ขอแชร์ประสบการณ์ด้านดีๆ ในการซื้อประกันการเดินทาง ถึงแม้ผ่านมานานเกือบครึ่งปีแล้ว เราเพิ่งมีอารมณ์และเวลามาอ่านดูเอกสารกรมธรรม์ต่างๆ
ของตัวเอง ช่วงโควิด-19 นี้
เราไปญี่ปุ่น แพลนการเดินทาง 22-26 ตุลาคม 2562
ก่อนไปก็ได้ซื้อประกันการเดินทางไว้ เพราะกลัวเจ็บป่วยระหว่างไปเที่ยว เห็นข่าวสายการบินเท/ดีเลย์ หรือทำกระเป๋าพังก็มีมาให้ได้ยินบ่อยๆ
ตามประสาคนชอบของถูก ตอนนั้นเข้าเน็ตหาโปรประกันแบบไม่แพงมาก คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล สายการบินดีเลย์ ค่ากระเป๋า คิดไว้แค่นี้
เลยซื้อของกรุงไทย แผน silver asia ราคา 410 บาท
มีเรื่องลุ้นตั้งแต่ก่อนไปเที่ยวว่าอาจจะไม่ได้ไป(เกือบได้ใช้ประกันยกทีม) เพราะกลางเดือนตุลาพายุฮากิบิส ถล่มญี่ปุ่นหนักมาก แหล่งท่องเที่ยวหลายที่ปิดปรับปรุง แต่ฟ้าก็เริ่มเปิดก่อนเราไปแค่สี่ห้าวัน เพื่อนร่วมทริปก็ลงความเห็นว่าเดินหน้าเที่ยวต่อ ระหว่างเที่ยวก็เจอฝนแทบทุกวัน
วันที่ 25 ตุลาคม ได้เกิดเรื่องราวร้ายแรงในชีวิต ความทรงจำมันยังชัดเจน ขณะที่เราเดินเที่ยวลั้นลาอยู่ชิบูย่า วันนั้นที่ญี่ปุ่นฝนตกหนัก ฟ้าหม่นหมอง
ช่วงบ่ายๆที่บ้านโทรมาแจ้งว่าคุณพ่อประสบอุบัติเหตุ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอยู่ในความดูแลของหมอ ไม่น่าเป็นห่วง แต่ใจคอเราก็ไม่ค่อยดีแล้ว
เริ่มร้อนรนอยากกลับบ้าน ยังไม่กล้าบอกเพื่อนร่วมทริป กลัวเพื่อนไม่สนุก
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ญาติแจ้งข่าวว่าคุณพ่อจากไปแล้ว ใจเราหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทำอะไรไม่ถูก รู้แค่ว่าต้องรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด
การติดต่อเลื่อนเที่ยวบินแบบกะทันหัน ของสายการบิน low cost ราคาไป-กลับ รวมอาหารและกระเป๋า
ที่ซื้อตอนโปรข้ามปี 9XXX ทำได้ยาก เราทำใจไว้แล้ว ณ จุดนั้นขอแค่มีตั๋วใหม่กลับบ้านให้เร็วที่สุด
เราตัดใจซื้อตัวใหม่ในค่ำวันที่ 25 ตุลาคม เที่ยวบินที่เร็วที่สุด คือ วันรุ่งขึ้นตอนเช้าตรู่ บุญหรือกรรมก็ไม่รู้ เหลือที่นั่งสุดท้าย
ราคาตั๋วขากลับ+ กระเป๋า รวมภาษี 19,279.82 บาท สายการบินเดียวกับขามา
เราบอกเพื่อนร่วมทริปว่าคุณพ่อเราเสีย ขอกลับไทยก่อน แล้วแยกกลับมาจัดกระเป๋าที่โรงแรมคนเดียว เราออกจากโรงแรมตั้งแต่ตีสี่นิดๆ
ไปรอ metro เปิดเพื่อจะได้ไปขึ้น sky lineเที่ยวแรกต่อไปสนามบินนาริตะ
แล้วเราก็ได้กลับมาเมืองไทยในสภาพกระเซอะกระเซิง จิตใจล่องลอย ซึมๆอึนๆ ในเครื่องตลอด 6 ชั่วโมงที่ยาวนาน
