มิตรรัก นักแฟนตาซี : EP 42 ส่องวงในความเห็น ทำไมสโมสรพรีเมียร์ เสียงแตก!

กลับมาอัพเดทข่าวสารของฟุตบอลลีกยุโรปกันเหมือนเดิม โดยเรายังคงรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ โดยโฟกัสไปที่พรีเมียร์ลีก แต่ก็มีข่าวแวดล้อมจากลีกอื่นมาให้เสพด้วย เพราะมันอาจเป็นบรรทัดฐานการตัดสินใจได้เช่นกัน

ข่าวคราวการกลับมาเตะพรีเมียร์ลีก ยังต้องตามกันต่ออย่างใกล้ชิดต่อไป

เนื้อหาสำคัญ เป็นการประชุมของพรีเมียร์ลีกครั้งล่าสุดเมื่อ 1 พ.ค. ซึ่งแม้จะไม่มีรายละเอียดอะไรมาก แต่ถัดมา 2-3 วัน ก็มีหลายสื่อเผยรายละเอียดวงใน ซึ่งทำให้เห็นข้อขัดแย้งในการกลับมาเตะพอสมควร มีอะไรบ้าง เดี๋ยวเราแชร์ให้ฟัง

ผลประชุมพรีเมียร์ลีก 1 พ.ค.

ถือเป็นกำหนดการปกติที่จะมีการคุยกันทุกๆ 2 สัปดาห์ สำหรับสมาชิกพรีเมียร์ลีก ซึ่งการประชุมเมื่อ 1 พ.ค. ไม่มีรายละเอียดออกมานัก นอกจากการยืนยันคำเดิม ว่าสมาชิกมีความต้องการกลับมาเตะซีซัน 2019/20 ให้จบ

ถึงโอกาสจะต้องกลับมาเตะแบบปิดสนามสูง แต่พรีเมียร์ลีกก็ยังอยากแข่งต่อให้จบ

โดยรายละเอียดการกลับมาซ้อม และการกลับมาเตะ ยังไม่มีรายละเอียดออกมา เพราะต้องดูสถานการณ์ไปก่อน โดยให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของทุกคนที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนั้น ยังมีการคุยกันในส่วนวิธีการที่จะสามารถกลับมาแข่งได้ เพียงแต่ไม่มีการแชร์รายละเอียดออกมา

ความเห็นจากสโมสร

อย่างที่แจ้งด้านบน ว่าแถลงการณ์ของพรีเมียร์ลีกไม่มีรายละเอียดใหม่ให้ติดตาม ส่วนนึงเพราะมันยังไม่มีความชัดเจนของสถานการณ์ตอนนี้ และอีกส่วนนึง เพราะเขารอดูรายละเอียดจากรัฐบาล ที่ต้องมีการอัพเดทรายละเอียดล็อคดาวน์อีกครั้ง หลังของเดิมสิ้นสุด 7 พ.ค.

แต่ก็เป็นปกติ ที่สื่อต่างๆ จะมีรายละเอียดวงในออกมาแชร์กัน ผสมกับคำสัมภาษณ์ของเหล่าผู้บริหารของทีม และนักเตะ ซึ่งทำให้เราเห็นภาพรวมของการตัดสินใจมากขึ้น

จากหน้าสื่อต่างๆ ทีมในโซนท้ายตาราง ดูจะมีหลายปัจจัยกังวลในการกลับมาเตะตามไอเดีย

ประเด็นสำคัญที่ถูกถกเถียงกันอย่างมาก คือพรีเมียร์ลีกอาจนำมาตรการใช้สนามกลาง 8-10 สนามออกมาใช้ เพราะนอกจากจะจัดการแข่งขันในสถานที่ที่พร้อม และหลีกเลี่ยงแฟนบอลเจ้าถิ่น ออกมาออกันนอกสนาม ยังสะดวกต่อความพร้อมของสนาม ซึ่งต้องใช้คนน้อยที่สุด เท่าที่เป็นไปได้

โดยถึงจะมีหลายฝ่าย เห็นด้วยว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้การแข่งขันกลับมาเตะกันได้เร็วที่สุด แต่ก็มีหลายสโมสรที่แสดงความกังวล โดยเฉพาะความได้เปรียบจากการเล่นในบ้าน ซึ่งจะหายไปทันที เมื่อกลับมาเตะสนามเป็นกลาง

