NIDAโพลหนุนคลายล็อกโควิดเชื่อคนร่วมมือป้องกัน
https://www.innnews.co.th/social/news_669849/
"นิด้าโพล" หนุนคลายล็อกโควิด-19 เชื่อคนร่วมมือป้องกัน ยังกังวลระบาดรอบ2
“นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสํารวจของประชาชนทั้งประเทศ จำนวน 1,259 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “การผ่อนคลายมาตรการ Lock Down” สํารวจระหว่างวันที่ 4 – 7 พฤษภาคม 2563 เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการผ่อนคลายมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 พบว่า ร้อยละ 34.39 ระบุว่า เห็นด้วยมาก เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยลงมาก ช่วงเวลาที่ผ่านมาประชาชนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามคำเเนะนำของสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี และกลับมาประกอบอาชีพไดห้ลังจากบางอาชีพสั่งปิดทำการชั่วคราว ร้อยละ 49.56 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย เพราะ ผู้ติดเชิ้อน้อยลง ประชาชนได้ผ่อนคลายบ้าง มีการรับมือทางการแพทย์ดี ประชาชนให้ความร่วมมือค่อนข้างดี ประชาชนดำรงชีวิตสะดวกมากขึ้น และประกอบอาชีพหารายได้ได้เหมือนเดิม ร้อยละ 9.93 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะ การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ย้งไม่พ้นวิกฤต หากมีการกลับมารวมตัวกันของประชาชนมากขึ้น เกรงว่าจะกลับมาเเพร่ระบาดรอบ 2
เมื่อถามถึงด้านความเชื้อของประชาชนต่อผู้ใช้บริการและร้านค้าว่าจะสามารถปฎิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากมีการผ่อนปรนให้เปิดกิจการได้ พบว่า ร้อยละ 18.19 ระบุ เชื่อมาก เพราะ ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการทำตามคำแนะนำด้านสาธารณสุขเป็นอย่างดี และผู้ประกอบการก็พยายามทำตามมาตรการเพื่อป้องกันการสั่งปิดทำการชั่วคราวอีก ร้อยละ 48.77 ระบุ ค่อนข้างเชื่อ เพราะผู้ประกอบการทำตามคำสั่งด้านสาธารณะสุขเป็นอย่างดี และประชาชนส่วนใหญ่มีการดูแลและรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น ร้อยละ 26.13 ไม่ค่อยเชื่อ เพราะประชาชนบางกลุ่มยังไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ค่อยมีระเบียบวินัย ไม่ทำตามกฎกติกา และกิจการขนาดเล็กอาจจะปฏิบัติตามได้ไม่เต็มที่เนื่องจากข้อจำกัดทางงบประมาณ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความกังวลของประชาชนว่าจะเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในรอบที่ 2 หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พบว่า ร้อยละ 15.33 ระบุ กังวลมาก เพราะการกลับมาเดินทางและการรวมตัวของประชาชนเพิ่มมากขึ้นทำให้ละเลยในการเว้นระยะห่างทางสังคม อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในรอบที่ 2 ร้อยละ 47.58 ระบุ ค่อนข้างกังวล เพราะ คนที่เดินทางข้ามจังหวัดอาจจะไปในพื้นที่เสี่ยงแล้วกลับมาในพื้นที่ที่ไม่มีการแพร่ระบาด ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบที่ 2 ได้
เสธ.แมว ชี้ โควิดกำลังทำปวศ.ซ้ำรอย เมื่อไหร่ที่คนไม่มีจะกิน ยังไงรัฐบาลก็โดนไล่
https://www.matichon.co.th/politics/news_2178423
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พล.ท.
ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า
สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้กำลังย่ำซ้ำรอยประวัติศาสตร์ เพราะเมื่อไหร่ที่ประชาชนต้องประสบกับเงื่อนไขความอยุติธรรมและความไม่มีจะกิน จะทำให้รัฐบาลต้องล้มคว่ำลงเสมอ การแก้ไขปัญหาวิกฤติโควิด-19 แบบกดหัวประชาชน เป็นเหตุให้รัฐบาลสืบทอดอำนาจกลายเป็นคู่ขัดแย้งกับชาวบ้านนำพาเงื่อนไขดังกล่าวมาทับซ้อนกัน โดยภาพที่ปรากฏขึ้นแล้ว คือ ส.ส.ซีกรัฐบาลรู้ว่าอายุรัฐบาลใกล้จะหมดลง อ้างโควต้ากลุ่มก๊วนแย่งชิงเก้าอี้เป็นรัฐมนตรี ตาโตเตรียมเข้าไปหากินกับเงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท เพื่อสะสมทุนใส่กระเป๋า ขณะที่กองทัพติดกับดักขาดความไว้วางใจจากประชาชนต้องห่างเหินจากผู้นำสืบทอดอำนาจ แล้วจะจบลงด้วยผู้นำลาโรงออกจากตำแหน่งไปเพียงแต่จะเป็นในรูปการใด จะถูกคว่ำในสภา ยุบสภา ลาออก หรือถูกประชาชนขับไล่ จากนั้นตามมาด้วยการเลือกผู้นำคนใหม่ที่จะต่างจากในอดีด เหตุผลเพราะว่า ผลพวงความอัปยศของการสืบทอดอำนาจครั้งนี้ มันเลวร้ายสุดๆกว่าในอดีตที่ผ่านมา จึงทำให้ประชาชนตาสว่างและมีวิจารณญาณว่า จะต้องเลือกผู้นำคนรุ่นใหม่มาเป็นนายกรัฐมนตรี
“พวกเขาจึงคาดหวังว่า จะนำพาประเทศสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และแก้ไขปัญหาในเรื่องเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมได้จริง โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้นตอใหญ่แห่งปัญหา การกระจายอำนาจ ไม่เป็นรัฐราชการ สร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า เลิกรัฐบาลระบบพวกพ้องอัปยศ และสร้างแบรนด์ประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าไว้ใจ จึงเป็นโจทย์ใหญ่ของบรรดาพรรคการเมืองที่ต้องไปสรรหาตัวผู้นำที่ประชาชนเชื่อมั่นว่า จะเข้ามาทำเรื่องดังกล่าวได้สำเร็จจริง คาดการณ์ว่านับแต่นี้ไป แฟลชม็อบนิสิตนักศึกษาที่เคลื่อนไหวในโลกออกไลน์ MobFromHome จะหวนกลับมาเป็นหัวเชื้อ สร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้เกิดขึ้นเร็ว ประชาชนกำลังแร้นแค้น และชิงชังรัฐบาล สถานการณ์มันบังคับไม่อาจรอให้จบวิกฤติโควิดนี้ไปก่อน” พล.ท.
ภราดร กล่าว
JJNY : นิด้าโพลหนุนคลายล็อก/เสธ.แมวชี้เมื่อคนไม่มีกิน รบ.ก็โดนไล่/ดวงฤทธิ์ถามทหารนั่งบอร์ดบ.ไหนเจริญ/ทั่วโลกป่วย4.1ล.
https://www.innnews.co.th/social/news_669849/
“นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสํารวจของประชาชนทั้งประเทศ จำนวน 1,259 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “การผ่อนคลายมาตรการ Lock Down” สํารวจระหว่างวันที่ 4 – 7 พฤษภาคม 2563 เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการผ่อนคลายมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 พบว่า ร้อยละ 34.39 ระบุว่า เห็นด้วยมาก เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยลงมาก ช่วงเวลาที่ผ่านมาประชาชนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามคำเเนะนำของสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี และกลับมาประกอบอาชีพไดห้ลังจากบางอาชีพสั่งปิดทำการชั่วคราว ร้อยละ 49.56 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย เพราะ ผู้ติดเชิ้อน้อยลง ประชาชนได้ผ่อนคลายบ้าง มีการรับมือทางการแพทย์ดี ประชาชนให้ความร่วมมือค่อนข้างดี ประชาชนดำรงชีวิตสะดวกมากขึ้น และประกอบอาชีพหารายได้ได้เหมือนเดิม ร้อยละ 9.93 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะ การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ย้งไม่พ้นวิกฤต หากมีการกลับมารวมตัวกันของประชาชนมากขึ้น เกรงว่าจะกลับมาเเพร่ระบาดรอบ 2
