“ตูยา” (Thuya)
นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสและทีมนักโบราณคดีชาวอียิปต์ค้นพบมัมมี่เพศหญิง “ตูยา” (Thuya) ที่อยู่ในสภาพดี ถูกเก็บภายในโลงหินโบราณที่มีการประดับประดาด้วยภาพเขียนสีสันอย่างสวยงาม เชื่อว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี ภายในสุสานเมืองลักซอร์ (Luxor) กลางหุบเขาแห่งกษัตริย์ ยังมีการค้นพบรูปเคารพ อูชับติซ (ushabtis) ราว 1,000 ชิ้น ทำจากไม้ ดินเหนียว และเซรามิกเคลือบเงาอยู่ด้านใน
นอกจากนั้นยังมีโดยโลงศพหินโบราณเป็นที่ถูกค้นพบเมื่อต้นเดือน พ.ย.2561 โดยนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ศาสตราจาย์ เฟรเดริค โคลิน(Professor Frederic Colin) ที่ร่วมมือกับทีมนักโบราณคดีชาวอียิปต์ในอัล-อัสซาซิฟ เนโครโปลิส (Al-Assasif necropolis) ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์
โลงศพหินเก่าแก่นี้เป็นของ “Thaw InkhetIf” ซึ่งตัวโลงหินประดับประดาด้วยภาพเขียนสีสวยงาม และภายในโลงหินมีโหลใส่อวัยวะอยู่ด้านใน ซึ่ง RT สื่อรัสเซียชี้ว่า สุสานแห่งนี้เป็นของนักบวชชาวอียิปต์โบราณและภรรยา ซึ่งเป็นผู้ดูแลการประกอบพิธีทำมัมมีประจำวิหารแห่งมุต (Temple of Mut)
ในคาร์นาค(Karnak)
(Ushabti ทำหน้าที่เหมือน “คนรับใช้” เพื่อให้พวกมันช่วยทำงานต่าง ๆ แทนตัวผู้ตายในชีวิตหลังความตาย)
Cr.
https://mgronline.com/around/detail/9610000117616 / โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ครอบครัวช่างทองหลวง "อาเมเนมฮัต"
(EPA ห้องเก็บมัมมี่ที่ค้นพบใหม่อยู่ในสุสานดราอาบูลนากา ซึ่งเป็นที่เก็บศพของขุนนางและข้าราชสำนัก)
นักโบราณคดีของอียิปต์ค้นพบสุสานเก็บร่างมัมมี่แห่งใหม่ในหุบเขาใกล้เมืองลักซอร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ห่างจากกรุงไคโรไปทางตอนใต้ราว 700 กิโลเมตร โดยนับว่าเป็นการค้นพบครั้งสำคัญทางอียิปต์วิทยาครั้งที่ 2 แล้วในปี 2017 นี้
สุสานที่มีความเก่าแก่ถึง 3,500 ปีดังกล่าวเป็นของช่างทองหลวง "อาเมเนมฮัต" ซึ่งเป็นช่างทองของเทพอามุนในยุคอาณาจักรใหม่ (1,600-1,100 ปีก่อนคริสตกาล) ตั้งอยู่ในสุสานดราอาบูลนากา (Draa Abul Naga) ใกล้หุบเขากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เก็บซ่อนพระศพของฟาโรห์ที่มีชื่อเสียง
ในห้องหนึ่งของสุสานที่แยกออกมาจากห้องโถงใหญ่ พบมัมมี่ 3 ร่าง ซึ่งเป็นของหญิง 1 ร่าง และชายอีก 2 ร่าง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นภรรยาและลูกชายของอาเมเนมฮัต ในห้องดังกล่าวยังพบรูปปั้นของช่างทองหลวงผู้นี้นั่งเคียงข้างภรรยา พร้อมด้วยวัตถุโบราณและของมีค่าจำนวนมาก เช่น หีบศพ อุปกรณ์ประกอบพิธีศพ หน้ากากสำหรับสวมใส่ให้ผู้ตาย รวมทั้งเครื่องประดับจากอัญมณี
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามัมมี่ทั้ง 3 ร่างอยู่ในสภาพดี โดยมัมมี่ที่เป็นหญิงนั้นเสียชีวิตเมื่ออายุได้ราว 50 ปี และมีร่องรอยการติดเชื้อแบคทีเรียในกระดูก ส่วนมัมมี่ที่เป็นชายอีก 2 ร่างนั้นอยู่ในวัยราว 20-30 ปี ซึ่งยังจะต้องตรวจสอบยืนยันอีกครั้งว่ามัมมี่เหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือไม่
Cr.ภาพ dailymail.com
Cr.