หลังจากกลับบ้านก็มีเรื่องมากมายให้เคลียร์ ช่วงแรกชีวิตเราไม่ค่อยเข้ารูปเข้ารอยเท่าไร เกือบเดือนกว่าจะดึงสติกลับมาให้ดำเนินชีวิตประจำวันเป็นปกติได้ เราเป็นคนจัดการเคลมประกันชีวิต เงินชดเชยต่างๆ ของพ่อ กว่าจะได้แต่ละที่ก็ต้องรอเอกสารใบชันสูตรนานพอสมควร แต่ก็ทำให้เราทราบขั้นตอน
และเอกสารที่ต้องใช้ในการเคลมประกัน
พอช่วงโควิด เราก็ดูประกันโควิด พอได้ไฟล์กรมธรรม์มาอ่านดูเงื่อนไขความคุ้มครองในเมลล์ อะไรดลใจให้เราอ่านตารางประกันการเดินทางอันเก่าก็ไม่รู้
เราก็แอบคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับเราน่าจะเคลมประกันการเดินทางได้
หลังจากผ่านการเคลมของประกันต่างๆของพ่อมา ทำให้เราได้ข้อคิดว่า ซื้อประกัน อย่าลืมดูไส้ใน
เราหาไฟล์ตัวเต็มของประกันในเมลล์ (อันนี้มันถูกๆ ไม่มีเล่ม เราจำได้ว่าเคยได้เมลล์จากบริษัท แล้วส่งต่อไปให้เพื่อน)
พออ่านๆ ไปเรื่อย เราก็ได้พบข้อความที่มันเข้าแก๊ป ในกรณีของเรา

ตัดสินใจลองแจ้งเคลม แบบคิดว่าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผ่านมาก็นานแล้ว
หลังจากแจ้งเคลมไป 1 วันก็ได้รับเมลล์ติดต่อกลับมา ขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งเรามีครบแล้ว (เริ่มเซียนเคลมประกันแล้ว เจ็บมาเยอะ!) เรารีบส่งกลับไป ทุกอย่างส่งทางเมลล์ได้เลย

เอกสารสำคัญที่ต้องมี คือ
1.สำเนาพาสปอร์ต
2.เอกสารการเดินทาง itinerary ticket ทั้งของใหม่และของเดิมที่จองไว้
3.สำเนาบัตรปชช
4.สำเนาทะเบียนบ้านของเรา และของพ่อ (ต้องมีปั๊มจำหน่าย ตาย)
5.สำเนาใบมรณบัตร
6.สำเนาหน้าสมุดบัญชี เพื่อรับผลประโยชน์
ผ่านไป 3-4 วันก็ได้รับโทรศัพท์จากบริษัทประกัน มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเที่ยวบิน เราก็งงๆ ตอบไปสองสามประโยค
หลังจากนั้นประมาณ 3 วันได้รับเมลล์ว่า อนุมัติสินไหมจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ใน อีก 5 วัน มีระบุวันเวลา ที่จะได้รับเงินมาด้วย

ส่งเรื่องครั้งแรกวันที่ 1 เมษา รอถึง 14 เมษา ก็ได้เงินเข้าบัญชีมาตามจำนวนเงินที่เราแจ้งเคลมเป๊ะๆ ตอนเราแจ้งเคลมแอบคิดในใจว่า ถ้าเคลมได้จะมารีวิวในพันทิป แล้วมันก็เคลมได้จริง (ต้องมาทำตามสัญญาในใจ) ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้กับตัวเอง จำนวนเงินอาจจะไม่ได้มากมาย
แต่การที่เราซื้อความคุ้มครอง แล้วได้รับความคุ้มครอง เหมือนเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาความรู้สึกสูญเสียได้
