ไปแรดไหนดี ep. ปีนเขา 3 ลูก 3 วัน ที่ Norway

กลับมาอีกแล้วกับแรดคนนี้นะคร้าบบบบบ
พร้อมจะพาทุกคนไปเที่ยวตะเล็ดเตร๊ดเตร่อีกแล้ว 
คราวนีจะพาไปประเทศ Norway ทวีปุโรป ต้องบอกเลยครับว่ามันสวยสุดยอดดดดมากกกกก
บางคนเคยไปnorway มาแล้ว อาจจะบอกว่า ไม่เห็นอะไรเลย น่าเบื่อมาก   ค่าครองชีพก็แพง
แต่ผมต้องบอกเลยครับ ผมได้มีโอกาสท่องเที่ยวมาเยอะมาก Norway ผมให้เลยครับ ความสวยธรรมชาติ top 2 เลยครับ
แต่ต้องบอกก่อนว่าทริปของผมในครั้งนี้คือเน้น treking หรือ เดินเขานะครับ ถ้าคุณจะเที่ยวแค่ในเมือง บอกเลยว่าไม่มีอะไรจริงๆครับ ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่มานอร์เวย์ก็จะไปแค่เมือง oslo กับ bergen ซึ่งผมก็เห็นด้วยครับ ถ้ามาเที่ยวแค่นั้น คือน่าเบื่อจริง

แต่เที่ยวแบบแรดอย่างผมก็ต้องแบบไม่เหมือนคนอื่นหน่อย ท้าทายตัวเอง ปีนยิ้มเลย เขา 3 ลูก ติดกัน 3 วันนั่นก็คือ ปีนวันละเขา (โหดมากจ้า5555+)
แต่เรามาทั้งที เราตัองจัดเต็ม ไม่ได้มีเงินและเวลาบินมาบ่อยๆอ่าน๊า

อย่าลืมฝากติดตามกดไลค์เพจ ไปแรดไหนดี กันด้วยน๊า อิอิ มีสถานที่ท่องเที่ยวแนวๆที่ผมไปเที่ยวมาพร้อมโพสเต็มเลยจ้า
https://www.facebook.com/pairadnhaidee/


ผมไปมาตั้งแต่ ปีที่แล้ว แต่ว่าเพิ่งจะเริ่มมีเวลามาทำเพราะว่าผมกำลังเรียนด็อกเตอร์อยู่ครัช ยุ่งมากๆ แต่พอโควิต-19ทำให้เราอยู่บ้านมีเวลามากขึ้น ก็ต้องจัดไปดังนั้น ข้อมูลอาจจะมีหลงๆลืมๆกันบ้าง ต้องขออภัยล่วงหน้าเนื่งอจากระยะเวลาเดินทางจริงได้ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว

ผมเลือกบินสายการบินไทยแลกไมล์ไปลงที่ oslo แล้วบินสายการบิน SAS ไปลงที่เมือง stavanger คิดว่าราคาตั๋วเครื่องบินทั้งหมดน่าะอยู่ที่ประมาณเกือบสี่หมื่นบาทครับ

วีซ่าทำกับ VFS global ครับผม
https://www.vfsglobal.com/norway/thailand/thai/visitboy_visaapplicationform.html

เราเช่ารถและนอน airbnb ครับ ขับกันยาวนานเลยทีเดียว การขับรถในทริปนี้จะต้องผ่านการขึ้นเรือเพื่อข้ามฟากด้วย ก็เป็นประสบการณ์อีกแบบครับ หรือใครอยากจะประหยัดก็มี option รถbus แต่ระยะเวลาช่างยาวนาน แนะนำว่าการบินจะช่วยเซฟเวลาให้คุณอย่างมาก ตัวอย่างเช่น oslo มา stavanger ขับรถก็เกือบ 10 ชั่วโมงแล้วจ้า

นี่คือเส้นทางที่เราจะต้องขับในครั้งนี้
Stavanger
Kjerag
Preikestolen (Pulpit Rock)
Bergen
Trolltunga
Odda
Oslo
ปล.ถ้ากลับมาอีกจะไป Alesund, Geiranger ford, Ferreta suspension bridge, Lofoten และไปว่ายน้ำกับปลาวาฬเพชรฆาต (swimming with orcas) 


ค่าใช้จ่าย
ค่อนข้างแพง ค่าที่พัก ค่าเช่ารถยนต์ ค่าทางด่วน ค่าเรือข้ามฟาก ค่ากินอยู่ ค่าที่จอดรถยนต์รวมๆแล้วทริปนี้รวมตั๋วเครื่องบินของผมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 70,000 บาทครับ 

ระยะเวลาของทริป: 6 วัน

Day 1
เมืองแรกคือ
stavanger จะอารมณ์ชิลๆ เป็นเมืองน่ารักๆ มีหมู่บ้าน old stavanger ที่บ้านจะขาวๆ สวยดีครับ
และมีรูปปั้นหิน ที่มีมีดสามเล่มปักอยู่ข้างแม่น้ำ