https://www.bbc.com/thai/international-41216992
อาเมนเรเนฟ (Amenrenef)
นักโบราณคดีชาวสเปนค้นพบมัมมี่อายุหลายพันปี ที่ยังคงอยู่ในสภาพดีมาก ที่บริเวณทางตอนใต้ของเมืองลักซอร์ ในอียิปต์ รายงานจากกระทรวงโบราณวัตถุของอียิปต์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
มัมมี่ดังกล่าวน่าจะมีชีวิตอยู่ในสมัย 1,075 - 664 ปี ก่อนคริสตกาล โดยมัมมี่ที่พบนั้นถูกห่อด้วยผ้าลินิน และยังคงสภาพดีอยู่แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม มัมมี่ถูกบรรจุอยู่ในโลงไม้ที่วาดลวดลายสีสันสดใส ซึ่งโลงนี้ถูกฝังอยู่ใกล้กับวิหารของกษัตริย์ธุตโมซิสที่ 3
ทางกระทรวงวัตุโบราณคาดเดาว่ามัมมี่ที่ถูกค้นพบคือ ขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า อาเมนเรเนฟ (Amenrenef) ผู้ทำหน้าที่รับใช้กษัตริย์ในสมัยนั้น
หัวหน้าทีมนักสำรวจ มิเรียม เซโก อวาเรส กล่าวว่า มัมมี่ถูกค้นพบพร้อมกับโลงที่ตกแต่งไปด้วยสัญลักษณ์ความเชื่อ และศาสนาของอียิปต์ เช่นเทพธิดาไอซิส, เทวีเนฟธีส และสี่จตุรอาชาเป็นต้น
เทคโนโลยีการรักษาศพด้วยกระบวนการทำมัมมี่นั้น เป็นที่นิยมในอียิปต์มาตั้งแต่ 4,500 ปีก่อนคริสตกาล ด้วยความเชื่อว่าต้องรักษาร่างกายของผู้เสียชีวิตไว้ เพราะว่าเมื่อวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว จะหวนกลับมายังร่างเดิม
ที่เมืองลักซอร์แห่งนี้ ตั้งอยู่บนชายฝั่งของแม่น้ำไนล์ ที่นีมีประชากรราวครึ่งล้านคน สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวิหาร และหลุมฝังศพที่ถูกสร้างในสมัยของฟาโรห์เรืองอำนาจ
Cr.
https://www.posttoday.com/world/465185
มัมมี่สมัยราชวงศ์ทอเลมี
กระทรวงโบราณคดีแห่งอิยิปต์ เปิดเผยว่า คณะนักโบราณคดีได้ค้นพบมัมมี่ 50 ร่าง ซึ่งมีอายุเก่าแก่ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์ทอเลมี ช่วง 305-30 ปีก่อนคริสตกาล
ทีมนักโบราณคดีพบมัมมี่ชุดนี้ ซึ่งมีมัมมี่เด็กรวมอยู่ด้วย 12 ร่าง อยู่ภายในห้องฝังศพ 4 ห้องที่อยู่ลึกลงไป 9 เมตร ภายในสุสาน ทูนา เอล-เกเบ
ในเมืองมินยา ทางตอนใต้ของกรุงไคโร มัมมี่ที่พบบางร่างถูกห่อไว้ด้วยผ้าลินิน ขณะที่บางร่างอยู่ในโลงศพที่ทำจากหินหรือไม้ เจ้าหน้าที่ระบุว่ายังไม่ทราบว่ามัมมี่ที่พบเหล่านี้เป็นผู้ใด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นบุคคลสำคัญในยุคนั้น
ราชวงศ์ทอเลมีเป็นราชวงศ์กรีก ผู้ปกครองจักรวรรดิทอเลมีในอียิปต์ที่มีความรุ่งเรืองในช่วงระหว่าง 305 - 30 ปีก่อนคริสตกาล ประมุขชายทุกพระองค์จะมีพระนามว่า "ทอเลมี" ส่วนที่เป็นสตรีมักจะมีพระนามว่า "คลีโอพัตรา", "อาร์ซิโนเอ" หรือ "เบเรนิเซ"
ราชินีแห่งจักรวรรดิทอเลมีผู้ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดคือ คลีโอพัตราที่ 7 ฟิโลพาเธอร์ ซึ่งเรื่องราวความสัมพันธ์กับ จูเลียส ซีซาร์ และ มาร์ก แอนโทนี ของพระองค์ได้ถูกหยิบไปถ่ายทอดในบทละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง การที่พระนางใช้งูพิษปลิดชีพพระองค์เองได้นำไปสู่การสิ้นสุดการปกครองอียิปต์ของราชวงศ์ทอเลมี
Cr.ภาพ APF
Cr.
