
หลังจากล้อคดาวน์ครบ1เดือน วันนี้จะลองเขียนสิ่งที่คิดวิเคราห์มาแบ่งปันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เหมือนเป็นการสรุปความคิดตัวเองและเผื่อเป็นประโยชน์ให้ใครหลายๆคนครับ
1.อาจไม่มีcomfort zoneอีกต่อไป?
ที่ผ่านมาเราเคยคิดว่าพนงออฟฟิศ พนงบริษัทแม้อาจจะไม่รวยแต่ก็มีความมั่นคงในระดับนึง(มากกว่าฟรีแลนซ์)เช่นรายได้แน่นอน สวัสดิการต่างๆเป็นต้น แต่จะเป็นอย่างไรหากบริษัทที่เราอยู่อาจปิดตัวลง หรือมีการเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก ก็อาจเป็นไปได้ว่าไม่มีคอมฟอร์ท โซนอีกต่อไป
2.ธุรกิจที่เคยใช่ก็อาจไม่ใช่อีกต่อไป
ตัวอย่างหลักๆท่ีเห็นได้ชัดคือกลุ่มhospitality หรือกลุ่มบริการ โรงแรม ร้านอาหารต่างๆซึ่งปกติสามารถทำกำไรได้ดี และเป็นที่หมายปองของนักลงทุนส่วนใหญ่ วิกฤติครั้งนี้อาจรุนแรงที่สุดสำหรับคนที่ทำธุรกิจสายนี้และอาจฟื้นตัวได้ช้าที่สุด
ส่วนตัวเราคิดว่ามีหลายเหตุผลเช่น
-หากต้องจัดอันดับการท่องเที่ยว พักผ่อนหรือกิจกรรมleisureที่ให้ความเพลิดเพลิน มีความสำคัญน้อยกว่าสิ่งจำเป็นในชีวิต
-ผู้คนอาจกังวลเรื่องความปลอดภัย ความสะอาด และหากวัคซีนยังไม่มา คิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเลื่อน หรือชะลอการออกเดินทางอีกครั้ง
-หากคนที่อยากไปเที่ยวได้รับผลกระทบ ก็อาจต้องประหยัด รัดเข็มขัดควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
3.รายได้ทางเดียวไม่เคยพอ
จริงๆข้อนี้ก่อนจะมีวิกฤติโควิดนั้น หลายๆคนก็ทำตามข้อนี้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่มีรายได้ทางเดียว โดยรายได้นั้นเป็นเงินเดือนประจำ ทีนี้พอเงินเดือนโดนลด โดนleave without pay แน่นอนว่าต้องได้รับผลกระทบหนัก ส่วนตัวเราเชื่อในการdiversifyหรือการกระจายการลงทุน และก็กระจายการลงทุนแตกต่างกันไปหลายๆแบบเช่น หุ้น อสังหาฯ และงานactive income
ทุกวันนี้เราก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่รู้สึกว่ายังโชคดีที่ไม่ได้all in ไปกับทางไหนทางนึง เพราะไม่งั้นคิดว่าเจ็บหนักแน่ๆ
4.สภาพคล่องสำคัญที่สุดไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบไหน
ใครที่เคยลองเล่นเกมพ่อรวยสอนลูกน่าจะเข้าใจได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าคุณจะมีสินทรัพย์มากมายขนาดไหน แต่ถ้าหากขาดเงินสดแล้วดวงซวยตกช่องเสียเงินมากกว่าที่คุณมี ก็อาจจบเกมได้ง่ายๆ
ชีวิตจริงก็เหมือนกัน กระแสเงินสด สภาพคล่องสำคัญที่สุด มีหนี้ได้ กู้ได้ leverageได้ แต่ก็ห้ามประมาท cash is king
5.Passive income ยิ่งต้องมี
จริงๆพอพูดถึงคำว่าPassive income คนส่วนใหญ่จะนึกถึงงานขายฝันไม่ก็ขายตรง555 ทั้งๆที่จริงๆแล้วการที่เรามีสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้ให้เรื่อยๆโดยที่ไม่ต้องลงแรงทุกครั้ง(ตรงกันข้ามกับactive) ก็คือpassive incomeทั้งนั้น เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก เงินปันผลกองทุน หุ้น ค่าเช่าอสังหาฯ ค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ
จากชีวิตก่อนnew normalก็สำคัญอยู่แล้ว แต่หลังจากนี้เราคิดว่าจะสำคัญกว่าเดิม และอาจหายากกว่าเดิมด้วย
6.Online is real
ออนไลน์จะสำคัญและมีบทบาทมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาแน่นอน การตลาดออนไลน์ แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆจากที่เป็นช่องทางสำคัญอยู่แล้วก็คิดว่าน่าจะสำคัญขึ้นไปอีก แต่ส่วนตัวลึกๆเราก็คิดว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม แม้ชอปปิ้งออนไลน์จะสนุก แต่การได้ไปเดินดูของ จับของจริงก็สนุกไม่แพ้กัน เพราะฉะนั้นร้านค้าofflineก็ยังไม่ตายหรอก แต่อาจจะฟื้นตัวช้าหน่อย
อ่านแล้วชอบไม่ชอบติชม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับ
ขออนุญาตฝากเพจเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน ด้วยนะครับ
ถ้าชอบฝากกดไลค์ กดติดตามด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/
คาดการณ์การเงินการลงทุน กับ New normal
หลังจากล้อคดาวน์ครบ1เดือน วันนี้จะลองเขียนสิ่งที่คิดวิเคราห์มาแบ่งปันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เหมือนเป็นการสรุปความคิดตัวเองและเผื่อเป็นประโยชน์ให้ใครหลายๆคนครับ
1.อาจไม่มีcomfort zoneอีกต่อไป?
