้นถูกถ่ายในสถานที่แบบไหน แล้วภาพนั้นสร้างความอับอาย สร้างความเสียหายให้คนในภาพหรือไม่ ถ้าเราสามารถเข้าใจตรงจุดนี้ได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งเราก็เชื่อว่าช่างภาพหรือคนชอบถ่ายรูปส่วนใหญ่ก็มีความระมัดระวังในเรื่องที่กล่าวมากันพอสมควรอยู่แล้ว

ใครอยากดู LIVE ที่พูดคุยเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ในมุมของช่างภาพ ซึ่งมี อาจารย์ ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล (อ.หญิง) คณะทำงานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการร่าง PDPA มาร่วมพูดคุยด้วย สามารถดูย้อนหลังได้ที่ >> https://bit.ly/2y1Lkvs

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่