https://www.bbc.com/thai/international-47107893
มัมมี่และรูปปั้นสัตว์จากยุคราชวงศ์ที่ 26
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า กระทรวงโบราณวัตถุของอียิปต์ประกาศการค้นพบซากมัมมี่ลูกสิงโต แมว จระเข้ และพังพอน รวมทั้งรูปปั้นสัตว์ ซึ่งมีอายุเก่าแก่ราว 2,700 ปี ซ่อนอยู่ในกล่องไม้ที่ถูกตกแต่งด้วยอักษรไฮโรกลิฟิกจำนวน 25 กล่อง และเก็บอยู่ในกรุสมบัติขนาดเล็กในสุสานสัตว์ ของป่าช้าซักการา เมืองกิซา ใกล้กับกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศ
ส่วนหนึ่งของโบราณวัตถุที่คณะนักโบราณคดีประจำสภาค้นพบคือ ชุดรูปปั้นแมว 75 ตัว ซึ่งเป็นตัวแทนบัสเตต เทพีแมวอียิปต์โบราณ รูปปั้นไม้ขนาดเล็กของเทพีไนธ์ รูปปั้นสัมฤทธิ์ของเทพเจ้าโอซิริส 57 ตัว และรูปปั้นเทพเจ้าฮอรัส
นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า มัมมี่และรูปปั้นที่ค้นพบในสุสานสัตว์แห่งนี้มาจากยุคราชวงศ์ที่ 26 ที่ปกครองอียิปต์โบราณในยุคปลาย ซึ่งพบว่ารูปปั้นแมลง
สคารับ ที่ติดอยู่ในพื้นกล่องไม้ ยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย นอกจากนั้นยังพบหินทรายและไม้ถูกแกะสลักเป็นแมลงสคารับขนาดเล็ก รูปปั้นจระเข้ที่มีซากมัมมี่จระเข้อยู่ข้างใน 3 ตัว หน้ากากดินเผาถูกแต้มสีสันสำหรับโลงไม้ 8 อัน เครื่องรางดินเผาหลายสิบอัน และหม้อหลากสีหลายรูปทรง
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 18 เดือน ที่อียิปต์ได้ประกาศการค้นพบทางโบราณคดีในสถานที่เดิม โดยแบ่งเป็นการค้นพบสุสานสัตว์เมื่อเดือนเมษายน 2561 และการค้นพบสุสานสภาพดีเยี่ยมของนักบวชหลวงแห่งยุคราชวงศ์ที่ 5 เมื่อเดือนธันวาคม 2561 ซึ่งทางการนั้นคาดหวังอย่างยิ่งว่าจะเกิดการค้นพบใหม่ ๆ ในพื้นที่นี้อีก
Cr. ภาพจาก สำนักข่าว ซินหัว
Cr.
https://hilight.kapook.com/view/196674
โลงศพมัมมี่ยุคก่อนคริสตกาล
(Cr.ภาพ EGYPT ANTIQUITIES MINISTRY)
กระทรวงโบราณคดีของอียิปต์ เปิดเผยว่า ทีมนักโบราณคดีได้ขุดค้นพบโลงศพไม้โบราณกว่า 20 โลงใกล้กับเมืองลักซอร์ ซึ่งถือเป็น "หนึ่งในการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด" ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
โลงศพโบราณที่ยังคงสภาพดีและมีสีสันลวดลายเด่นชัดเหล่านี้ ถูกค้นพบที่สุสานอัสซาซีฟ บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ขณะเรียงซ้อนทับกัน 2 ชั้นในลักษณะที่โลงชั้นบนวางทับโลงชั้นล่างในแนวขวาง โดยมีโลงศพ 18 โลงอยู่ด้านบนอีก 12 อยู่ด้านล่าง
เมื่อนักโบราณคดีเปิดโลงศพของชายและหญิง 2 โล พบว่ามัมมี่ห่อด้วยผ้า ที่ทราบว่าเป็นเพศใดสามารถสังเกตได้จากการวางมือ โดยผู้หญิงจะหงายมือ ส่วนผู้ชายจะคว่ำมือ และมัมมี่ทั้งสองดูเหมือนจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีด้วยการพันผ้าคลุมทั้งใบหน้าและร่างกาย สภาพภายนอกยังคงไม่บุบสลาย
