เราเห็นหลานคนออกมาด่าทอกลุ่มคนที่โลภหยิบของแจกไปเยอะๆกัน แต่เราเคยกลับมาตั้งคำถามมั้ยว่าเหตุใดเขาถึงทำเช่นนั้น และ การแจกแบบนั้นเหมาะสมแล้วหรือเปล่า
ในภาวะวิกฤตเช่นนี้เราเชื่อว่ามีหลายท่านอยากจะช่วยคนยากไร้ แต่การช่วยที่ดีควรจะเหมาะสมด้วย เราเชื่อว่าทุกคนต่างรู้กันดีว่ามนุษย์นั้นย่อมมีความโลภเป็นธรรมดาหากไม่ถูกขัดเกลาหรือสั่งสอน ดังนั้นการไปด่าคนกลุ่มนั้นจึงไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการสะท้อนว่าไม่ทราบปัญหาที่แท้จริง และความจนก็ยิ่งเข้าไปกระตุ้นให้คนกลุ่มนั้นอยากได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงบอกว่าการแจกฟรีแบบไม่ควบคุมจึงไม่เหมาะต่อสังคมไทยที่คนไม่ได้ถูกปลูกฝังให้เป็นระเบียบและคิดถึงส่วนรวม ดังนั้นทางออกคือต้องให้มีคนควบคุมดูแลเช่นที่เคยทำๆกันมา และเรื่องนี้จะสอนให้รู้ว่าจะทำตามกระแสตามเมืองนอกโดยมิได้คำนึงถึงความเหมาะสมของสังคมไทยจะทำให้เกิดผลเสียตามมา เราเลยวอนว่าการด่าคนกลุ่มนั้นไม่ใช่ทางออก เพราะคนในสังคมล้วนเพิกเฉยและทำให้คนกลุ่มนึงสังคมโดนทอดทิ้ง
อ่านถึงตรงนี่เราอยากให้ทุกคนลองทบทวนตัวเองว่าคุณเคยเพิกเฉยความไม่เป็นธรรมหรือไม่ยอมลุกขึ้นมาร่วมเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาสังคมหรือไม่?
เราเชื่อว่าคนส่วนมากเพิกเฉยและนั้นแหละคุณกำลังพรากโอกาสของคนจนเหล่านั้นไป ซึ่งก็คือคนกลุ่มที่รัฐทอดทิ้ง และไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอีกกี่ร้อยครั้งคนกลุ่มนั้นก็เดือนร้อนจนแทบจะอยู่ไม่ได้เหมือนเคย ทั้งที่รัฐควรจะเป็นคนวางแผนรับมือ ควรจะจัดสวัสดิการให้เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว แต่ทุนวันนี้กลับต้องเป็นประชาชนที่ต้องมาออกเงินดิ้นรนกัน โดยรัฐก็ยังย้ำยีเรี่ยไรเงินจากประชาชน ซึ่งเรามองว่าเป็นการบริจากที่ให้ท้ายรัฐมหรือลูกที่เลี้ยงไม่โตเอาแต่ขอเงินพ่อแม่ คนไทยน้ำใจงาม ชอบช่วยเหลือและขี้สงสาร นี้เป็นจุดที่รัฐเอามาใช้ตลอด ทั้งที่หน้าที่ประชาชนคือเสียภาษีและรัฐต้องดูแลทุกอย่างที่เหลือทั้งหมด
เราขอสรุปมุมมองที่คนไทยเพิกเฉยเลยละกัน
-เพิกเฉยให้1อาชีพกลายเป็นผู้มีอำนาจมีสิทธิ์เหนือประชาชนตั้งแต่เปลี่ยนการปกครอง
-เพิงเฉยให้รัฐจับมือส่งเสริมนายทุนมาขูดรีดประชาชน
-เพิงเฉยการโกงและความไม่เป็นธรรมอันเกิดจากรัฐ
-เพิงเฉยสื่อทีวีที่ให้ข้อมูลเท็จและปลุกปั่น
-เพิกเฉยต่อรัฐที่ไม่ดำเนินนโยบายตามที่หาเสียง
-เพิกเฉยต่อการไม่รับผิดชอบของรัฐ