เพิ่งนึกได้ว่าน่าจะเคลมประกันการเดินทาง หลังจากผ่านไป 6 เดือน
ของตัวเอง ช่วงโควิด-19 นี้
เราไปญี่ปุ่น แพลนการเดินทาง 22-26 ตุลาคม 2562
ก่อนไปก็ได้ซื้อประกันการเดินทางไว้ เพราะกลัวเจ็บป่วยระหว่างไปเที่ยว เห็นข่าวสายการบินเท/ดีเลย์ หรือทำกระเป๋าพังก็มีมาให้ได้ยินบ่อยๆ
ตามประสาคนชอบของถูก ตอนนั้นเข้าเน็ตหาโปรประกันแบบไม่แพงมาก คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล สายการบินดีเลย์ ค่ากระเป๋า คิดไว้แค่นี้
เลยซื้อของกรุงไทย แผน silver asia ราคา 410 บาท
มีเรื่องลุ้นตั้งแต่ก่อนไปเที่ยวว่าอาจจะไม่ได้ไป(เกือบได้ใช้ประกันยกทีม) เพราะกลางเดือนตุลาพายุฮากิบิส ถล่มญี่ปุ่นหนักมาก แหล่งท่องเที่ยวหลายที่ปิดปรับปรุง แต่ฟ้าก็เริ่มเปิดก่อนเราไปแค่สี่ห้าวัน เพื่อนร่วมทริปก็ลงความเห็นว่าเดินหน้าเที่ยวต่อ ระหว่างเที่ยวก็เจอฝนแทบทุกวัน
วันที่ 25 ตุลาคม ได้เกิดเรื่องราวร้ายแรงในชีวิต ความทรงจำมันยังชัดเจน ขณะที่เราเดินเที่ยวลั้นลาอยู่ชิบูย่า วันนั้นที่ญี่ปุ่นฝนตกหนัก ฟ้าหม่นหมอง
ช่วงบ่ายๆที่บ้านโทรมาแจ้งว่าคุณพ่อประสบอุบัติเหตุ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอยู่ในความดูแลของหมอ ไม่น่าเป็นห่วง แต่ใจคอเราก็ไม่ค่อยดีแล้ว
เริ่มร้อนรนอยากกลับบ้าน ยังไม่กล้าบอกเพื่อนร่วมทริป กลัวเพื่อนไม่สนุก
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ญาติแจ้งข่าวว่าคุณพ่อจากไปแล้ว ใจเราหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทำอะไรไม่ถูก รู้แค่ว่าต้องรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด
การติดต่อเลื่อนเที่ยวบินแบบกะทันหัน ของสายการบิน low cost ราคาไป-กลับ รวมอาหารและกระเป๋า
ที่ซื้อตอนโปรข้ามปี 9XXX ทำได้ยาก เราทำใจไว้แล้ว ณ จุดนั้นขอแค่มีตั๋วใหม่กลับบ้านให้เร็วที่สุด
เราตัดใจซื้อตัวใหม่ในค่ำวันที่ 25 ตุลาคม เที่ยวบินที่เร็วที่สุด คือ วันรุ่งขึ้นตอนเช้าตรู่ บุญหรือกรรมก็ไม่รู้ เหลือที่นั่งสุดท้าย
ราคาตั๋วขากลับ+ กระเป๋า รวมภาษี 19,279.82 บาท สายการบินเดียวกับขามา
เราบอกเพื่อนร่วมทริปว่าคุณพ่อเราเสีย ขอกลับไทยก่อน แล้วแยกกลับมาจัดกระเป๋าที่โรงแรมคนเดียว เราออกจากโรงแรมตั้งแต่ตีสี่นิดๆ
ไปรอ metro เปิดเพื่อจะได้ไปขึ้น sky lineเที่ยวแรกต่อไปสนามบินนาริตะ
แล้วเราก็ได้กลับมาเมืองไทยในสภาพกระเซอะกระเซิง จิตใจล่องลอย ซึมๆอึนๆ ในเครื่องตลอด 6 ชั่วโมงที่ยาวนาน
