อยากจะบอกว่า 5 ครูต่ำตม น่ากลัวยิ่งกว่า คนค้ายา นักเลง หรืออาชญากรที่อยู่ในสถานที่เสื่อมโทรม หรือสถานที่ที่เด็กหรือคนทั่วไปก็สามารถตระหนักได้ว่าควรจะหลีกเลี่ยงไม่ไปในสถานที่เสี่ยงนั้นๆ
ครู ผู้ใส่เปลือกภายนอกว่าคือผู้ให้ ผู้ฟื้นฟู ผู้ประสิทธิ์ประสาท วิชาความรู้ ผู้คงจริยธรรม ผู้ทรงปัญญา แต่เปลือกในคือคนต่ำตม ไร้สติปัญญาไม่ต่างอะไรกับคนเลวข้างต้น กลับจะน่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่า เพราะครูต่ำช้าเหล่านี้ ใช้ความใกล้ชิด ความไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือ เป็นเครื่องมือล่อให้เด็กผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนของตัวเองติดกับดักได้ง่าย
ข่าวการวิปลาสวิตถารหมู่ของกลุ่มครูที่เริ่มต้นด้วยครู 2 คน นำพาไปสู่การเรียกกระทิงครูอื่นๆหมุนเวียนสลับมาสมสู่กับเด็กนักเรียนของตน คือความวิปริตของสังคมครูในโรงเรียนนั้นๆ “โรงเรียน” ที่ไม่เคยอยู่ในสมองของเด็กเลยว่าเป็นสถานที่ที่ควรหลีกเลี่ยง ไม่ควรไป กลายเป็น “โรงกระทำชำเรา” เป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยทางเพศของเด็กนักเรียน ไม่น่าเชื่อว่า ห้องเรียนวิชาต่างๆหรือห้องพักครู กลายเป็นพื้นที่กระทำชำเราในรั้วรอบของเขตโรงเรียนได้ และแทบไม่น่าเชื่อกว่านั้น คือกลุ่มครูคนอื่นในโรงเรียนยังถือหาง ยอมรับและให้อภัยกับ 5 ครูต่ำตม พวกเขาคือ ครู หรือ พวกเขากำลังนำพาความวิบัติมาสู่สถาบันพื้นฐาน สถาบันการศึกษาที่เป็นที่พึ่งพิงของเด็กต่อจากบ้าน
นอกจากนี้ ข่าวนี้ยังแสดงให้เห็นว่า การคุกคามทางเพศไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันกับเฉพาะสถานะ “ผู้หญิง” เท่านั้น ยังส่งกระแสการคุกคามทางเพศต่อไปยังสถานะ “เด็ก” ที่กำลังเติบโตและกำลังซึมซับประสบการณ์ทางสังคมจากการนำทางของครู และเมื่อกลายเป็นสถานะเด็กผู้หญิง พวกเขาต้องฝ่าด่านที่รุนแรงมากกว่าสมัยก่อนขนาดไหน ที่จะเติบโตไปในสังคมการศึกษาแบบนี้ โดยไม่เพลี่ยงพล้ำเสียศูนย์ เสียความเข้าใจในการดำรงตนให้ผ่านพ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้
สังคมยุคสมัยใหม่ มนุษย์กำลังมุ่งพัฒนาความเจริญเติบโตทางวัตถุ การมุ่งแต่ความสนองความอยาก แต่ในทางคู่ขนานคือกำลังสะสมความเสื่อมโทรมทางความเป็นมนุษย์ สูญเสียความรู้สึกรู้สมของศีลธรรมและพื้นฐานจิตใจ สิ่งนี้จะแก้ไขได้ต้องเริ่มสร้างสรรค์ตั้งแต่วัยเด็ก แต่แล้วอย่างไรล่ะ เด็กในปัจจุบันกำลังผจญอยู่ในปัญหาสังคม “โรงเรียน” ขณะนี้ ก็คงกลายเป็นปัญหางูกินหาง เด็กในวันนี้ก็มีสิทธิ์เติบโตกลายไปเป็นครูต่ำช้าวิตถารได้ในอนาคต
กระทรวงการศึกษาของไทยคงต้องปฏิวัติโครงสร้างการสรรหากลั่นกรองคนที่จะมาใส่คำนำหน้าว่า “ครู” รวมทั้งการทำโทษ ไม่ใช่แค่ในด้านกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ควรรวมถึงการลงโทษในด้านสังคม และด้านวิชาชีพครูในอนาคตด้วย