-เพิกเฉยต่อการทิ้งขยะไม่เป็นที่และเผาขยะ
-เพิกเฉยต่อการกระจุกตัวของความเจริญในเมืองหลวง
-เพิกเฉยให้มีการก่อการร้ายในชายแดนใต้
ทั้งหมดนี้ไม่อาจกล่าวโทษประชาชนได้อย่างเต็มปาก เพราะฝั่งผู้คลั่งอำนาจเองก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา ทั้งการให้ข่าวสารหรือเรื่องราวเพื่อแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งการที่ไม่เคยสนับสนุนให้ประชาชนวิเคราะห์ข่าวสาร ทั้งการให้การศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ชาติที่เขียนเข้าข้างฝ่ายตนเอง เมื่อใดที่ประชาชนโง่และอ่อนแอเมื่อนั้นประชาชนจะไม่ใช่เจ้าของประเทศอีกต่อไป จะกลายเป็นเพียงเบี้ยให้เหล่าผู้มีอำนาจใช้งาน บางยุคก็ใส่ร้ายฝ่ายตรงข้ามผ่านสิ่งพิมพ์ บางยุคก็ตีกันเองแย่งกันเองในกลุ่มอาชีพนั้น และในยุคนี้ก็รวมหัวกับกลุ่มคนรวยขูดรีดประชาชนอีก
มองออกไปรอบโลกบ้างในเกาหลีเหนือประชาชนก็ถูกล้างสมองไม่ให้รับรู้สิ่งภายนอกเพื่อจะไม่ให้มีสิ่งใดมาสั่นครอนอำนาจเดิมได้ การปกครองแบบนี้คือเผด็จการรวบอำนาจนั้นเอง ไม่มีการถ่วงดุลอำนาจ ไม่มีองกรค์ยุติธรรมที่เป็นธรรม และประชาชนเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น
ดังนั้นการด่ากันเองในสังคมเลยเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพียงฝ่ายตรงข้ามหลงผิดจากเหตุจงใจของรัฐจะทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นมาในสังคม เราจึงต้องทำความเข้าใจปัญหาของแต่ละฝ่าย หากผู้อ่านท่านใดอ่านมาถึงตรงนี้แล้วเกิดสงสัยในสังคมไทยให้ลองพลิกไปอ่านประวัติศาสตร์ดูแล้วคุณจะเข้าจะเพื่อนร่วมชาติ คุณจะเข้าใจที่มาที่ไปของความแตกแยกในสังคม ก่อนที่ความจริงของประวัติศาสตร์จะโดนเท้าของคนกลุ่มนึงลบออก แล้วคุณจะเริ่มเห็นทางออกที่มีเพียงประชาชนทุกคนร่วมมือกันเท่านั้นถึงจะกำจัดมารร้ายทีาแท้จริงออกไปได้
เราว่าคงถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นใหม่จะได้พบกับการปกครองที่ไม่ใช่กระดูกหมาที่โดยแย่งกันไปมาแล้วดีลกันภายในกลุ่มอาชีพเดียว ถึงเวลาแล้วที่จะเห็นประชาชนมีประชาธิปไตยเต็มใบ ถึงเวลาที่จะได้เห็นรัฐที่ไม่เอื้อให้คนรวย ถึงเวลาที่คนไทยต้องยอมรับความคิดซึ่งกันและกัน ถึงเวลาที่แผ่นดินไทยทุกส่วนต้องไม่มีการก่อการร้าย ถึงเวลาที่คนไทยต้องรับสื่ออย่างชาญฉลาดและไม่โดนปั่นอีก ถึงเวลาที่ต้องเรียนรู้ความจริงของประวัติศาสตร์ชาติตัวเอง ถึงเวลาที่จะต้องคิดถึงสังคมส่วนรวมกัน ดังนั้นหยุดเพิกเฉยต่อความอยุติธรรม มิเช่นนั้นการร้องเพลงชาติวันละสองรอบคงไร้ความหมายครับ
