สื่อญี่ปุ่นชี้ ไทยปูทาง “ปกติใหม่” เรียนรู้อยู่กับโควิด
สถานีโทรทัศน์ฟูจิทีวีนำเสนอรายงาน รัฐบาลไทยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยมีรายละเอียดที่รัดกุมและอาศัยความร่วมมือของประชาชน เป็นแบบอย่างให้ประเทศต่าง ๆ สร้างความปกติใหม่ อาศัยความรู้เพื่อป้องกันเชื้อไวรัส
สื่อมวลชนญี่ปุ่นรายงานว่า ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาลงได้อย่างต่อเนื่อง จนสามารถอนุญาตให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย่างกลับมาดำเนินการได้ โดยมีข้อกำหนดเพื่อป้องกันเชื้อไวรัส ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม
รัฐบาลไทยออกข้อกำหนดที่มีรายละเอียดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสสำหรับกิจการที่กลับมาเปิดบริการได้ เช่น ร้านอาหาร ร้านตัดผมเสริมสวย คลินิก สวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามกอล์ฟ เป็นต้น
ร้านอาหาร เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถสวมหน้ากากอนามัยในระหว่างกินอาหารได้ จึงต้องมีมาตรการเว้นระยะห่าง ทั้งระหว่างลูกค้าแต่ละคน และระหว่างโต๊ะ 1 เมตร และ1.5 เมตรตามข้อหนด ลูกค้าต้องนั่งคนเดียว หรือมีฉากกั้นระหว่างกัน หรือ นั่งเป็นแนวทแยง พนักงานสวมหน้ากากและถุงมือ รวมทั้งห้ามจำหน่ายสุราภายในร้าน
ร้านทำผมร้านเสริมสวย ค่อนข้างยากในการเว้นระยะห่าง ทั้งพนักงานและลูกค้าสวมหน้ากากและเฟชชิลด์ งดเว้นการพูดคุยกัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อผ่านการไอจาม การให้บริการให้ใช้เวลาน้อยที่สุด จำกัดเฉพาะการตัด สระ ไดร์ผม งดเว้นการย้อมผม ดัดผม ที่ต้องใช้เวลานาน ทำความสะอาดอุปกรณ์หลังบริการทุกครั้ง
การให้บริการต้องจองคิวล่วงหน้า ลงทะเบียนชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของลูกค้า เพื่อให้ติดตามตัวได้หากพบการติดเชื้อ
พนักงานของร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งบอกว่า “อยากทำงาน ดีใจที่ได้เปิดร้าน มาตรการช่วยให้ทั้งพนักงานและลูกค้าปลอดภัย แต่การเปิดให้ตัดผมอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย”
สวนสาธารณะ กลับมาเปิดอีกครั้ง มีผู้คนมาออกกำลังกายอย่างคึกคัก แต่ห้ามการรวมกลุ่ม และงดใช้เครื่องออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัส
รัฐบาลไทยตั้งเป้าใช้เวลา 14 วันเพื่อทดลองการผ่อนคลายมาตรการควบคุม หากการระบาดยังคงควบคุมได้ ก็จะเพิ่มการผ่อนคลาย เช่น ห้างสรรพสินค้า แต่ผับบาร์ ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสูง จะพิจารณาให้เปิดกิจการเป็นลำดับสุดท้าย
สื่อมวลชนญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐบาลหลายประเทศ เช่น ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เริ่มพิจารณาผ่อนคลายมาตรการเข้มงวด เปิดทางให้กิจการที่มีความเสี่ยงต่ำกลับมาดำเนินการอีกครั้ง ประเทศไทยถือเป็นผู้นำในการใช้ความรู้เกี่ยวกับไวรัส สร้างกฎต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ขณะเดียวกันก็เปิดทางให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้อีกครั้ง
https://mgronline.com/japan/detail/9630000046708
ลุ้นรัฐ 'ผ่อนปรนระยะ 2' 17 พ.ค. นี้ ถ้าผู้ป่วยโควิดไม่พุ่ง
ศบค.เปิดไทมไลน์เข้ามาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 เตรียมยกร่างเสนอนายกรัฐมนตรี พร้อมประกาศ 17 พ.ค.นี้
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 พ.ค. 2563 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ว่า สำหรับผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 3 ราย โดยผู้ป่วยสะสมรวม 2,992 ราย หายป่วยและกลับบ้าน 2,772 ราย กำลังรักษาในรพ. 165 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 55 ราย
