How To…. Work From Home ทำงานที่บ้านให้มีประสิทธิภาพ

How To…. Work From Home
ทำงานที่บ้านให้มีประสิทธิภาพ
 
     มีใครเริ่มคิดถึงเช้าวันจันทร์ที่ต้องไปออฟฟิศบ้างมั้ยครับ พี่หมอเชื่อว่าคงมีหลายคนที่อยากจะกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะตัวเองเต็มที่แล้ว บ้างก็อาจจะดีใจในช่วงแรกๆ เพราะการทำงานที่บ้านช่วยให้เราประหยัดเวลาในการเดินทางและมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น แต่นานวันเข้ากลับพบว่าตัวเองต้องทำงานหนักขึ้นกว่าตอนทำงานที่ออฟฟิศซะอีก ขณะที่บางคนก็อาจจะชื่นชอบ เพราะการทำงานที่บ้านช่วยให้เราสามารถโฟกัสกับเนื้องานได้มากขึ้น ทำให้ทำงานเสร็จเร็วขึ้น 
     ทิโมธี โกลเดน นักจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร จากสถาบันการจัดการในนิวยอร์ก กล่าวว่า 
     “นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการทำงานที่บ้าน เพราะนับจากนี้ความนิยมของการทำงานระยะไกลจะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอีกหลายปี ซึ่งความต้องการเร่งด่วนที่เกิดขึ้นจากการระบาดในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เรียนรู้ เพื่อให้การทำงานสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดช่วงวิกฤต”  
     แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะปรับตัวได้ เพราะถึงแม้จะเคยทำงานที่บ้านมาแล้ว แต่นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติ ดังนั้น เพื่อไม่ให้รู้สึกเครียดและกังวลจนเกินไป วันนี้พี่หมอจึงมีคำแนะนำดีๆ จากนักจิตวิทยามาฝากกัน โดยเฉพาะมนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายที่ยังต้องทำงานที่บ้านต่อไป 
 
ลดการรบกวน
     เริ่มด้วยการเลือกพื้นที่ทำงานในห้องที่มีประตูปิดมิดชิด แยกตัวเองออกจากเสียงรบกวนและกิจกรรมต่างๆภายในบ้าน เพื่อให้มีสมาธิจดจ่อกับการทำงานได้อย่างเต็มที่ และควรทำข้อตกลงกับคนในครอบครัว เพื่อกำหนดช่วงเวลาในการทำงาน รวมถึงเวลาพักที่ชัดเจนด้วย   
     นอกจากนี้ ควรลดการเสพข่าวสารเกี่ยวกับโรคระบาด เนื่องจากความเครียดและความวิตกกังวลอาจรบกวนจิตใจจนไม่มีสมาธิ โดยก่อนทำงาน อาจจะเริ่มต้นด้วยการอ่านหนังสือ เดินเล่น หรือใช้เวลาสัก 2-3 นาที ทำสมาธิเพื่อเตรียมจิตใจให้พร้อมที่จะเริ่มงาน และให้เชื่อว่างานของเรามีคุณค่าและความสำคัญกับลูกค้า เพื่อนร่วมงาน รวมถึงองค์กรด้วย
     ส่วนเรื่องการรับมือกับลูกๆ ศาสตราจารย์ราวี กาเจนแดรน ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการของมหาวิทยาลัยฟลอริดา แนะนำว่า ควรมีการบอกกล่าวเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างาน รวมถึงควรเลือกทำงานสำคัญในช่วงที่จะถูกรบกวนน้อยที่สุด เช่น ตอนเช้าตรู่หรือตอนเย็น และควรจัดเตรียมคนดูแลลูกๆ เพื่อไม่ให้รบกวนในช่วงที่ต้องทำงาน  
 