กระทรวงโบราณคดีระบุว่ามีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่นี้เมื่อวันเสาร์ที่ 19 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา
หลุมศพส่วนใหญ่ในสุสานอัสซาซีฟ ซึ่งอยู่ใกล้กับหุบเขากษัตริย์ (Valley of the Kings) นั้นเป็นสุสานในยุคปลายของอียิปต์โบราณ คือ ช่วง 664-332 ปีก่อนคริสตกาล หรือในราชวงศ์ที่ 26 - 31
อย่างไรก็ตาม ที่นี่ยังมีสุสานจากยุคราชวงศ์ที่ 18 คือช่วง 1550-1292 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งเป็นราชวงศ์แรกของราชอาณาจักรใหม่ และมีฟาโรห์ผู้โด่งดัง อาทิ ฟาโรห์อาโมสที่หนึ่ง, ฟาโรห์แฮตเชปซุต, ฟาโรห์ทุตโมสที่สาม, ฟาโรห์อเมนโฮเทปที่สาม, ฟาโรห์อเคนาเตน และฟาโรห์ตุตันคามุน
ก่อนหน้านั้น กระทรวงโบราณคดีของอียิปต์ ประกาศว่านักโบราณคดีได้ค้นพบ "เขตอุตสาหกรรมโบราณ" ในแถบหุบเขาตะวันตก (West Valley) ของเมืองลักซอร์ โดยสิ่งที่พบบริเวณดังกล่าวรวมถึง "บ้านที่ใช้เก็บและทำความสะอาดเครื่องเรือนสำหรับใส่ในหลุมศพ โดยที่เครื่องปั้นดินเผาที่พบหลายชิ้นมีอายุในสมัยราชวงศ์ที่ 18"
ที่มา ฺฺBBC
Cr.
https://www.khaosod.co.th/bbc-thai/news_2979687
Cr.
https://www.posttoday.com/world/604119
ชายชื่อ “Tjt”
เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2019 กระทรวงโบราณวัตถุแห่งอียิปต์ ได้ออกมาเปิดเผยการค้นพบสุสานโบราณแห่งใหม่ใกล้ๆ เมืองอัสวานทางตะวันตกของแม่น้ำไนล์ การค้นพบในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมเมื่อกันระหว่างนักโบราณคดีจากอียิปต์และอิตาลี ผู้ซึ่งสำรวจพื้นที่เมืองอัสวานที่มีโบราณสถานอยู่เป็นจำนวนมากมาอย่างยาวนาน และทำการค้นพบสุสานใหม่ๆ มามากกว่า 25 แห่งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
อ้างอิงจากอักษรข้อความอักษรอียิปต์โบราณที่จารึกไว้บนเศษโลงไม้ในตัวสุสาน เหล่านักโบราณคดีก็คาดกันว่าสุสานแห่งนี้น่าจะเป็นของชายลึกลับไม่ทราบประวัติที่ชื่อ “Tjt” อย่างไรก็ตามในสุสานนั้นนอกจากมัมมี่ของเขายังมีมัมมี่อยู่อีกมากกว่า 30 ร่าง
กระทรวงโบราณวัตถุแห่งอียิปต์บอกว่าสุสานแห่งนี้เชื่อกันว่าน่าจะสร้างขึ้นระหว่างช่วงยุคกรีก-โรมัน และเป็นไปได้ว่าจะถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาตั้งแต่เมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาลไปจนถึงปีศตวรรษที่ 6
สุสานแห่งนี้มีมัมมี่เด่นๆ คือมัมมี่สองร่างที่ถูกฝังทับกัน ซึ่งคาดว่าเป็นมัมมี่ของสองแม่ลูก และมีวัตถุโบราณที่น่าสนใจเป็น รูปสลักรูปสัตว์ครึ่งคนครึ่งนก แจกัน และเหยือกโบราณ ซึ่งยังมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ และในภาชนะบางชิ้นยังมีร่องรอยว่ามีอาหารใส่อยู่
นอกจากนี้ในสุสานนักโบราณคดียังพบกับแคร่หามที่ใช้ขนมัมมี่และหน้ากากโบราณ (Cartonnage) ที่ให้ในงานศพอีกด้วยซึ่งแสดงให้เห็นว่าสุสานแห่งนี้อาจมีการใช้งานมาตลอดก่อนจะถูกทิ้งไปอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
ที่มา geek, dailymail และ livescience
Cr.