เมื่อวันนี้ขอเที่ยวแค่ในเมืองเนื่องจากว่าเพิ่งบินมาถึง ขอพักเก็บแรงไว้ปีนเขานะจ้ะ

Day 2 เราก็ขับรถยาวๆไปที่ Kjerag ระยะเวลาในการขับอยู่ที่ประมาณ 3 ชั่วโมง 40 นาที แต่เหตุการณ์ก็ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ระหว่างทางขับรถแล้วล้อยางแตก อะไรจะซวยขนาดน้านครับ ซึ่งระหว่างทางมีรถขับผ่านน้อยมาก เราโบกแล้วโบกอีก รถส่วนใหญ่จอดครับ แต่ว่าเขาไม่รู้จะช่วยอย่างไร มีคันนึงเป็นคู่รักที่มีอายุ 2 คนจอดและบอกว่าเขาจะขับรถไปข้างหน้าเพื่อให้คนมาช่วย แต่ต่อมาเราโชคดีที่โบกรถได้เป็นกลุ่มคนวัยรุ่นชายล้วนมาจากชาวกรีซ หยุดช่วย โชคดีที่ว่าในรถเช่าจะมียางรถให้เปลี่ยนอยู่หลังรถครับ จะมีทุกคัน เปลี่ยนยางเป็นก็คราวนี้หละคร้าบ กลุ่มวัยรุ่นเหล่านั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนยางล้อรถ แต่ก็มาลองเดาๆกันครับ จนเราสามารถเอาล้อเก่าออกแล้วเอาล้อใหม่ใส่เข้าไปได้ เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดจริงๆ ขอบคุณกลุ่มวัยรุ่นกรีซด้วยอย่างมาก ไม่งั้นเราคงอยู่ท่ามกลางเขาที่หนาวเหน็บ นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะอยู่อย่างไร 555+ 
พอเราเปลี่ยนยางล้อรถเราก็ไปปีนเขากันต่อเลยครับ ก็ไปปีนกับเพื่อนใหม่นั่นก็คือกลุ่มวัยรุ่นที่มาช่วยเปลี่ยนล้อนี่เอง





 ขอบอกไว้ก่อนเลยว่านี่เป็นการปีนครั้งที่2 ของผม คืออยู่ประเทศไทยก็ไม่เคยครับ เคยไปปีนก่อนหน้านี้คือที่ภูฐาน และเป็นลมกลางทางด้วย 555+ คราวนี้ก็เลยแอบหวั่นเช่นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นไหม เขาลูกนี้มีระยะทางทั้งหมด 12 กิโลเมตร และใช้เวลาประมาณ 6-8ชั่วโมง ไป-กลับ โหดไหมหละจ้ะ และนี่เพิ่งเป็นเขาลูกแรกของทริปด้วย

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนปีนเขา
กระเป๋าสะพาย เสื้อผ้า อุปกรณ์การปีนเขา เช่นรองเท้าผ้าใบ เสื้อกันฝน เสื้อกันหนาว อาหาร น้ำ กล้องถ่ายรูป ถุงมือสำหรับปีนเขา ไม้เท้าหรืออุปกรณ์ช่วยพยุงตัวในการปีน เป็นต้น 

พอเราปีนไปซัก1ชั่วโมง การปีนก็ค่อนข้างใช้กำลัง ดังนั้นต้องมีสุขภาพที่ดีเลย ส่วนตัวแล้ว เขาลูกนี้ โหดที่สุดในการปีน เนื่องจากการขึ้นลงเขาจะมีโซ่ให้จับ เนื่องจากไม่สามารถปีนโดยไม่ใช้โซ่ที่จัดไว้ให้ บวกกับสภาพอากาศลมแรงมาก กลัวจะโดนลมพัดตกเขาอยู่ตลอดทาง เดี่ยวจะให้ดูวิวว่าหวาดเสี่ยวไหมนะจ้ะ แต่ความสวยของธรรมชาติไม่ต้องพูดถึง เอาไปเลย 10 เต็ม 10


จากในรูปที่เห็นเป็นบ้านสีแดงๆข้างล่างคือลานจอดรถครับ จุดนี้น่าจะประมาณปีนมาได้ 1 ชั่วโมงเศษครับจะได้วิวนี้ 
พอปีนขึ้นไปเรื่อยๆเริ่มหนาวมากขึ้นเรื่อยๆ มีหิมะตกและหมอกหนาจัดครับ


ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง บอกเลยว่าเหมือนในหนังภาพยนต์ตะลุยโลกมากครับ มีทั้งลมแรง หมอกหนา เดินมองไม่เห็นทาง อีกทั้งฝนตกผสมลูกเห็บ ผมต้องเดินหลบอยู่หลังหินก้อนใหญ่ คือมันอันตรายและน่ากลัวจริงๆครับ เตรียมเสื้อกันฝนมาก็โดนลมปลิวขาดริ่ว555+ กลัวทั้งหนาวตายและกลัวเดินไม่เห็นทางตกผาขึ้นมานี่คือชีวิตจบ แต่พอผ่านมาได้ มันสนุกมากจริงๆ จะจดจำไปตลอดชีวิตเลยครับ ปล.ตอนผมไปอากาศเป็นแบบนี้ ถ้าไปในช่วงหน้าร้อนมากๆ วิวสวยและไม่อันตรายเท่าของผมแน่นอนครับ