กำหนดเป้าหมายและขอบเขต
     ในแต่ละวัน เราควรกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับการทำงาน เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเป็นไปในทางเดียวกันกับบริษัท และแบ่งปันเป้าหมายเหล่านั้นกับเพื่อนร่วมงานหรือสมาชิกในครอบครัวด้วย เพราะบางครั้งการทำสัญญากับผู้อื่นเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำให้สำเร็จในแต่ละวันก็จะช่วยให้เรามีความรับผิดชอบมากขึ้น 
     ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่า คนทำงานระยะไกลหรือทำงานที่บ้านมีแนวโน้มที่จะใช้เวลาในการทำงานมากกว่าการนั่งทำงานในออฟฟิศ เพราะเวลาที่อยู่ในที่ทำงาน ทุกคนจะมีเวลาเข้างาน หยุดพัก และเลิกงานที่แน่นอน ดังนั้น การกำหนดขอบเขตและกิจวัตรประจำวันให้คล้ายคลึงกันเมื่อต้องทำงานที่บ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ 
     นอกจากนี้ เราควรที่จะยึดกำหนดการเดิมทุกวัน และถ้าเป็นไปได้ให้หยุดเช็กข้อความและอีเมล์เมื่อเวลาทำงานสิ้นสุดลง
 
จัดทำแผนการสื่อสาร
     หัวหน้าและลูกน้องควรพูดคุยและทำความตกลงเกี่ยวกับความคาดหวังในการปฏิบัติงานและปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ต้องแจ้งให้หัวหน้าทราบทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหากับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตหรือสัญญาณโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ สิ่งที่มักถูกมองข้ามมากที่สุดสำหรับผู้ที่เริ่มทำงานจากบ้านด้วยเทคโนโลยีก็คือ ไม่มีการจัดการเวลาและวิธีการสื่อสารที่ดีและต่อเนื่อง เช่น ถ้าต้องการเพียงแบ่งปันข้อมูลหรือการวิเคราะห์ การใช้อีเมล์อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ถ้าต้องทำงานร่วมกับทีมเพื่อทำความเข้าใจกับข้อมูลที่ซับซ้อน ก็ควรมีการนัดหมายเพื่อพูดคุยทางโทรศัพท์หรือประชุมผ่านทางวิดีโอ เพราะจะช่วยให้การสื่อสารมีความรวดเร็วและลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
 
ควรมีการเชื่อมต่อทางสังคม
     คนที่เป็นหัวหน้าหรือผู้นำองค์กรมักจะมีประสบการณ์ด้านการแยกตัวออกจากสังคมและมีความเป็นมืออาชีพมากกว่าเมื่อเทียบกับพนักงานทั่วไปที่อาจจะรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวเมื่อต้องเผชิญกับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ดังนั้น ในช่วงที่ต้องทำงานที่บ้านแบบนี้ หัวหน้าก็อาจจะเปิดโอกาสให้มีการสนทนาแบบไม่เป็นทางการระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์หรือวิดีโอ เพื่อให้พนักงานสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสนับสนุนเพื่อนร่วมงานได้ หรืออาจจะสร้างพื้นที่ในการส่งข้อความสำหรับแจ้งเตือนสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสและอัปเดตเรื่องราวส่วนตัว รวมถึงให้คำแนะนำต่างๆ กับพนักงาน
     การเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน และลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น บริษัทจึงจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมระบบเพื่อสนับสนุนการพูดคุยและให้คำปรึกษาซึ่งกันและกัน เพื่อจำลองโครงสร้างทางสังคมที่เกิดขึ้นในที่ทำงานให้ใกล้เคียงมากที่สุด
 
     การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในตอนนี้ส่งผลกระทบที่รุนแรงมหาศาล ทั้งในส่วนของบุคคล สังคม เศรษฐกิจและยังอาจจะทำให้พฤติกรรมหลายๆ อย่างของมนุษย์เปลี่ยนไปแม้โรคนี้จะหายไปแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแค่เรื่องร้ายๆ นะครับ เพราะในทุกวิกฤตก็มักจะมีเรื่องดีเกิดขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นน้ำใจของผู้คนจากทั่วโลกที่มีให้แก่กัน และธรรมชาติที่ค่อยๆ ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาในช่วงนี้ 
     ดังนั้น ขอเพียงเรามีสติและเตรียมพร้อมรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ พี่หมอก็เชื่อว่าเราทุกคนจะผ่านพ้นภาวะนี้ไปได้อย่างแน่นอน 
         
         เป็นกำลังใจให้กับทุกคน ทุกอาชีพนะครับ✌️✌️✌️

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่