https://www.catdumb.com/ancient-egyptian-tomb-with-more-than-30-mummies-unearth-378/ By เหมียวศรัทธา
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา )
การค้นพบสุสานมัมมี่แห่งใหม่
นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสและทีมนักโบราณคดีชาวอียิปต์ค้นพบมัมมี่เพศหญิง “ตูยา” (Thuya) ที่อยู่ในสภาพดี ถูกเก็บภายในโลงหินโบราณที่มีการประดับประดาด้วยภาพเขียนสีสันอย่างสวยงาม เชื่อว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี ภายในสุสานเมืองลักซอร์ (Luxor) กลางหุบเขาแห่งกษัตริย์ ยังมีการค้นพบรูปเคารพ อูชับติซ (ushabtis) ราว 1,000 ชิ้น ทำจากไม้ ดินเหนียว และเซรามิกเคลือบเงาอยู่ด้านใน
นอกจากนั้นยังมีโดยโลงศพหินโบราณเป็นที่ถูกค้นพบเมื่อต้นเดือน พ.ย.2561 โดยนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ศาสตราจาย์ เฟรเดริค โคลิน(Professor Frederic Colin) ที่ร่วมมือกับทีมนักโบราณคดีชาวอียิปต์ในอัล-อัสซาซิฟ เนโครโปลิส (Al-Assasif necropolis) ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์
โลงศพหินเก่าแก่นี้เป็นของ “Thaw InkhetIf” ซึ่งตัวโลงหินประดับประดาด้วยภาพเขียนสีสวยงาม และภายในโลงหินมีโหลใส่อวัยวะอยู่ด้านใน ซึ่ง RT สื่อรัสเซียชี้ว่า สุสานแห่งนี้เป็นของนักบวชชาวอียิปต์โบราณและภรรยา ซึ่งเป็นผู้ดูแลการประกอบพิธีทำมัมมีประจำวิหารแห่งมุต (Temple of Mut)
ในคาร์นาค(Karnak)
(Ushabti ทำหน้าที่เหมือน “คนรับใช้” เพื่อให้พวกมันช่วยทำงานต่าง ๆ แทนตัวผู้ตายในชีวิตหลังความตาย)
Cr.https://mgronline.com/around/detail/9610000117616 / โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ครอบครัวช่างทองหลวง "อาเมเนมฮัต"
(EPA ห้องเก็บมัมมี่ที่ค้นพบใหม่อยู่ในสุสานดราอาบูลนากา ซึ่งเป็นที่เก็บศพของขุนนางและข้าราชสำนัก)
นักโบราณคดีของอียิปต์ค้นพบสุสานเก็บร่างมัมมี่แห่งใหม่ในหุบเขาใกล้เมืองลักซอร์ ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ห่างจากกรุงไคโรไปทางตอนใต้ราว 700 กิโลเมตร โดยนับว่าเป็นการค้นพบครั้งสำคัญทางอียิปต์วิทยาครั้งที่ 2 แล้วในปี 2017 นี้
สุสานที่มีความเก่าแก่ถึง 3,500 ปีดังกล่าวเป็นของช่างทองหลวง "อาเมเนมฮัต" ซึ่งเป็นช่างทองของเทพอามุนในยุคอาณาจักรใหม่ (1,600-1,100 ปีก่อนคริสตกาล) ตั้งอยู่ในสุสานดราอาบูลนากา (Draa Abul Naga) ใกล้หุบเขากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เก็บซ่อนพระศพของฟาโรห์ที่มีชื่อเสียง
ในห้องหนึ่งของสุสานที่แยกออกมาจากห้องโถงใหญ่ พบมัมมี่ 3 ร่าง ซึ่งเป็นของหญิง 1 ร่าง และชายอีก 2 ร่าง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นภรรยาและลูกชายของอาเมเนมฮัต ในห้องดังกล่าวยังพบรูปปั้นของช่างทองหลวงผู้นี้นั่งเคียงข้างภรรยา พร้อมด้วยวัตถุโบราณและของมีค่าจำนวนมาก เช่น หีบศพ อุปกรณ์ประกอบพิธีศพ หน้ากากสำหรับสวมใส่ให้ผู้ตาย รวมทั้งเครื่องประดับจากอัญมณี