ไบรท์ตัน แสดงท่าทีไม่ค่อยเห็นด้วย หากพวกเขาต้องเสียความได้เปรียบจากการเล่นในรังเหย้า

สโมสรส่วนใหญ่ที่กังวลเรื่องนี้ อยู่ในโซนหนีตกชั้นกันทั้งนั้น โดยมีไบรท์ตันที่เหลือเกมเหย้า กับทีมใหญ่หลายทีม ที่ออกตัวไม่ปลื้มประเด็นนี้ ส่วนทีมอื่น เช่น วิลล่า หรือเวสต์แฮม เชื่อว่ามีความกังวลตรงนี้เช่นกัน เพียงแต่หันไปพูดเรื่องสุขภาพของผู้คนมากกว่า

นอกจากนั้น ยังมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องสัญญาของนักเตะ ทั้งสัญญาถาวร และสัญญายืมตัว ซึ่งจะมีหลายรายที่หมดสัญญาในเดือน มิ.ย. และสโมสรไม่สามารถบังคับให้นักเตะอยู่กับทีมต่อไปได้ แม้จะมีการเปิดช่องของฟีฟ่า และไอเดียเรื่องการเซ็นสัญญาระยะสั้น 2-3 เดือนก็ตาม

บอร์นมัธ ต้องเคลียร์กับ “ไรอัน เฟรเซอร์” หลังนักเตะสก็อตติชจะหมดสัญญา มิ.ย. นี้

ซึ่งทีมที่ได้รับผลกระทบมากกว่าเพื่อน ก็ยังคงเป็นทีมในครึ่งล่างของตาราง พอบวกกับเรื่องสนามกลาง และเรื่องความกังวลในด้านสุขภาพ จึงไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ กับการกลับมาเตะ ซึ่งก่อนนี้คาดว่าตั้งเป้ากันไว้ในเดือน มิ.ย.

ตอนนี้เลยกลายเป็นการยืน 2 ด้าน ระหว่าง 6 ทีมท้ายตาราง กับอีก 14 ทีม โดยหากมีการโหวต พรีเมียร์ลีกต้องการเสียงเอกฉันท์ 14 จาก 20 เสียง ถึงจะผ่านมติในเรื่องสำคัญ

ความเห็นของนักเตะ

นอกเหนือจากความเห็นของเหล่าผู้บริหารของสโมสร ที่มีอำนาจในการตัดสินใจแล้ว ตัวนักเตะหลายราย ก็มีการออกความเห็นออกมาเหมือนกัน จากการสัมภาษณ์ของสื่อต่างๆ ออนไลน์

กุน และลาปอร์ต สองกระบอกเสียง ที่มีความกังวลเรื่องสุขภาพในการกลับมาเตะ

นักเตะหลายราย เช่น อเกวโร่ หรือลาปอร์ต ออกมาให้ความเห็นคล้ายกัน ว่าถึงแม้พวกเขาจะคิดถึงการกลับมาลงเล่นในสนาม แต่เรื่องของสุขภาพก็เป็นอะไรที่สุ่มเสี่ยง ยิ่งกับคนที่มีครอบครัว, ลูก หรือผู้สูงอายุ รออยู่ที่บ้าน

จุดนี้เป็นอีกสิ่งที่น่ากังวลเหมือนกัน เพราะหากว่ารัฐบาล, พรีเมียร์ลีก และสโมสร ไฟเขียวให้กลับมาเตะได้ แต่นักเตะบางส่วนกลับปฏิเสธ ด้วยข้อกังวลต่อสุขภาพ แล้วมันจะลงเอยกันที่ตรงไหน

จับตาดูพรีเมียร์ลีกต่อ

หลักไมล์สำคัญต่อจากนี้ คงมีอยู่ 2-3 กำหนดการที่น่าสนใจ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการกลับมาเตะของพรีเมียร์ลีก ในอนาคตอันใกล้

แรกสุด คือการอัพเดทสถานการณ์ของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการต่อเวลาล็อคดาวน์จาก 7 พ.ค. ออกไปอย่างแน่นอน เหมือนหลายประเทศ เพียงแต่มันจะมีรายละเอียดผ่อนปรนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งนั่นส่งผลต่อการกลับมาเตะของพรีเมียร์ลีกแน่