ตู้ปันสุข การทำดีที่ไม่เหมาะสมต่อสังคมไทย และ การเพิกเฉยของคนไทยที่เป็นต้นตอทั้งหมด
ในภาวะวิกฤตเช่นนี้เราเชื่อว่ามีหลายท่านอยากจะช่วยคนยากไร้ แต่การช่วยที่ดีควรจะเหมาะสมด้วย เราเชื่อว่าทุกคนต่างรู้กันดีว่ามนุษย์นั้นย่อมมีความโลภเป็นธรรมดาหากไม่ถูกขัดเกลาหรือสั่งสอน ดังนั้นการไปด่าคนกลุ่มนั้นจึงไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการสะท้อนว่าไม่ทราบปัญหาที่แท้จริง และความจนก็ยิ่งเข้าไปกระตุ้นให้คนกลุ่มนั้นอยากได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงบอกว่าการแจกฟรีแบบไม่ควบคุมจึงไม่เหมาะต่อสังคมไทยที่คนไม่ได้ถูกปลูกฝังให้เป็นระเบียบและคิดถึงส่วนรวม ดังนั้นทางออกคือต้องให้มีคนควบคุมดูแลเช่นที่เคยทำๆกันมา และเรื่องนี้จะสอนให้รู้ว่าจะทำตามกระแสตามเมืองนอกโดยมิได้คำนึงถึงความเหมาะสมของสังคมไทยจะทำให้เกิดผลเสียตามมา เราเลยวอนว่าการด่าคนกลุ่มนั้นไม่ใช่ทางออก เพราะคนในสังคมล้วนเพิกเฉยและทำให้คนกลุ่มนึงสังคมโดนทอดทิ้ง
อ่านถึงตรงนี่เราอยากให้ทุกคนลองทบทวนตัวเองว่าคุณเคยเพิกเฉยความไม่เป็นธรรมหรือไม่ยอมลุกขึ้นมาร่วมเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาสังคมหรือไม่?
เราเชื่อว่าคนส่วนมากเพิกเฉยและนั้นแหละคุณกำลังพรากโอกาสของคนจนเหล่านั้นไป ซึ่งก็คือคนกลุ่มที่รัฐทอดทิ้ง และไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอีกกี่ร้อยครั้งคนกลุ่มนั้นก็เดือนร้อนจนแทบจะอยู่ไม่ได้เหมือนเคย ทั้งที่รัฐควรจะเป็นคนวางแผนรับมือ ควรจะจัดสวัสดิการให้เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว แต่ทุนวันนี้กลับต้องเป็นประชาชนที่ต้องมาออกเงินดิ้นรนกัน โดยรัฐก็ยังย้ำยีเรี่ยไรเงินจากประชาชน ซึ่งเรามองว่าเป็นการบริจากที่ให้ท้ายรัฐมหรือลูกที่เลี้ยงไม่โตเอาแต่ขอเงินพ่อแม่ คนไทยน้ำใจงาม ชอบช่วยเหลือและขี้สงสาร นี้เป็นจุดที่รัฐเอามาใช้ตลอด ทั้งที่หน้าที่ประชาชนคือเสียภาษีและรัฐต้องดูแลทุกอย่างที่เหลือทั้งหมด
เราขอสรุปมุมมองที่คนไทยเพิกเฉยเลยละกัน
-เพิกเฉยให้1อาชีพกลายเป็นผู้มีอำนาจมีสิทธิ์เหนือประชาชนตั้งแต่เปลี่ยนการปกครอง
-เพิงเฉยให้รัฐจับมือส่งเสริมนายทุนมาขูดรีดประชาชน
-เพิงเฉยการโกงและความไม่เป็นธรรมอันเกิดจากรัฐ
-เพิงเฉยสื่อทีวีที่ให้ข้อมูลเท็จและปลุกปั่น
-เพิกเฉยต่อรัฐที่ไม่ดำเนินนโยบายตามที่หาเสียง
-เพิกเฉยต่อการไม่รับผิดชอบของรัฐ
-เพิกเฉยต่อการทิ้งขยะไม่เป็นที่และเผาขยะ