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามัมมี่ทั้ง 3 ร่างอยู่ในสภาพดี โดยมัมมี่ที่เป็นหญิงนั้นเสียชีวิตเมื่ออายุได้ราว 50 ปี และมีร่องรอยการติดเชื้อแบคทีเรียในกระดูก ส่วนมัมมี่ที่เป็นชายอีก 2 ร่างนั้นอยู่ในวัยราว 20-30 ปี ซึ่งยังจะต้องตรวจสอบยืนยันอีกครั้งว่ามัมมี่เหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือไม่
Cr.ภาพ dailymail.com
Cr.https://www.bbc.com/thai/international-41216992
อาเมนเรเนฟ (Amenrenef)
นักโบราณคดีชาวสเปนค้นพบมัมมี่อายุหลายพันปี ที่ยังคงอยู่ในสภาพดีมาก ที่บริเวณทางตอนใต้ของเมืองลักซอร์ ในอียิปต์ รายงานจากกระทรวงโบราณวัตถุของอียิปต์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
มัมมี่ดังกล่าวน่าจะมีชีวิตอยู่ในสมัย 1,075 - 664 ปี ก่อนคริสตกาล โดยมัมมี่ที่พบนั้นถูกห่อด้วยผ้าลินิน และยังคงสภาพดีอยู่แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม มัมมี่ถูกบรรจุอยู่ในโลงไม้ที่วาดลวดลายสีสันสดใส ซึ่งโลงนี้ถูกฝังอยู่ใกล้กับวิหารของกษัตริย์ธุตโมซิสที่ 3
ทางกระทรวงวัตุโบราณคาดเดาว่ามัมมี่ที่ถูกค้นพบคือ ขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า อาเมนเรเนฟ (Amenrenef) ผู้ทำหน้าที่รับใช้กษัตริย์ในสมัยนั้น
หัวหน้าทีมนักสำรวจ มิเรียม เซโก อวาเรส กล่าวว่า มัมมี่ถูกค้นพบพร้อมกับโลงที่ตกแต่งไปด้วยสัญลักษณ์ความเชื่อ และศาสนาของอียิปต์ เช่นเทพธิดาไอซิส, เทวีเนฟธีส และสี่จตุรอาชาเป็นต้น
เทคโนโลยีการรักษาศพด้วยกระบวนการทำมัมมี่นั้น เป็นที่นิยมในอียิปต์มาตั้งแต่ 4,500 ปีก่อนคริสตกาล ด้วยความเชื่อว่าต้องรักษาร่างกายของผู้เสียชีวิตไว้ เพราะว่าเมื่อวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว จะหวนกลับมายังร่างเดิม
ที่เมืองลักซอร์แห่งนี้ ตั้งอยู่บนชายฝั่งของแม่น้ำไนล์ ที่นีมีประชากรราวครึ่งล้านคน สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวิหาร และหลุมฝังศพที่ถูกสร้างในสมัยของฟาโรห์เรืองอำนาจ
Cr.https://www.posttoday.com/world/465185
มัมมี่สมัยราชวงศ์ทอเลมี
กระทรวงโบราณคดีแห่งอิยิปต์ เปิดเผยว่า คณะนักโบราณคดีได้ค้นพบมัมมี่ 50 ร่าง ซึ่งมีอายุเก่าแก่ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์ทอเลมี ช่วง 305-30 ปีก่อนคริสตกาล
ทีมนักโบราณคดีพบมัมมี่ชุดนี้ ซึ่งมีมัมมี่เด็กรวมอยู่ด้วย 12 ร่าง อยู่ภายในห้องฝังศพ 4 ห้องที่อยู่ลึกลงไป 9 เมตร ภายในสุสาน ทูนา เอล-เกเบ
ในเมืองมินยา ทางตอนใต้ของกรุงไคโร มัมมี่ที่พบบางร่างถูกห่อไว้ด้วยผ้าลินิน ขณะที่บางร่างอยู่ในโลงศพที่ทำจากหินหรือไม้ เจ้าหน้าที่ระบุว่ายังไม่ทราบว่ามัมมี่ที่พบเหล่านี้เป็นผู้ใด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นบุคคลสำคัญในยุคนั้น
ราชวงศ์ทอเลมีเป็นราชวงศ์กรีก ผู้ปกครองจักรวรรดิทอเลมีในอียิปต์ที่มีความรุ่งเรืองในช่วงระหว่าง 305 - 30 ปีก่อนคริสตกาล ประมุขชายทุกพระองค์จะมีพระนามว่า "ทอเลมี" ส่วนที่เป็นสตรีมักจะมีพระนามว่า "คลีโอพัตรา", "อาร์ซิโนเอ" หรือ "เบเรนิเซ"
ราชินีแห่งจักรวรรดิทอเลมีผู้ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดคือ คลีโอพัตราที่ 7 ฟิโลพาเธอร์ ซึ่งเรื่องราวความสัมพันธ์กับ จูเลียส ซีซาร์ และ มาร์ก แอนโทนี ของพระองค์ได้ถูกหยิบไปถ่ายทอดในบทละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง การที่พระนางใช้งูพิษปลิดชีพพระองค์เองได้นำไปสู่การสิ้นสุดการปกครองอียิปต์ของราชวงศ์ทอเลมี