ที่ผ่านมาเราเคยคิดว่าพนงออฟฟิศ พนงบริษัทแม้อาจจะไม่รวยแต่ก็มีความมั่นคงในระดับนึง(มากกว่าฟรีแลนซ์)เช่นรายได้แน่นอน สวัสดิการต่างๆเป็นต้น แต่จะเป็นอย่างไรหากบริษัทที่เราอยู่อาจปิดตัวลง หรือมีการเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก ก็อาจเป็นไปได้ว่าไม่มีคอมฟอร์ท โซนอีกต่อไป
2.ธุรกิจที่เคยใช่ก็อาจไม่ใช่อีกต่อไป
ตัวอย่างหลักๆท่ีเห็นได้ชัดคือกลุ่มhospitality หรือกลุ่มบริการ โรงแรม ร้านอาหารต่างๆซึ่งปกติสามารถทำกำไรได้ดี และเป็นที่หมายปองของนักลงทุนส่วนใหญ่ วิกฤติครั้งนี้อาจรุนแรงที่สุดสำหรับคนที่ทำธุรกิจสายนี้และอาจฟื้นตัวได้ช้าที่สุด
ส่วนตัวเราคิดว่ามีหลายเหตุผลเช่น
-หากต้องจัดอันดับการท่องเที่ยว พักผ่อนหรือกิจกรรมleisureที่ให้ความเพลิดเพลิน มีความสำคัญน้อยกว่าสิ่งจำเป็นในชีวิต
-ผู้คนอาจกังวลเรื่องความปลอดภัย ความสะอาด และหากวัคซีนยังไม่มา คิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเลื่อน หรือชะลอการออกเดินทางอีกครั้ง
-หากคนที่อยากไปเที่ยวได้รับผลกระทบ ก็อาจต้องประหยัด รัดเข็มขัดควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
3.รายได้ทางเดียวไม่เคยพอ
จริงๆข้อนี้ก่อนจะมีวิกฤติโควิดนั้น หลายๆคนก็ทำตามข้อนี้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่มีรายได้ทางเดียว โดยรายได้นั้นเป็นเงินเดือนประจำ ทีนี้พอเงินเดือนโดนลด โดนleave without pay แน่นอนว่าต้องได้รับผลกระทบหนัก ส่วนตัวเราเชื่อในการdiversifyหรือการกระจายการลงทุน และก็กระจายการลงทุนแตกต่างกันไปหลายๆแบบเช่น หุ้น อสังหาฯ และงานactive income
ทุกวันนี้เราก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่รู้สึกว่ายังโชคดีที่ไม่ได้all in ไปกับทางไหนทางนึง เพราะไม่งั้นคิดว่าเจ็บหนักแน่ๆ
4.สภาพคล่องสำคัญที่สุดไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบไหน
ใครที่เคยลองเล่นเกมพ่อรวยสอนลูกน่าจะเข้าใจได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าคุณจะมีสินทรัพย์มากมายขนาดไหน แต่ถ้าหากขาดเงินสดแล้วดวงซวยตกช่องเสียเงินมากกว่าที่คุณมี ก็อาจจบเกมได้ง่ายๆ
ชีวิตจริงก็เหมือนกัน กระแสเงินสด สภาพคล่องสำคัญที่สุด มีหนี้ได้ กู้ได้ leverageได้ แต่ก็ห้ามประมาท cash is king
5.Passive income ยิ่งต้องมี
จริงๆพอพูดถึงคำว่าPassive income คนส่วนใหญ่จะนึกถึงงานขายฝันไม่ก็ขายตรง555 ทั้งๆที่จริงๆแล้วการที่เรามีสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้ให้เรื่อยๆโดยที่ไม่ต้องลงแรงทุกครั้ง(ตรงกันข้ามกับactive) ก็คือpassive incomeทั้งนั้น เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก เงินปันผลกองทุน หุ้น ค่าเช่าอสังหาฯ ค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ
จากชีวิตก่อนnew normalก็สำคัญอยู่แล้ว แต่หลังจากนี้เราคิดว่าจะสำคัญกว่าเดิม และอาจหายากกว่าเดิมด้วย
6.Online is real
ออนไลน์จะสำคัญและมีบทบาทมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาแน่นอน การตลาดออนไลน์ แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆจากที่เป็นช่องทางสำคัญอยู่แล้วก็คิดว่าน่าจะสำคัญขึ้นไปอีก แต่ส่วนตัวลึกๆเราก็คิดว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม แม้ชอปปิ้งออนไลน์จะสนุก แต่การได้ไปเดินดูของ จับของจริงก็สนุกไม่แพ้กัน เพราะฉะนั้นร้านค้าofflineก็ยังไม่ตายหรอก แต่อาจจะฟื้นตัวช้าหน่อย
อ่านแล้วชอบไม่ชอบติชม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับ
ขออนุญาตฝากเพจเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน ด้วยนะครับ
ถ้าชอบฝากกดไลค์ กดติดตามด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/