ขอความช่วยเหลือเรื่องค่าจ้างแรงงานในต่างประเทศที่โดนโกงเเละเอาเปรียบค่าจ้าง

สวัสดีค่ะเรามีเรื่องที่จะปรึกษาตอนนี้เราลำบากทั้งกายและใจมากพอดีว่าตอนนี้เราทำงานเป็นพนักงานนวดในมาเลเซียที่มี(Work permit)จนมามีโควิค19ระบาดรัฐบาลมาเลเซียได้มีการสั่งปิดร้านนวดแล้วนายจ้างจะโกงค่าจ้างเรา เราขอเกิ่นบอกก่อนว่าเราได้มาเซ็นสัญญาจ้างหลังจากที่เดินมาทำงานถึงที่ประเทศมาเลเซียแล้วซึ่งตอนนั้นตอนที่สมัครจะมาทำงานเขาให้รายละเอียดงานมาทั้งหมดเเล้วแล้วเขาว่าถ้าตกลงก็ยื่นเอกสารทำคอลิ่งวีซ่าเลยค่ะด้วยการที่การมาสมัครทำงานที่นี่เขาให้เราเสียเงินค่าประกันแค่5000บาทไทยมาถึงแล้วที่มาเลเซียเเล้วจะคืนให้ทันทีและการที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเลยนอกจากเงินประกัน5000บาทเเละบวกด้วยเห็นว่าเป็นวีซ่าทำงานจริงๆเราเลยตัดสินใจมาส่งเอกสารสมัครงานและตอนพอทำเรื่องเขาก็ไม่ได้ส่งสัญญาจ้างใดๆให้เราก่อนที่จะมาเลยค่ะเราก็เลยคิดว่ารายละเอียดงานที่เขาส่งให้ดูนั้นคือรายละเอียดของงานที่เราได้ตกลงเข้าใจกันแล้วก็เลยไม่ได้ติดใจอะไร รายเอียดงานที่เขาส่งให้เราดูคือ
-ค่าจ้างมี2แบบให้เลือก
แบบที่1.คือเงินเดือน 2500 ริงกิตกับค่าคอม10%
-แบบที่2.คือ เลือกรับ40%
-เวลาทำงานคือ10:00-23:15(ถ้ามีนวดถึง24:00ก็ต้องทำโดยไม่มีค่าโอทีเเต่อย่างใด)*ตรงนี้เขาไม่ได้เเจ้งมาก่อนเลยมาถึงแล้วก็ต้องทำไปตามสถานการณ์
*และต้องไปก่อนถึง10โมงเช้าเพื่อทำความสะอาดกวาด ถู ล้างห้องน้ำ ปัด เช็ด *รายละเอียดการทำความสะอาดตรงนี้เขาก็ไม่ได้เเจ้งตอนส่งรายละเอียดงานให้ดูเลยมาถึงก็ต้องทำไปตามสถานกราณ์ (รวมๆแล้วตั้งแต่ทำความสะอาดยันสเเตนบายของงาน 13-14 ช.ม.ต่อวัน

-วันหยุดงาน 2วัน ต่อเดือน
-สัญญาจ้างปีต่อปี
-หักค่าเวิกเปอร์มิก5000ริงกิต(37000บาท)บอสออกให้ก่อนแล้วทยอยหักจากเงินเดือน
-หักเงินประกัน3000ริงกิต(22000บาท)ทยอยหักจากเงินเดือน *อยู่ครบสัญญาคืนเงิน
-ค่าตั๋วเครื่องถ้าไม่ซื้อเองเขาออกให้ก่อนขาเดียวตอนไปเขาคิดหัก1000ริงกิต(7400บาท) ต่อคน  *รวมแล้วพอมาถึงเขาหัก1500ริงกิต(11100บาท)เป็นเวลา6เดือน ซึ่งเวลาเกือบครึ่งปีรวมเราต้องส่งกลับบ้านแทบไม่เหลือเลย