-เพิกเฉยต่อการกระจุกตัวของความเจริญในเมืองหลวง
-เพิกเฉยให้มีการก่อการร้ายในชายแดนใต้
ทั้งหมดนี้ไม่อาจกล่าวโทษประชาชนได้อย่างเต็มปาก เพราะฝั่งผู้คลั่งอำนาจเองก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา ทั้งการให้ข่าวสารหรือเรื่องราวเพื่อแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งการที่ไม่เคยสนับสนุนให้ประชาชนวิเคราะห์ข่าวสาร ทั้งการให้การศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ชาติที่เขียนเข้าข้างฝ่ายตนเอง เมื่อใดที่ประชาชนโง่และอ่อนแอเมื่อนั้นประชาชนจะไม่ใช่เจ้าของประเทศอีกต่อไป จะกลายเป็นเพียงเบี้ยให้เหล่าผู้มีอำนาจใช้งาน บางยุคก็ใส่ร้ายฝ่ายตรงข้ามผ่านสิ่งพิมพ์ บางยุคก็ตีกันเองแย่งกันเองในกลุ่มอาชีพนั้น และในยุคนี้ก็รวมหัวกับกลุ่มคนรวยขูดรีดประชาชนอีก
มองออกไปรอบโลกบ้างในเกาหลีเหนือประชาชนก็ถูกล้างสมองไม่ให้รับรู้สิ่งภายนอกเพื่อจะไม่ให้มีสิ่งใดมาสั่นครอนอำนาจเดิมได้ การปกครองแบบนี้คือเผด็จการรวบอำนาจนั้นเอง ไม่มีการถ่วงดุลอำนาจ ไม่มีองกรค์ยุติธรรมที่เป็นธรรม และประชาชนเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น
ดังนั้นการด่ากันเองในสังคมเลยเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพียงฝ่ายตรงข้ามหลงผิดจากเหตุจงใจของรัฐจะทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นมาในสังคม เราจึงต้องทำความเข้าใจปัญหาของแต่ละฝ่าย หากผู้อ่านท่านใดอ่านมาถึงตรงนี้แล้วเกิดสงสัยในสังคมไทยให้ลองพลิกไปอ่านประวัติศาสตร์ดูแล้วคุณจะเข้าจะเพื่อนร่วมชาติ คุณจะเข้าใจที่มาที่ไปของความแตกแยกในสังคม ก่อนที่ความจริงของประวัติศาสตร์จะโดนเท้าของคนกลุ่มนึงลบออก แล้วคุณจะเริ่มเห็นทางออกที่มีเพียงประชาชนทุกคนร่วมมือกันเท่านั้นถึงจะกำจัดมารร้ายทีาแท้จริงออกไปได้
เราว่าคงถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นใหม่จะได้พบกับการปกครองที่ไม่ใช่กระดูกหมาที่โดยแย่งกันไปมาแล้วดีลกันภายในกลุ่มอาชีพเดียว ถึงเวลาแล้วที่จะเห็นประชาชนมีประชาธิปไตยเต็มใบ ถึงเวลาที่จะได้เห็นรัฐที่ไม่เอื้อให้คนรวย ถึงเวลาที่คนไทยต้องยอมรับความคิดซึ่งกันและกัน ถึงเวลาที่แผ่นดินไทยทุกส่วนต้องไม่มีการก่อการร้าย ถึงเวลาที่คนไทยต้องรับสื่ออย่างชาญฉลาดและไม่โดนปั่นอีก ถึงเวลาที่ต้องเรียนรู้ความจริงของประวัติศาสตร์ชาติตัวเอง ถึงเวลาที่จะต้องคิดถึงสังคมส่วนรวมกัน ดังนั้นหยุดเพิกเฉยต่อความอยุติธรรม มิเช่นนั้นการร้องเพลงชาติวันละสองรอบคงไร้ความหมายครับ