Cr.ภาพ APF
Cr.https://www.bbc.com/thai/international-47107893
มัมมี่และรูปปั้นสัตว์จากยุคราชวงศ์ที่ 26
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า กระทรวงโบราณวัตถุของอียิปต์ประกาศการค้นพบซากมัมมี่ลูกสิงโต แมว จระเข้ และพังพอน รวมทั้งรูปปั้นสัตว์ ซึ่งมีอายุเก่าแก่ราว 2,700 ปี ซ่อนอยู่ในกล่องไม้ที่ถูกตกแต่งด้วยอักษรไฮโรกลิฟิกจำนวน 25 กล่อง และเก็บอยู่ในกรุสมบัติขนาดเล็กในสุสานสัตว์ ของป่าช้าซักการา เมืองกิซา ใกล้กับกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศ
ส่วนหนึ่งของโบราณวัตถุที่คณะนักโบราณคดีประจำสภาค้นพบคือ ชุดรูปปั้นแมว 75 ตัว ซึ่งเป็นตัวแทนบัสเตต เทพีแมวอียิปต์โบราณ รูปปั้นไม้ขนาดเล็กของเทพีไนธ์ รูปปั้นสัมฤทธิ์ของเทพเจ้าโอซิริส 57 ตัว และรูปปั้นเทพเจ้าฮอรัส
นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า มัมมี่และรูปปั้นที่ค้นพบในสุสานสัตว์แห่งนี้มาจากยุคราชวงศ์ที่ 26 ที่ปกครองอียิปต์โบราณในยุคปลาย ซึ่งพบว่ารูปปั้นแมลง
สคารับ ที่ติดอยู่ในพื้นกล่องไม้ ยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย นอกจากนั้นยังพบหินทรายและไม้ถูกแกะสลักเป็นแมลงสคารับขนาดเล็ก รูปปั้นจระเข้ที่มีซากมัมมี่จระเข้อยู่ข้างใน 3 ตัว หน้ากากดินเผาถูกแต้มสีสันสำหรับโลงไม้ 8 อัน เครื่องรางดินเผาหลายสิบอัน และหม้อหลากสีหลายรูปทรง
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 18 เดือน ที่อียิปต์ได้ประกาศการค้นพบทางโบราณคดีในสถานที่เดิม โดยแบ่งเป็นการค้นพบสุสานสัตว์เมื่อเดือนเมษายน 2561 และการค้นพบสุสานสภาพดีเยี่ยมของนักบวชหลวงแห่งยุคราชวงศ์ที่ 5 เมื่อเดือนธันวาคม 2561 ซึ่งทางการนั้นคาดหวังอย่างยิ่งว่าจะเกิดการค้นพบใหม่ ๆ ในพื้นที่นี้อีก
Cr. ภาพจาก สำนักข่าว ซินหัว
Cr.https://hilight.kapook.com/view/196674
โลงศพมัมมี่ยุคก่อนคริสตกาล
(Cr.ภาพ EGYPT ANTIQUITIES MINISTRY)
กระทรวงโบราณคดีของอียิปต์ เปิดเผยว่า ทีมนักโบราณคดีได้ขุดค้นพบโลงศพไม้โบราณกว่า 20 โลงใกล้กับเมืองลักซอร์ ซึ่งถือเป็น "หนึ่งในการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด" ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
โลงศพโบราณที่ยังคงสภาพดีและมีสีสันลวดลายเด่นชัดเหล่านี้ ถูกค้นพบที่สุสานอัสซาซีฟ บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ขณะเรียงซ้อนทับกัน 2 ชั้นในลักษณะที่โลงชั้นบนวางทับโลงชั้นล่างในแนวขวาง โดยมีโลงศพ 18 โลงอยู่ด้านบนอีก 12 อยู่ด้านล่าง
เมื่อนักโบราณคดีเปิดโลงศพของชายและหญิง 2 โล พบว่ามัมมี่ห่อด้วยผ้า ที่ทราบว่าเป็นเพศใดสามารถสังเกตได้จากการวางมือ โดยผู้หญิงจะหงายมือ ส่วนผู้ชายจะคว่ำมือ และมัมมี่ทั้งสองดูเหมือนจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีด้วยการพันผ้าคลุมทั้งใบหน้าและร่างกาย สภาพภายนอกยังคงไม่บุบสลาย