สำหรับผู้ป่วย 3 ราย เป็นผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 59 ปี เป็นแม่บ้านจ.ยะลา พบจากการค้นหาเชิงรุก สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันจากมาเลเซีย ส่วนอีก 2 ราย คือ ชายไทยอายุ 46 ปี และ 51 ปี เดินทางมาจากคาซัคสถาน และเข้า State Quarantine
อย่างไรก็ตาม สำหรับช่วงเวลาที่จะเริ่มการผ่อนปรนกิจการระยะที่ 2 นั้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 8-12 พ.ค.นี้ จะเป็นช่วงของการรับฟังความคิดเห็น หลังจากประกาศมาตรการผ่อนปรนเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยวันที่ 13 พ.ค.จะมีการซักซ้อมความเข้าใจ และวันที่ 14 พ.ค.จะยกร่างการผ่อนปรนระยะที่ 2 เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี หากไม่มีตัวเลขผู้ป่วยพุ่งขึ้น ก็จะมีการประกาศผ่อนปรนระยะที่ 2 ในวันที่ 17 พ.ค.ต่อไป ดังนั้น ระหว่างนี้ทุกท่านต้องช่วยกัน โดยระยะ 2 จะเป็นการขยายกิจการขนาดใหญ่ขึ้น คนจะเข้าไปมากขึ้น ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับกิจการ-กิจกรรมที่เปิดผ่อนปรนในระยะแรก
https://www.hfocus.org/content/2020/05/19257
สื่อญี่ปุ่นรายงานความสำเร็จของไทย ที่มีอย่างต่อเนื่อง
ไทยกำลังจะใช้วิถีชีวิตอยู่กับโควิด อย่างปลอดภัย
ประชาชนตื่นรู้สู้โควิดอย่างเข้มแข็ง
รัฐบาลผ่อนปรนระยะที่ 1 ไปแล้ว รอผลที่ตามมาประชาชนจะรับมือเอาอยู่หรือไม่
ถ้ารับมือได้ ก็จะผ่อนปรนระยะที่ 2 ต่อไป
ตอนนี้ก็ต้องการ์ดไม่ตก ใช้ชีวิตในวิถีใหม่ให้ได้นะคะ
สู้ๆอย่างมีความหวังค่ะ....👍💕
🍂🍂🍂มาลาริน/สื่อญี่ปุ่นชี้ไทยปูทาง“ปกติใหม่”เรียนรู้อยู่กับโควิด เป็นแบบอย่างให้ประเทศต่างๆ..ลุ้นรบ.ผ่อนปรนระยะที่ 2
สถานีโทรทัศน์ฟูจิทีวีนำเสนอรายงาน รัฐบาลไทยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยมีรายละเอียดที่รัดกุมและอาศัยความร่วมมือของประชาชน เป็นแบบอย่างให้ประเทศต่าง ๆ สร้างความปกติใหม่ อาศัยความรู้เพื่อป้องกันเชื้อไวรัส
สื่อมวลชนญี่ปุ่นรายงานว่า ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาลงได้อย่างต่อเนื่อง จนสามารถอนุญาตให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย่างกลับมาดำเนินการได้ โดยมีข้อกำหนดเพื่อป้องกันเชื้อไวรัส ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม
รัฐบาลไทยออกข้อกำหนดที่มีรายละเอียดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสสำหรับกิจการที่กลับมาเปิดบริการได้ เช่น ร้านอาหาร ร้านตัดผมเสริมสวย คลินิก สวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามกอล์ฟ เป็นต้น
ร้านอาหาร เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถสวมหน้ากากอนามัยในระหว่างกินอาหารได้ จึงต้องมีมาตรการเว้นระยะห่าง ทั้งระหว่างลูกค้าแต่ละคน และระหว่างโต๊ะ 1 เมตร และ1.5 เมตรตามข้อหนด ลูกค้าต้องนั่งคนเดียว หรือมีฉากกั้นระหว่างกัน หรือ นั่งเป็นแนวทแยง พนักงานสวมหน้ากากและถุงมือ รวมทั้งห้ามจำหน่ายสุราภายในร้าน
ร้านทำผมร้านเสริมสวย ค่อนข้างยากในการเว้นระยะห่าง ทั้งพนักงานและลูกค้าสวมหน้ากากและเฟชชิลด์ งดเว้นการพูดคุยกัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อผ่านการไอจาม การให้บริการให้ใช้เวลาน้อยที่สุด จำกัดเฉพาะการตัด สระ ไดร์ผม งดเว้นการย้อมผม ดัดผม ที่ต้องใช้เวลานาน ทำความสะอาดอุปกรณ์หลังบริการทุกครั้ง