"โรงเรียน" หรือ "โรงกระทำชำเรา"
ครู ผู้ใส่เปลือกภายนอกว่าคือผู้ให้ ผู้ฟื้นฟู ผู้ประสิทธิ์ประสาท วิชาความรู้ ผู้คงจริยธรรม ผู้ทรงปัญญา แต่เปลือกในคือคนต่ำตม ไร้สติปัญญาไม่ต่างอะไรกับคนเลวข้างต้น กลับจะน่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่า เพราะครูต่ำช้าเหล่านี้ ใช้ความใกล้ชิด ความไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือ เป็นเครื่องมือล่อให้เด็กผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนของตัวเองติดกับดักได้ง่าย
ข่าวการวิปลาสวิตถารหมู่ของกลุ่มครูที่เริ่มต้นด้วยครู 2 คน นำพาไปสู่การเรียกกระทิงครูอื่นๆหมุนเวียนสลับมาสมสู่กับเด็กนักเรียนของตน คือความวิปริตของสังคมครูในโรงเรียนนั้นๆ “โรงเรียน” ที่ไม่เคยอยู่ในสมองของเด็กเลยว่าเป็นสถานที่ที่ควรหลีกเลี่ยง ไม่ควรไป กลายเป็น “โรงกระทำชำเรา” เป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยทางเพศของเด็กนักเรียน ไม่น่าเชื่อว่า ห้องเรียนวิชาต่างๆหรือห้องพักครู กลายเป็นพื้นที่กระทำชำเราในรั้วรอบของเขตโรงเรียนได้ และแทบไม่น่าเชื่อกว่านั้น คือกลุ่มครูคนอื่นในโรงเรียนยังถือหาง ยอมรับและให้อภัยกับ 5 ครูต่ำตม พวกเขาคือ ครู หรือ พวกเขากำลังนำพาความวิบัติมาสู่สถาบันพื้นฐาน สถาบันการศึกษาที่เป็นที่พึ่งพิงของเด็กต่อจากบ้าน
นอกจากนี้ ข่าวนี้ยังแสดงให้เห็นว่า การคุกคามทางเพศไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันกับเฉพาะสถานะ “ผู้หญิง” เท่านั้น ยังส่งกระแสการคุกคามทางเพศต่อไปยังสถานะ “เด็ก” ที่กำลังเติบโตและกำลังซึมซับประสบการณ์ทางสังคมจากการนำทางของครู และเมื่อกลายเป็นสถานะเด็กผู้หญิง พวกเขาต้องฝ่าด่านที่รุนแรงมากกว่าสมัยก่อนขนาดไหน ที่จะเติบโตไปในสังคมการศึกษาแบบนี้ โดยไม่เพลี่ยงพล้ำเสียศูนย์ เสียความเข้าใจในการดำรงตนให้ผ่านพ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้
สังคมยุคสมัยใหม่ มนุษย์กำลังมุ่งพัฒนาความเจริญเติบโตทางวัตถุ การมุ่งแต่ความสนองความอยาก แต่ในทางคู่ขนานคือกำลังสะสมความเสื่อมโทรมทางความเป็นมนุษย์ สูญเสียความรู้สึกรู้สมของศีลธรรมและพื้นฐานจิตใจ สิ่งนี้จะแก้ไขได้ต้องเริ่มสร้างสรรค์ตั้งแต่วัยเด็ก แต่แล้วอย่างไรล่ะ เด็กในปัจจุบันกำลังผจญอยู่ในปัญหาสังคม “โรงเรียน” ขณะนี้ ก็คงกลายเป็นปัญหางูกินหาง เด็กในวันนี้ก็มีสิทธิ์เติบโตกลายไปเป็นครูต่ำช้าวิตถารได้ในอนาคต
กระทรวงการศึกษาของไทยคงต้องปฏิวัติโครงสร้างการสรรหากลั่นกรองคนที่จะมาใส่คำนำหน้าว่า “ครู” รวมทั้งการทำโทษ ไม่ใช่แค่ในด้านกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ควรรวมถึงการลงโทษในด้านสังคม และด้านวิชาชีพครูในอนาคตด้วย