เมื่อถามถึงด้านความเชื้อของประชาชนต่อผู้ใช้บริการและร้านค้าว่าจะสามารถปฎิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากมีการผ่อนปรนให้เปิดกิจการได้ พบว่า ร้อยละ 18.19 ระบุ เชื่อมาก เพราะ ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการทำตามคำแนะนำด้านสาธารณสุขเป็นอย่างดี และผู้ประกอบการก็พยายามทำตามมาตรการเพื่อป้องกันการสั่งปิดทำการชั่วคราวอีก ร้อยละ 48.77 ระบุ ค่อนข้างเชื่อ เพราะผู้ประกอบการทำตามคำสั่งด้านสาธารณะสุขเป็นอย่างดี และประชาชนส่วนใหญ่มีการดูแลและรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น ร้อยละ 26.13 ไม่ค่อยเชื่อ เพราะประชาชนบางกลุ่มยังไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ค่อยมีระเบียบวินัย ไม่ทำตามกฎกติกา และกิจการขนาดเล็กอาจจะปฏิบัติตามได้ไม่เต็มที่เนื่องจากข้อจำกัดทางงบประมาณ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความกังวลของประชาชนว่าจะเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในรอบที่ 2 หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พบว่า ร้อยละ 15.33 ระบุ กังวลมาก เพราะการกลับมาเดินทางและการรวมตัวของประชาชนเพิ่มมากขึ้นทำให้ละเลยในการเว้นระยะห่างทางสังคม อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในรอบที่ 2 ร้อยละ 47.58 ระบุ ค่อนข้างกังวล เพราะ คนที่เดินทางข้ามจังหวัดอาจจะไปในพื้นที่เสี่ยงแล้วกลับมาในพื้นที่ที่ไม่มีการแพร่ระบาด ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบที่ 2 ได้
เสธ.แมว ชี้ โควิดกำลังทำปวศ.ซ้ำรอย เมื่อไหร่ที่คนไม่มีจะกิน ยังไงรัฐบาลก็โดนไล่
https://www.matichon.co.th/politics/news_2178423
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า
สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้กำลังย่ำซ้ำรอยประวัติศาสตร์ เพราะเมื่อไหร่ที่ประชาชนต้องประสบกับเงื่อนไขความอยุติธรรมและความไม่มีจะกิน จะทำให้รัฐบาลต้องล้มคว่ำลงเสมอ การแก้ไขปัญหาวิกฤติโควิด-19 แบบกดหัวประชาชน เป็นเหตุให้รัฐบาลสืบทอดอำนาจกลายเป็นคู่ขัดแย้งกับชาวบ้านนำพาเงื่อนไขดังกล่าวมาทับซ้อนกัน โดยภาพที่ปรากฏขึ้นแล้ว คือ ส.ส.ซีกรัฐบาลรู้ว่าอายุรัฐบาลใกล้จะหมดลง อ้างโควต้ากลุ่มก๊วนแย่งชิงเก้าอี้เป็นรัฐมนตรี ตาโตเตรียมเข้าไปหากินกับเงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท เพื่อสะสมทุนใส่กระเป๋า ขณะที่กองทัพติดกับดักขาดความไว้วางใจจากประชาชนต้องห่างเหินจากผู้นำสืบทอดอำนาจ แล้วจะจบลงด้วยผู้นำลาโรงออกจากตำแหน่งไปเพียงแต่จะเป็นในรูปการใด จะถูกคว่ำในสภา ยุบสภา ลาออก หรือถูกประชาชนขับไล่ จากนั้นตามมาด้วยการเลือกผู้นำคนใหม่ที่จะต่างจากในอดีด เหตุผลเพราะว่า ผลพวงความอัปยศของการสืบทอดอำนาจครั้งนี้ มันเลวร้ายสุดๆกว่าในอดีตที่ผ่านมา จึงทำให้ประชาชนตาสว่างและมีวิจารณญาณว่า จะต้องเลือกผู้นำคนรุ่นใหม่มาเป็นนายกรัฐมนตรี
“พวกเขาจึงคาดหวังว่า จะนำพาประเทศสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และแก้ไขปัญหาในเรื่องเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมได้จริง โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้นตอใหญ่แห่งปัญหา การกระจายอำนาจ ไม่เป็นรัฐราชการ สร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า เลิกรัฐบาลระบบพวกพ้องอัปยศ และสร้างแบรนด์ประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าไว้ใจ จึงเป็นโจทย์ใหญ่ของบรรดาพรรคการเมืองที่ต้องไปสรรหาตัวผู้นำที่ประชาชนเชื่อมั่นว่า จะเข้ามาทำเรื่องดังกล่าวได้สำเร็จจริง คาดการณ์ว่านับแต่นี้ไป แฟลชม็อบนิสิตนักศึกษาที่เคลื่อนไหวในโลกออกไลน์ MobFromHome จะหวนกลับมาเป็นหัวเชื้อ สร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้เกิดขึ้นเร็ว ประชาชนกำลังแร้นแค้น และชิงชังรัฐบาล สถานการณ์มันบังคับไม่อาจรอให้จบวิกฤติโควิดนี้ไปก่อน” พล.ท.ภราดร กล่าว