ถึงที่หมายปลายทางแล้ว ไม่เห็นวิวเลย เซ็งเพราะหมอกและฝนลงครับ
highlight ของที่นี่คือไปถ่ายรูปบนหินวงกลมที่ติดอยู่ตรงกลางเชื่อม ซึ่ง น่ากลัวมากกกกกกกกกกกก ตอนแรกจะปีนแล้วครับ แต่ทางที่จะปีนมันแบบแคบมากกกกกกก ถ้าเป็นอากาศปกติผมก็คงจะกล้าครับ แต่ว่านี้ลมแรงมากกกกกกกก ผมกลัวจะปลิวตกลงไปตายจริงๆ เพราะหินก้อนนั้นอยู่สูงจากพื้นน้ำทะเลที่ 1,110 meters ปล.มีคนพลัดตกตายจริงครับ และไม่มีใครรับผิดชอบ การปีนไปถ่ายรูปจะไม่มีใครรับผิดชอบใดๆเป็นความเสี่ยงของผู้ปีนเท่านั้นครับ

 

พอไม่กล้าปีน เลยถ่ายรูปคนอื่นที่ปีนแทนครับ ใจถึงจริงๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถ่ายรูปบนหินแต่ก็ยังถือว่าเป็นเขาที่สวยมากๆ ไม่อยากให้พลาดครับ

พอปีนเขาเสร็จก็รีบขับรถกลับไปที่เมือง stavanger เพื่อไปเปลี่ยนรถยนต์เนื่องจากล้อรถที่เราเอามาเปลี่ยนมีจำนวนระยะทางจำกัดในการใช้งาน
และก็แน่นอนครับ โดนชาร์ทเงินครับ 555+

Day 3 ขับไปที่เมือง Preikestolen เพื่อไปปีนเขาลูกต่อไป
ระหว่างทางจะต้องขึ้นเรือข้ามท่า ไม่มีอะไรมากครับ เราก็ขับรถยนต์ขึ้นเรือแล้วไปจอด เราสามารถออกจากรถยนต์ชมวิวกินลมบนเรือได้ครับ 
ปล.การขับรถที่นอร์เวย์ ต้องระวังเพราะถนนในบางส่วนค่อนข้างแคบ และต้องขับผ่านอุโมงค์ทั้งเยอะและยาวมาก อาจทำให้เกิดอาการง่วงนอนระหว่างขับรถได้ 

แต่วิวระหว่างทางเหรอ สวยสุดๆไปเลยจ้า

Day 4 ปีนเขา pulpit rock
เขาลูกนี้สบายหน่อย ไป/กลับ 4 ชั่วโมง ผมไปกับเพื่อนคนไทยอีกคนครับในทริปนี้ ตอนแรกเขาจะขอพัก เพราะเขาไม่ไหว เถียงกันยกใหญ่ว่าจะเอาอย่างไร เราก็เหนื่อย แต่เรามาทั้งที เราต้องไปให้ได้ จนเพื่อนยอมจร้า รีวิวเขาลูกนี้ สำหรับผมไม่ยากครับ ระยะทางเปรียบเทียบกับลูกแรกคือสบายกว่าเยอะ แต่เขาลูกนี้อารมณ์แบบต้องเดินขึ้นลงบันไดจำนวนหลายๆขั้น ส่วนตัวคิดว่าคนทั่วไปก็ปันได้ อยากได้รูปสวยๆ แนะนำว่าให้ไปแต่เช้า เพราะแปปเดียว ทัวร์จีนลง นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ เพราะปีนไม่ยากมาก คนอย่างเยอะ แย่งกันถ่ายรูป ผมจึงตื่นแต่เช้ามากๆ พอไปถึงข้างบนก็ได้รูปสวยเลยทีเดียว เสียดายที่อาจจมีหมอกอยู่บ้าง แต่ก็ได้อีกอารมณ์ครับ


พอไม่มีคนก็จะได้รูปแบบนี้หละจร้า ปล.เหมือนเดิมครับ การถ่ายรูปหวาดเสี่ยว ไม่มีใครรับประกันหรือรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นครับ ตกคือตายเท่านั้น

นักท่องเที่ยวที่ปีนเขาจะพาสัตว์เลี่ยงตัวเองขึ้นมาด้วย บางคนมีลูกอ่อนทารกก็พามาหมดเลยครับ สุดยอดจริงๆ 

อันนี้คนเริ่มเยอะขึ้นครับ อีกซักพักคนเต็มมากกว่า 4เท่าครับ 
หลังจากปีนเขาเสร็จขับรถไป trolltunga ต่อจร้า เพื่อปีนเขาลูกสุดท้ายในวันต่อไป (บ้าไปแล้ว555+) ปีนเสร็จขับรถต่ออีก 221 km ประมาณ 4ชั่วโมงครึ่งต่อจ้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่