รายละเอียดงานคร่าวๆหลักๆมีตามนี้ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้ว่าพอมาถึงเราเริ่มทำงานได้ประมาณ20กว่าวันแล้วเขาเอาสัญญาจ้างมาให้เซ็นพิมพ์มาเลยในสัญญาจ้างเป็นการเลือกรับเเบบกิน40%หมดทุกคนเลยทั้งๆที่เรากับแฟน2คนเลือกเงินเดือนได้เเจ้งเขาไปก่อนเเล้วแล้วพอในเวลานั้นเขาบอกให้เซ็นๆไปก่อนไม่เป็นไรค่ะ เขาบอกแบบนั้นเราก็เซ็นไปก่อนเพราะตอนนั้นทุกคนเซ็นหมดแล้ว แต่พอเงินเดือนเเรกออกเขาก็จ่ายเป็นเงินเดือนตามที่เราได้เเจ้งเขาไปว่าเรากับแฟนเลือกรับเป็นแบบเงินเดือนนะเราก็เลยโล่งใจค่ะ แต่สัญญาจ้างเขาก็ไม่ได้เอาเปลี่ยนแปลงให้แต่อย่างใด *ในรายละเอียดของสัญญาจ้างคือแบบเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมมากค่ะประมาณว่า มีการหักค่าออยอโรม่าที่พนักงานนำไปใช้ทำงานเป็นเงิน3500ริงกิต ค่ายาหม่อง1000ริงกิต ค่าประคบสมุนไพร500ริงกิต ค่าโลชั่น500ริงกิต ค่าเบบี้ออย500ริงกิตและในสัญญามีการเขียนบอกว่าจะจ่ายคืนเงินประกัน3000ริงกิตให้เมื่อเราเดินทางถึงเหยีบประเทศไทยแล้วไม่เกิน1เดือนซึ่งตรงนี้ตอนมาให้เซ็นสัญญาจ้างเขาไม่อ่านไม่บอกให้พวกๆพนักงานได้ฟังเลยเเละไม่มีการบอกตอนที่จะสมัครงานมาก่อนใดๆ และปัญหาก็มีตรงนี้มากที่เขาไม่ยอมคืนเงินประกันให้พนักงานก่อนกลับเลยต้องมีเรื่องฟ้องร้องกับศาลเเรงงานเท่านั้นถึงอาจจะคืน เพราะมันแน่นอนอยู่แล้วที่ถ้ารู้ก่อนแบบนี้หาเงินมาทั้งปีคงไม่มีใครยอมมา  

เเต่ตอนสมัครงานไม่มีรายละเอียดพวกนี้เลยค่ะ(เรามารู้ทีหลังว่าเขาไปขอสัญญาจ้างจากกรมแรงงานมาและเอามาแก้ไขเองและไม่ถูกต้องค่ะ)ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีการเซ็นสัญญาจ้างกับหมอนวดคนไหนมาก่อนพึ่งมามีค่ะ)และหมอนวดก่อนหน้านี้กับบริษัทนี้มีเรื่องกับพนักงานมาหลายทีจนถึงกรมแรงงานแล้วค่ะ

มาต่อเรื่องการจ่าย และเขาก็จ่ายเป็นเดือนตามที่เราเลือกเงินเดือนตลอดก่อนหน้านี้เขาจะจ่ายเงินทุกวันที่5 ของเดือน เขาก็จ่ายเรามาทุกๆเดือน จนมาถึงสักพักเขาก็เลื่อนมาจ่ายเป็นทุกๆวันที่ 1 ของเดือน เขาก็ยังจ่ายเป็นเงินเดือนแบบที่เราเลือกเราก็เลยโล่งใจวางใจคิดว่าไม่มีปัณหาอะไร และพอเราทำงานมาสัก8-9เดือนเขาไปเปิดรับสมัครงานหาหมอนวดในโซเซี่ยวใหม่เขาลงรายละเอียดงานการรับเงินเดือนมี2แบบเหมือนเคยคือมีเลือกรับเเบบเงินเดือน2500ริงกิตกับค่าคอม10%และแบบที่2เขาเปลี่ยนเป็นเลือกรับเปอร์เซ็น50% ซึ่งเขามาถามพนักงานนวดคนเก่าว่าบริษัทมีการเปลี่ยนถ้าใครจัเลือกรับเปอร์เซ็นก็จะเป็น50%ถ้าเลือกเงินเดือนก็เหมือนเดิมคือ2500ริงกิตกับ10%เหมือนเดิมเขาถามเรากับเเฟนว่าจะเปลี่ยนไหมเราก็บอกไปว่าไม่เปลี่ยนค่ะเราเลือกกินเป็นเงินเดือนเหมือนเดิมค่ะ พอเราเลือกตอนนั้นเขาก็จ่ายเป็นเงินเดือนเหมือนเดิมค่ะ และตอนนั้นใกล้เวลาเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนที่เราจะหมดสัญญาจะครบ1ปีพอดีเราถามย้ำเขาว่าเงินประกันนี้คือจ่ายพร้อมกันกับเงินเดือนเดือนสุดท้ายเลยใช่ไหมค่ะเขาบอกว่าใช่ค่ะ เราลืมเล่าไปค่ะตอนก่อนที่เราจะสมัครงานก่อนที่จะมาทำงานเราได้ถามไปว่าเงินประกันนี่คืนตอนไหนค่ะคืนเป็นเงินสดใช่ไหมเขาก็บอกใช่ค่ะคืนเป็นเงินสดก่อนกลับ