การขยายมาตรการล็อคดาวน์ของรัฐบาลอังกฤษ มีผลสำคัญต่อพรีเมียร์ลีกแน่

กำหนดการถัดไป หลังจากเห็นท่าทีรัฐบาล ซึ่งคาดว่าหลังจาก 7 พ.ค. ราว 7-10 วัน พรีเมียร์ลีกคงมีแถลงการณ์ออกมาอีกรอบ โดยโปรเจ็คท์ที่ถูกเรียกว่า “รีสตาร์ท” อาจมีรายละเอียดให้เห็นกันมากขึ้น จะเป็นการกลับมาซ้อม 18 พ.ค. และเริ่มเตะกันในเดือน มิ.ย. รึป่าว อันนี้ต้องตามดู

โดยนอกเหนือจากไทม์ไลน์ที่คาดหวังจะได้เห็นกันแล้ว น่าจะมีรายละเอียดเรื่องที่หลายฝ่ายกังวล เช่น การใช้สนามกลาง, สัญญานักเตะที่จะหมด มิ.ย. และความปลอดภัยต่อผู้เกี่ยวข้อง ที่จะต้องกลับมาทำงานเกี่ยวข้องกับการแข่งขัน

แม้จะมีหลายทีมเปิดศูนย์ซ้อมแล้ว แต่การอนุญาตให้ซ้อมรวมทีม ยังต้องรอการยืนยัน

ปิดท้ายที่สำคัญที่สุด และคงจะออกมาตามหลัง คือโปรแกรมการแข่งขัน ว่าจะจัดสรรยังไง ไม่ให้เกิดการได้เปรียบ-เสียเปรียบ ซึ่งถ้าจะเตะ มิ.ย. จริง ประมาณปลาย พ.ค. โปรแกรมต้องออกมาแล้ว

ลีกอื่นว่าไงบ้าง

นอกเหนือจากบุนเดสลีก้า, กัลโช่ เซเรีย อา และเอเรดิวิซี่ ที่เราว่ากันไปใน EP ก่อน ล่าสุดก็มี “ลีกเอิง” ของฝรั่งเศส ที่ออกมาตัดจบไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากรัฐบาลฝรั่งเศส ยืนยันไม่อนุญาตให้กีฬาอาชีพกลับมาลงเล่น จนถึงเดือน ก.ย. เป็นอย่างน้อย

หลังตัดจบ “เปแอสเช” ครองแชมป์ลีกเอิงซีซันนี้เรียบร้อย จากการดูแต้มต่อนัด

จุดที่ลีกเอิง ทำได้ดีกว่าเอเรดิวิซี่ คือมีการเลือกวิธี “แต้มต่อนัด” ชัดเจน เพื่อจัดอันดับของทีมในลีก ที่มีลงเล่นไม่เท่ากัน พร้อมกับยึดตำแหน่งแชมป์, โควตาบอลยุโรป และการเลื่อนชั้น-ตกชั้น ตามนั้น

อย่างไรก็ดี ก็มีสโมสรที่เสียผลประโยชน์ และออกมาพูดว่าอาจมีการเรียกร้อง อย่าง “โอลิมปิก ลียง” ที่การเลือกใช้วิธีแต้มหารด้วยจำนวนนัด ทำให้พวกเขาต้องจบอันดับที่ 7 และชวดไปเล่นฟุตบอลยุโรป เพราะหากเลือกตัดนัดที่ 28 ออก แล้วตัดสินจาก 27 นัดเท่ากัน พวกเขาจะจบอันดับ 5 แถมยังมีฟุตบอลถ้วยนัดชิงกับเปแอสเช รออยู่ด้วยอีกต่อ

ลียง ถือเป็นทีมในลีกเอิงที่ได้รับผลกระทบชัดเจน จากการเลือกวิธีคิดคะแนนเพื่อจัดอันดับ

ส่วนอีกลีกใหญ่อย่าง “ลา ลีก้า” สเปน ก็เริ่มมีการขยับตัวเช่นกัน กับการเล็งกลับมาซ้อมแบบ Social Distancing ประมาณกลางเดือน พ.ค. เพื่อหวังกลับมาเตะแบบปิดสนามช่วงเดือน มิ.ย. ซึ่งจะคล้ายๆ ที่กัลโช่ เซเรีย อา วางกำหนดการไว้

(ส่วนอื่น ขอไปต่อในคอมเมนท์ จะได้ไม่ถูกตัดเนื่องจากตัวอักษรเกินครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่