[CR] เที่ยวไปกินไป by laser @ หลงเตียน

"หลงเตียน" @ ท่าเตียน
เพื่อนสมัยเตรียมอุดมศึกษา นัดกินข้าวกันที่ร้านหลงเตียน ท่าเตียน
โดยให้เลือกลงชื่อวันที่สะดวกจะไปสองวัน คือ วันอาทิตย์ที่ 16-2-20 หรือวันเสาร์ที่ 29-2-20
ส่วนใหญ่เลือกวันที่ 29 กพ.เพราะ 4 ปีมีวันที่ 29 ครั้งเดียว แม้ว่าจะไม่มีใครเกิดวันนี้
ลงชือไว้ทั้ง 2 วัน เพราะมีที่ให้เดินเที่ยวก่อนถึงเวลานัด 2 แห่ง คือ วัดโพธิ์ และวัดอรุณฯ
วันเสาร์ที่ 16-2-20 16.30 น.การเดินทางไป "หลงเตียน" ท่าเตียน เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน 
จากบีทีเอสอโศก ไปขึ้นที่สถานีสนามไชย ซึ่งเป็นสถานีที่สวยที่สุดในปัจจุบัน ก่อนลอดแม่น้ำเจ้าพระยา
บริเวณปากคลองตลาด ไปยังฝั่งธนบุรี และยกระดับขึ้นสู่สถานีท่าพระต่อไป
แวะถ่ายรูปความสวยงามของงานตกแต่งในสถานี ที่ชั้นจำหน่ายบัตรโดยสารกันก่อน  





ออกจากสถานีทางทางออกที่ 1 มาขึ้นทางเข้ามิวเซียมสยาม ฝั่งถนนมหาไชย 
จากนั้นเลือกได้ว่าจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเชตุพน
แล้วเลี้ยวเข้าเข้าถนนมหาราชไปท่าเตียนก็ได้ แถวนี้หาที่จอดรถยาก
ใกล้ที่สุด คือ ที่จอดรถอัตโนมัติของตลาดยอดพิมาน ซึ่งรองรับได้ถึง 300 คัน 
แต่เดินไกลนิดหนึ่ง สำหรับ สว.คงต้องพึ่งแท็กซี่





มีเวลามากมายเดินไปตามถนนสนามไชยไปเดินเล่นในวัดโพธิ์
โดยเข้าทางประตูฝั่งถนนสนามไชย ใกล้กับแยกรักษาดินแดง หรือแยกท้ายวัง ผ่านหอกลองและหอนาฬิกา



การสร้างหอกลองในพระนครมีหลักฐานปรากฏตั้งแต่สมัยอยุธยา สำหรับหอกลองของกรุงรัตนโกสินทร์
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕  พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ 
ให้สร้างหอกลองขึ้นที่บริเวณป่าช้า หน้าวัดโพธาราม (ต่อมาคือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) 
ที่ดินบริเวณที่สร้างหอกลองเรียกว่าสวนเจ้าเชต (ปัจจุบันคือบริเวณที่ตั้งกรมการรักษาดินแดน)  
หอกลองนี้มีลักษณะเป็นอาคารทำด้วยไม้สูง ๓ ชั้น ไม่มีฝากั้น รูปทรงสูงชะลูดขึ้นไป หลังคาทำเป็นรูปมณฑป 
ในอาคารตั้งกลองสำคัญ ๓ ใบ คือ กลองย่ำพระสุริย์ศรี เป็นกลองขนาดใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๘๒ เซนติเมตร 
ตั้งอยู่ชั้นล่าง ใช้ตีบอกโมงยามเพื่อให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ภายในกำแพงพระนครทราบเวลา กลองอัคคีพินาศ 
เป็นกลองขนาดกลาง มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๖๐ เซนติเมตร ตั้งอยู่ชั้นที่ ๒ ใช้ตีเป็นสัญญาณให้ราษฎรทราบว่า
เกิดไฟไหม้ขึ้น กลองพิฆาตไพรี เป็นกลองขนาดเล็ก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๔๔ เซนติเมตร ตั้งอยู่ชั้นที่ ๓ 
ใช้ตีเป็นสัญญาณว่าข้าศึกยกทัพมาประชิดพระนคร ปรากฏว่ากลองใบที่ ๓ นี้ไม่เคยใช้ตีเลย
เพราะไม่เคยมีข้าศึกยกทัพมาประชิดชานพระนคร
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซม
และปรับปรุงอาคารหอกลองนี้  ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อหอกลอง
และย้ายกลองทั้ง ๓ ใบไปไว้ที่หอริมประตูเทวาพิทักษ์ในพระบรมมหาราชวัง และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ ให้นำกลองทั้ง ๓ ใบมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
พระนคร)  ต่อมา เมื่อมีการจัดงานเฉลิมฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ 
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รื้อฟื้นหอกลองประจำเมืองขึ้น จึงมีการก่อสร้างหอกลองใหม่ในที่เดิม 
และได้รับบริจาคกลองโบราณจากวัดประชาสัทธาราม จังหวัดสุรินทร์ จำนวน ๓ ใบซึ่งใหญ่กว่าของเดิม 
มีพิธียกกลองขึ้นหอกลองในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๐
http://www.royin.go.th/?knowledges=หอกลอง-๒๙-เมษายน-๒๕๕๒



หอนาฬิกาแห่งแรกของไทยสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 
มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นนาฬิกาหลวงบอกเวลาแก่สาธารณชน และผู้คนที่ล่องเรือผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา
ให้ได้รู้โมงยามกันถ้วนหน้า ก่อนจะถูกรื้อถอนทั้งหมดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 
รัชกาลที่ 5 โดยตัวนาฬิกาถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงกลาโหม ต่อมาในวาระสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี 
จึงได้มีการนำนาฬิกาเดิมมาสร้างเป็นหอนาฬิกาประวัติศาสตร์ให้ได้รำลึกหวนคืนอดีตอีกครั้ง
https://readthecloud.co/first-buildings-of-rattanakosin-era/



เข้าประตูมาจะพบกับพระเจดีย์หมู่ห้าฐานเดียว 
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย 
โดยมีจำนวนรวม 99 องค์ แบ่งเป็นพระเจดีย์ราย (71) พระเจดีย์หมู่ห้าฐานเดียว (20) พระมหาสถูป (4)
พระเจดีย์ที่สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (วิกิ)



เดินเลียบไปตามกำแพงวัดฝั่งถนนท้ายวัง
อัปเฉาเรือ หรือ "ลั่นถัน" รูปนักรับจีน ซึ่งมักถูกเข้าใจว่าเป็น "ยักษ์วัดโพธิ์"



พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล





ถ้าจะนับตามลักษณะความใหญ่โต วัดโพธิ์มียักษ์ถึง 3 สัญชาติ คือ ไทย จีนและฝรั่ง
ยักษ์ฝรั่งยืนอยู่ที่ประตูไปวิหารพระพุทธไสยาส หรือวิหารพระนอน มองบางมุมเหมือนกำลังยิ้ม







รูปปั้นฤาษีดัดตนบางส่วน ถูกย้ายมาตั้งรายรอบพระมหาสถูป หน้าวิหารพระนอน





แวะชมความงามอันน่ามหัศจรรย์ของพระพุทธไสยาสเป็นครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้



ชื่อสินค้า:   หลงเตียน
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 10
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่