(ทุกอย่างที่เราติดต่อกับเขาและรายเอียดการพูดคุยแม้กระทั่งในตอนการทำงานที่นี่เราจะคุยกับเจ้านายผ่านทางแชทหมดค่ะ)

และตอนนี้พอทำงานมาถึงเดือนถึงเดือนมีนาคม 63 นี้ ในช่วงเดือนที่รัฐบาลมาเลเซียประกาศให้ปิดร้านนวดในช่วงวัน18มีนาคม63 ที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนั้นพวกเราได้ทำงานมา21วันเเล้วเพราะเราตัดวิกที่25ของทุกเดือนเริ่มนับการทำงานวันเเรกของเดือนคือทุกๆวันที่26ของเดือนเพราะฉะนั้นวันที่เราทำงานคือ 26กุมภาพันธ์63-17มีนาคม63 รวมเป็น21วัน ซึ่งเขาจะมาเปลี่ยนจ่ายให้เราเป็นแค่50%ของที่นวดได้เท่านั้นซึ่งเขาไม่ได้บอกหรืออะไรไว้ก่อนเลยซึ่งเราก็ไม่ยอมทั้งๆที่เราได้มาทำงานให้เขาตามปกติสแกนนิ้วเข้าออกมาทำความสะอาดสแตนบายตามปกติ และทีนี้เราก็เเจ้งเขาไปว่าคุณทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะคือเอาเปรียบเราเกินไปเขาบอกว่าถ้าเราไม่พอใจก็ไปเรียกร้องกับรัฐบาลเอาเอง แล้วเขาก็ลบเราออกจากกลุ่มงานและบอกว่าจะยกเลิกวีซ่าให้เราเหตุผลเพียงเพราะว่าเราไม่ยอมรับ50%แค่นั้นเเละเขาก็บล็อกเราทุกทางเเละไปโพสต์ในกลุ่มไลน์เพื่อนเราเอามาให้ดูเอาข้าวสารมาให้5กิโลเเละไข่2แผงสำหรับหมอนวด7-8คนต่อการปิด14วันและพิมพ์บอกว่าให้เฉพาะคนที่ต่อสู้ก้าวผ่านไปด้วยกันเท่านั้นนะค่ะ ไม่ได้มอบให้คนที่เห็นแก่ตัวก็คงรู้ว่าเป็นใคร เขาว่าให้เราเเบบนี้และลอยแพไม่สนใจและดูแลเราเลยเเม้เเต่น้อย เราได้บอกเขาว่าเราต้องการที่เราทำงานมาเท่านั้นไม่ได้ต้องการเงินเดือนทั้งเดือนคือเอาเงินเดือน2500มาหาร21วันที่เราทำมาเท่านั้น. ในวันที่1ของเดือนต่อมาเขาได้นำเงินมาจ่ายให้พนักงานคนอื่นแต่เขาไม่เอามาจ่ายให้เราเลยไม่มีการติดต่อมาอะไรเลย จนเราได้ติดต่อไปที่สถานทูตกงศุลและทางสถานทูตบอกให้เราติดต่อกับกรมแรงงานไทยในมาเลเซียเล่าเเละส่งเอกสารให้ทางแรงงานฟังจนผ่านไปวันที่7แรงงานบอกว่าตามกฏหมายเลทให้นายจ้างมาจ่ายให้ได้7วัน เขาก็ให้เพื่อนหุ้นส่วนคนจีนมาจ่ายแต่จ่ายเเค่50%เหมือนเดิมซึ่งเราไม่เซ็นรับเพราะเราคิดว่ามันไม่ถูกต้องเอาเปรียบกันเกินไปเพราะเราคิดว่าค่าวีซ่าแพงเเสนเเพงซึ่งเราก็จ่ายเองค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับเราต้องจ่ายเองทุกอย่างจ่ายเองหมด มันไม่เเฟร์กับการที่เป็นวีซ่าถูกต้องตามกฏหมายเลยเเละในสถานการณ์แบบนี้ ควรเห็นใจกันบ้างยิ่งเราเป็นต่างชาติ ในยามเดือนไหนที่เราได้ยอดสูงเราไม่เคยขอเปลี่ยนรับเป็น40-50%เลยหมอนวดคนสนิทของเจ้านายเขาได่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดค่ะซึ่งเรากับแฟนไม่เคยเปลี่ยนเลย
*เราขอบอกว่าพนักงานคนอื่นนั้นซึ่งมีแต่คนใหม่ๆที่มาและไม่กล้าเรียกร้องความถูกต้องอะไรมีคนเก่าที่เหลือไม่กี่คนที่เขาเป็นฝ่ายนายจ้างพาแต่พวกเขาไปเที่ยวชื้ออะไรมาให้พวกนั้น "เลือกที่รักมักที่ชัง"ประมาณนี้ค่ะ
เท่านั้น จนทุกวันนี้เขาก็ไม่ยอมจ่ายให้เราผ่านมา2เดือนเเล้วซึ่งกรมแรงงานเขาก็บอกติดต่อทางนายจ้างไปแล้ว(เราติดต่อดำเนินเรื่องกับกรมแรงงานไปตั้งแต่วันที่18มีนาหลังสั่งปิดร้านหลัง1วันเลยค่ะ ตอนนี้ก็เดือนกว่าเเล้วสำหรับเราตอนนี้อยู่แบบไร้ที่
พึ่งและมี อ.ส.ม ของรัฐเราที่มาแจกเขาก็บอกว่าไม่อยากยุ้งเพราะเจ้านาสเราใหญ่โตเเรงงานใหญ่จากKLมาช่วยหมินวดคราวที่แล้วก็แพ้ ทำไรเขาไม่ได้ค่ะ เราได้ยินแบบนี้เราก็คิดมาก ทางกงศุสสถานทูตก็บอกให้เราติดต่อแรงงานที่นี่แต่เรื่องก็ไม่ถึงไหนเลยค่ะ ตอนนี้วีซ่าเราก็หมดตั้งแต่ที่2พ.ค.แล้วค่ะ สภาพเราอยู่โดยหมดหนทางไปวันๆ เงินเราก็อยากได้คืนเพราะเราถือว่าเป็นเงินจากแรงความเหน็ดเหนื่อยเราทำงานต่อวันสอตนบาย13-14ชมต่อวัน เดือนนั้นเราทำงานโดยไม่หยุดเลยเราเก็บวันหยุดไว้กลับบ้านเลยทีเดียวเราซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเองเเล้ววันที่29เมษาแต่ก็บินไม่ได้เพราะปิดประเทศแล้วสายการบินก็เครมไม่ได้ไม่รับผิดชอบใดๆเลยด้วยซ้ำเท่ากับเราเสียเงินฟรีไปเงินเดือนก็ไม่ได้เงินประกันก็ไม่ได้คืนเงินอยู่ไปวันๆคือเป็นความรู้สึกที่เเย่มากๆบ้านเราก็ไม่ใช่หากินลำบากแล้วอยากบอกว่าคนที่นี้ไทยที่นี่เขาไม่กล้าพูดหรืออะไรกับเราเพราะกลัวจะมีปัญหากับเจ้านายค่ะ พูดง่ายๆเขารู้ว่าเจ้านายทำผิดอะไรแต่ก็ทำไรไม่ได้ บางทีเราก็กลัวว่าเขาใต้โต๊ะทางแรงงานเราก็ถามไปกับทางแรงงานเข่บอกว่าทางเเรงใหญ่ทำไรไม่ได้รอร้องเรียนและรอทางแรงของรัฐที่เราเปิด เรารอตั้งวันนั้นยันวันนี้ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยค่ะ แล้วเราก็อยู่ในโซนที่เป็นสีแดงที่น่ากลัวมาก