การให้บริการต้องจองคิวล่วงหน้า ลงทะเบียนชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของลูกค้า เพื่อให้ติดตามตัวได้หากพบการติดเชื้อ
พนักงานของร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งบอกว่า “อยากทำงาน ดีใจที่ได้เปิดร้าน มาตรการช่วยให้ทั้งพนักงานและลูกค้าปลอดภัย แต่การเปิดให้ตัดผมอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย”
สวนสาธารณะ กลับมาเปิดอีกครั้ง มีผู้คนมาออกกำลังกายอย่างคึกคัก แต่ห้ามการรวมกลุ่ม และงดใช้เครื่องออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัส
รัฐบาลไทยตั้งเป้าใช้เวลา 14 วันเพื่อทดลองการผ่อนคลายมาตรการควบคุม หากการระบาดยังคงควบคุมได้ ก็จะเพิ่มการผ่อนคลาย เช่น ห้างสรรพสินค้า แต่ผับบาร์ ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสูง จะพิจารณาให้เปิดกิจการเป็นลำดับสุดท้าย
สื่อมวลชนญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐบาลหลายประเทศ เช่น ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เริ่มพิจารณาผ่อนคลายมาตรการเข้มงวด เปิดทางให้กิจการที่มีความเสี่ยงต่ำกลับมาดำเนินการอีกครั้ง ประเทศไทยถือเป็นผู้นำในการใช้ความรู้เกี่ยวกับไวรัส สร้างกฎต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ขณะเดียวกันก็เปิดทางให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้อีกครั้ง
https://mgronline.com/japan/detail/9630000046708
ลุ้นรัฐ 'ผ่อนปรนระยะ 2' 17 พ.ค. นี้ ถ้าผู้ป่วยโควิดไม่พุ่ง
ศบค.เปิดไทมไลน์เข้ามาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 เตรียมยกร่างเสนอนายกรัฐมนตรี พร้อมประกาศ 17 พ.ค.นี้
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 พ.ค. 2563 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ว่า สำหรับผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 3 ราย โดยผู้ป่วยสะสมรวม 2,992 ราย หายป่วยและกลับบ้าน 2,772 ราย กำลังรักษาในรพ. 165 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 55 ราย
สำหรับผู้ป่วย 3 ราย เป็นผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 59 ปี เป็นแม่บ้านจ.ยะลา พบจากการค้นหาเชิงรุก สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันจากมาเลเซีย ส่วนอีก 2 ราย คือ ชายไทยอายุ 46 ปี และ 51 ปี เดินทางมาจากคาซัคสถาน และเข้า State Quarantine
อย่างไรก็ตาม สำหรับช่วงเวลาที่จะเริ่มการผ่อนปรนกิจการระยะที่ 2 นั้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 8-12 พ.ค.นี้ จะเป็นช่วงของการรับฟังความคิดเห็น หลังจากประกาศมาตรการผ่อนปรนเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยวันที่ 13 พ.ค.จะมีการซักซ้อมความเข้าใจ และวันที่ 14 พ.ค.จะยกร่างการผ่อนปรนระยะที่ 2 เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี หากไม่มีตัวเลขผู้ป่วยพุ่งขึ้น ก็จะมีการประกาศผ่อนปรนระยะที่ 2 ในวันที่ 17 พ.ค.ต่อไป ดังนั้น ระหว่างนี้ทุกท่านต้องช่วยกัน โดยระยะ 2 จะเป็นการขยายกิจการขนาดใหญ่ขึ้น คนจะเข้าไปมากขึ้น ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับกิจการ-กิจกรรมที่เปิดผ่อนปรนในระยะแรก
https://www.hfocus.org/content/2020/05/19257
สื่อญี่ปุ่นรายงานความสำเร็จของไทย ที่มีอย่างต่อเนื่อง
ไทยกำลังจะใช้วิถีชีวิตอยู่กับโควิด อย่างปลอดภัย
ประชาชนตื่นรู้สู้โควิดอย่างเข้มแข็ง
รัฐบาลผ่อนปรนระยะที่ 1 ไปแล้ว รอผลที่ตามมาประชาชนจะรับมือเอาอยู่หรือไม่
ถ้ารับมือได้ ก็จะผ่อนปรนระยะที่ 2 ต่อไป
ตอนนี้ก็ต้องการ์ดไม่ตก ใช้ชีวิตในวิถีใหม่ให้ได้นะคะ
สู้ๆอย่างมีความหวังค่ะ....👍💕