หลังจากกลับบ้านก็มีเรื่องมากมายให้เคลียร์ ช่วงแรกชีวิตเราไม่ค่อยเข้ารูปเข้ารอยเท่าไร เกือบเดือนกว่าจะดึงสติกลับมาให้ดำเนินชีวิตประจำวันเป็นปกติได้ เราเป็นคนจัดการเคลมประกันชีวิต เงินชดเชยต่างๆ ของพ่อ กว่าจะได้แต่ละที่ก็ต้องรอเอกสารใบชันสูตรนานพอสมควร แต่ก็ทำให้เราทราบขั้นตอน
และเอกสารที่ต้องใช้ในการเคลมประกัน
พอช่วงโควิด เราก็ดูประกันโควิด พอได้ไฟล์กรมธรรม์มาอ่านดูเงื่อนไขความคุ้มครองในเมลล์ อะไรดลใจให้เราอ่านตารางประกันการเดินทางอันเก่าก็ไม่รู้
เราก็แอบคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับเราน่าจะเคลมประกันการเดินทางได้
หลังจากผ่านการเคลมของประกันต่างๆของพ่อมา ทำให้เราได้ข้อคิดว่า ซื้อประกัน อย่าลืมดูไส้ใน
เราหาไฟล์ตัวเต็มของประกันในเมลล์ (อันนี้มันถูกๆ ไม่มีเล่ม เราจำได้ว่าเคยได้เมลล์จากบริษัท แล้วส่งต่อไปให้เพื่อน)
พออ่านๆ ไปเรื่อย เราก็ได้พบข้อความที่มันเข้าแก๊ป ในกรณีของเรา
ตัดสินใจลองแจ้งเคลม แบบคิดว่าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผ่านมาก็นานแล้ว
หลังจากแจ้งเคลมไป 1 วันก็ได้รับเมลล์ติดต่อกลับมา ขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งเรามีครบแล้ว (เริ่มเซียนเคลมประกันแล้ว เจ็บมาเยอะ!) เรารีบส่งกลับไป ทุกอย่างส่งทางเมลล์ได้เลย
เอกสารสำคัญที่ต้องมี คือ
1.สำเนาพาสปอร์ต
2.เอกสารการเดินทาง itinerary ticket ทั้งของใหม่และของเดิมที่จองไว้
3.สำเนาบัตรปชช
4.สำเนาทะเบียนบ้านของเรา และของพ่อ (ต้องมีปั๊มจำหน่าย ตาย)
5.สำเนาใบมรณบัตร
6.สำเนาหน้าสมุดบัญชี เพื่อรับผลประโยชน์
ผ่านไป 3-4 วันก็ได้รับโทรศัพท์จากบริษัทประกัน มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเที่ยวบิน เราก็งงๆ ตอบไปสองสามประโยค
หลังจากนั้นประมาณ 3 วันได้รับเมลล์ว่า อนุมัติสินไหมจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ใน อีก 5 วัน มีระบุวันเวลา ที่จะได้รับเงินมาด้วย
ส่งเรื่องครั้งแรกวันที่ 1 เมษา รอถึง 14 เมษา ก็ได้เงินเข้าบัญชีมาตามจำนวนเงินที่เราแจ้งเคลมเป๊ะๆ ตอนเราแจ้งเคลมแอบคิดในใจว่า ถ้าเคลมได้จะมารีวิวในพันทิป แล้วมันก็เคลมได้จริง (ต้องมาทำตามสัญญาในใจ) ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้กับตัวเอง จำนวนเงินอาจจะไม่ได้มากมาย
แต่การที่เราซื้อความคุ้มครอง แล้วได้รับความคุ้มครอง เหมือนเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาความรู้สึกสูญเสียได้