เราขอปรึกษาได้ไหมค่ะว่าเราควรทำยังไงซึ่งส่วนต่างเงินเปอร์เซ็น กับเงินเดือนหาร21วันเงินที่เราควรจะได้รวม2คนกับแฟนเรามันต่างเป็น1000ริงกิตเป็นเงินไทย7พันกว่าบาทเลยค่ะ (นี่แค่เงินส่วนค่าจ้าง)นะค่ะยังไม่รวมเงินประกันอีก3000ริงกิตต่อคน ที่เขาควรจะคืนได้แล้วเราจะได้หาทางกลับไทยซึ่งต้องใช้เงินเยอะเลยกว่าจะออกจากรัฐไปอีก

เราอยากทราบว่านอกจากกรมแรงงานที่กัวลาลัมเปอร์แล้วมีหน่วยงานไหนหรือมูลนิธิหรืออาสาที่ไหนเขาช่วยเหลือเเรงานต่างประเทศที่ช่วยเหลือเราบ้างไหมค่ะ เรากลัวจากคำเล่าลือเรากลัวนายจ้างสินบนเจ้าหน้าที่ ช่วยให้คำปรึกษาเราด้วยนะค่ะเราเดือดร้อนจริงๆติดตามได้จากข่าวคนไทยในมาเลเซียยิ่งเราโดนนายจ้างลอยแพแบบนี้ถามหน่วยงานไปก็ไม่คืบหน้าอะไรเลย🙏🙏🙏ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่