กระทรวงโบราณคดีระบุว่ามีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่นี้เมื่อวันเสาร์ที่ 19 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา
หลุมศพส่วนใหญ่ในสุสานอัสซาซีฟ ซึ่งอยู่ใกล้กับหุบเขากษัตริย์ (Valley of the Kings) นั้นเป็นสุสานในยุคปลายของอียิปต์โบราณ คือ ช่วง 664-332 ปีก่อนคริสตกาล หรือในราชวงศ์ที่ 26 - 31
อย่างไรก็ตาม ที่นี่ยังมีสุสานจากยุคราชวงศ์ที่ 18 คือช่วง 1550-1292 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งเป็นราชวงศ์แรกของราชอาณาจักรใหม่ และมีฟาโรห์ผู้โด่งดัง อาทิ ฟาโรห์อาโมสที่หนึ่ง, ฟาโรห์แฮตเชปซุต, ฟาโรห์ทุตโมสที่สาม, ฟาโรห์อเมนโฮเทปที่สาม, ฟาโรห์อเคนาเตน และฟาโรห์ตุตันคามุน
ก่อนหน้านั้น กระทรวงโบราณคดีของอียิปต์ ประกาศว่านักโบราณคดีได้ค้นพบ "เขตอุตสาหกรรมโบราณ" ในแถบหุบเขาตะวันตก (West Valley) ของเมืองลักซอร์ โดยสิ่งที่พบบริเวณดังกล่าวรวมถึง "บ้านที่ใช้เก็บและทำความสะอาดเครื่องเรือนสำหรับใส่ในหลุมศพ โดยที่เครื่องปั้นดินเผาที่พบหลายชิ้นมีอายุในสมัยราชวงศ์ที่ 18"
ที่มา ฺฺBBC
Cr.https://www.khaosod.co.th/bbc-thai/news_2979687
Cr.https://www.posttoday.com/world/604119
ชายชื่อ “Tjt”
เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2019 กระทรวงโบราณวัตถุแห่งอียิปต์ ได้ออกมาเปิดเผยการค้นพบสุสานโบราณแห่งใหม่ใกล้ๆ เมืองอัสวานทางตะวันตกของแม่น้ำไนล์ การค้นพบในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมเมื่อกันระหว่างนักโบราณคดีจากอียิปต์และอิตาลี ผู้ซึ่งสำรวจพื้นที่เมืองอัสวานที่มีโบราณสถานอยู่เป็นจำนวนมากมาอย่างยาวนาน และทำการค้นพบสุสานใหม่ๆ มามากกว่า 25 แห่งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
อ้างอิงจากอักษรข้อความอักษรอียิปต์โบราณที่จารึกไว้บนเศษโลงไม้ในตัวสุสาน เหล่านักโบราณคดีก็คาดกันว่าสุสานแห่งนี้น่าจะเป็นของชายลึกลับไม่ทราบประวัติที่ชื่อ “Tjt” อย่างไรก็ตามในสุสานนั้นนอกจากมัมมี่ของเขายังมีมัมมี่อยู่อีกมากกว่า 30 ร่าง
กระทรวงโบราณวัตถุแห่งอียิปต์บอกว่าสุสานแห่งนี้เชื่อกันว่าน่าจะสร้างขึ้นระหว่างช่วงยุคกรีก-โรมัน และเป็นไปได้ว่าจะถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาตั้งแต่เมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาลไปจนถึงปีศตวรรษที่ 6
สุสานแห่งนี้มีมัมมี่เด่นๆ คือมัมมี่สองร่างที่ถูกฝังทับกัน ซึ่งคาดว่าเป็นมัมมี่ของสองแม่ลูก และมีวัตถุโบราณที่น่าสนใจเป็น รูปสลักรูปสัตว์ครึ่งคนครึ่งนก แจกัน และเหยือกโบราณ ซึ่งยังมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ และในภาชนะบางชิ้นยังมีร่องรอยว่ามีอาหารใส่อยู่
นอกจากนี้ในสุสานนักโบราณคดียังพบกับแคร่หามที่ใช้ขนมัมมี่และหน้ากากโบราณ (Cartonnage) ที่ให้ในงานศพอีกด้วยซึ่งแสดงให้เห็นว่าสุสานแห่งนี้อาจมีการใช้งานมาตลอดก่อนจะถูกทิ้งไปอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
ที่มา geek, dailymail และ livescience
Cr.https://www.catdumb.com/ancient-egyptian-tomb-with-more-than-30-mummies-unearth-378/ By เหมียวศรัทธา
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา )