'วิปฝ่ายค้าน' จ่อชำแหละพ.ร.ก.กู้เงิน 28 พ.ค. ขยี้ปมแหล่งที่มาของเงิน หวั่นซ้ำรอยกู้ไอเอ็มเอฟ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2168697
“วิปฝ่ายค้าน” จ่อชำแหละพ.ร.ก.กู้เงิน 28 พ.ค. ขยี้ปมแหล่งที่มาของเงิน หวั่นซ้ำรอยกู้ไอเอ็มเอฟ
หวั่นซำรอยกู้ไอเอ็มเอฟ – เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย(พท.) และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวกรณีการเสนอให้เปิดการประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ เพื่อหารือพ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท รวมถึงประเด็นข้อเสนอแนะการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ว่า
จากข้อสรุปของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) รวมทั้งท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ ในส่วนของฝ่ายค้านคงต้องรอในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาฯสมัยสามัญ ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ โดยการพิจารณาพ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท คาดว่าจะเป็นวันที่ 28 พฤษภาคม โดยส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเตรียมข้อมูลเพื่ออภิปรายซักถามรัฐบาลอย่างละเอียดถึงที่มาของเงินกู้ว่ามาจากแหล่งใด กู้ภายในประเทศหรือนอกประเทศ รวมทั้งแนวทางการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนในอนาคต
“ที่ฝ่ายค้านข้องใจและอยากให้รัฐบาลชี้แจงรายละเอียด คือ แหล่งที่มาของการกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาทว่ามาจากภายในประเทศ หรือภายนอกประเทศ เพราะหากกู้จากต่างประเทศ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) จะมีเงื่อนไขและข้อกำหนดจำนวนมากที่บังคับให้ประเทศไทยต้องปฏิบัติตาม อย่างการกู้เงินไอเอ็มเอฟในอดีต ประเทศไทยต้องออกกฎหมายถึง 11 ฉบับเพื่อมารองรับในการกู้เงินดังกล่าว หากรัฐบาลไม่บอกแหล่งที่มาของเงินกู้ให้ละเอียดอาจทำให้ประเทศไทยต้องเสียเปรียบ และสร้างภาระหนี้สินให้กับประชาชนในอนาคตได้” นาย
สุทิน กล่าว
“เสรีพิศุทธ์”ควักเงินเดือนที่สะสมไว้ช่วยประชาชน
https://www.innnews.co.th/politics/news_663935/
พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เปิดใจตั้งแต่รับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เงินเดือนที่เข้าบัญชีไม่เคยเบิกใช้แม้แต่บาทเดียว ประชาชนเลือกตนเข้ามาทำงาน เงินเดือนที่ได้ตั้งใจว่าจะนำมาใช้กลับคืนให้กับประชาชน และวันนี้ถึงเวลาที่จะให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจสืบเนื่องจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 รวมแล้วล้านกว่าบาทแม้ว่าจะไม่มากพอที่จะช่วยทุกคนได้ แต่ตนก็พร้อมช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเพื่อให้คนที่เดือดร้อนทุเลาความทุกข์ไปบ้าง ตนเห็นใจประชาชนทุกคนเเละทุกอาชีพ เมื่อตนอาสามาทำหน้าที่ส.ส.ที่มีเงินเดือนจากภาษีประชาชน ตนไม่ขอใช้สิทธิตรงนั้น เเละขอนำสิทธินั้นมามอบคืนประชาชนในวันนี้รวมทั้งจะนำปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนไปดำเนินการต่อเพื่อให้ภาวะวิกฤตคลายตัวโดยเร็วที่สุด
ซึ่งการบริหารจัดการของรัฐบาลในด้านการเยียวยาเเละฟื้นฟูประเทศโดยรัฐบาลออกกฎหมาย3 ฉบับ กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท รวมทั้งหน่วยราชการยังปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลงมาเพื่อมาใช้ในภาวะเเบบนี้ พบว่ายังมีช่องโหว่หลายอย่าง เช่น การคัดกรองคนที่เดือดร้อนเเบบหละหลวมจนเกิดข่าวการฆ่าตัวตายเพราะเดือดร้อนไม่ได้รับการเยียวยา การส่อทุจริตของหน่วยราชการในการใช้งบเยียวยาตั้งราคาจัดซื้อจัดจ้างที่เเพงเเบบไร้เหตุผล อีกทั้งบางหน่วยราชการยังไม่ยอมปรับลดงบประมาณเเละยังลงทุนกับสิ่งที่ประชาชนคาใจหลายเรื่อง
โดยพล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่าตนจะดำเนินการสอบสวนทั้งในฐานะส.ส.เเละประธานกมธ.ปปช. สภาผู้เเทนราษฎร หากผู้ใดมีข้อมูลขอให้ส่งมาให้ตนเพื่อดำเนินการ ดังนั้นตนจะทำหน้าที่เเทนประชาชน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเเบบไม่เห็นเเก่หน้าใคร ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก เพื่อจัดการความผิดพลาดของรัฐบาลเเละสมควรลงโทษในกรณีที่ปรากฏความผิด
JJNY : จ่อชำแหละพ.ร.ก.กู้เงิน28พ.ค./เสรีพิศุทธ์ควักเงินเดือนช่วยปชช./เอสเอ็มอีชํ้า บี้สอบซอฟต์โลน/ยะลาพบติดเชื้อเพิ่ม40
https://www.matichon.co.th/politics/news_2168697
หวั่นซำรอยกู้ไอเอ็มเอฟ – เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย(พท.) และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวกรณีการเสนอให้เปิดการประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ เพื่อหารือพ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท รวมถึงประเด็นข้อเสนอแนะการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ว่า
จากข้อสรุปของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) รวมทั้งท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ ในส่วนของฝ่ายค้านคงต้องรอในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาฯสมัยสามัญ ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ โดยการพิจารณาพ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท คาดว่าจะเป็นวันที่ 28 พฤษภาคม โดยส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเตรียมข้อมูลเพื่ออภิปรายซักถามรัฐบาลอย่างละเอียดถึงที่มาของเงินกู้ว่ามาจากแหล่งใด กู้ภายในประเทศหรือนอกประเทศ รวมทั้งแนวทางการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนในอนาคต
“ที่ฝ่ายค้านข้องใจและอยากให้รัฐบาลชี้แจงรายละเอียด คือ แหล่งที่มาของการกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาทว่ามาจากภายในประเทศ หรือภายนอกประเทศ เพราะหากกู้จากต่างประเทศ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) จะมีเงื่อนไขและข้อกำหนดจำนวนมากที่บังคับให้ประเทศไทยต้องปฏิบัติตาม อย่างการกู้เงินไอเอ็มเอฟในอดีต ประเทศไทยต้องออกกฎหมายถึง 11 ฉบับเพื่อมารองรับในการกู้เงินดังกล่าว หากรัฐบาลไม่บอกแหล่งที่มาของเงินกู้ให้ละเอียดอาจทำให้ประเทศไทยต้องเสียเปรียบ และสร้างภาระหนี้สินให้กับประชาชนในอนาคตได้” นายสุทิน กล่าว
“เสรีพิศุทธ์”ควักเงินเดือนที่สะสมไว้ช่วยประชาชน
https://www.innnews.co.th/politics/news_663935/
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เปิดใจตั้งแต่รับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เงินเดือนที่เข้าบัญชีไม่เคยเบิกใช้แม้แต่บาทเดียว ประชาชนเลือกตนเข้ามาทำงาน เงินเดือนที่ได้ตั้งใจว่าจะนำมาใช้กลับคืนให้กับประชาชน และวันนี้ถึงเวลาที่จะให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจสืบเนื่องจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 รวมแล้วล้านกว่าบาทแม้ว่าจะไม่มากพอที่จะช่วยทุกคนได้ แต่ตนก็พร้อมช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเพื่อให้คนที่เดือดร้อนทุเลาความทุกข์ไปบ้าง ตนเห็นใจประชาชนทุกคนเเละทุกอาชีพ เมื่อตนอาสามาทำหน้าที่ส.ส.ที่มีเงินเดือนจากภาษีประชาชน ตนไม่ขอใช้สิทธิตรงนั้น เเละขอนำสิทธินั้นมามอบคืนประชาชนในวันนี้รวมทั้งจะนำปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนไปดำเนินการต่อเพื่อให้ภาวะวิกฤตคลายตัวโดยเร็วที่สุด
ซึ่งการบริหารจัดการของรัฐบาลในด้านการเยียวยาเเละฟื้นฟูประเทศโดยรัฐบาลออกกฎหมาย3 ฉบับ กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท รวมทั้งหน่วยราชการยังปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลงมาเพื่อมาใช้ในภาวะเเบบนี้ พบว่ายังมีช่องโหว่หลายอย่าง เช่น การคัดกรองคนที่เดือดร้อนเเบบหละหลวมจนเกิดข่าวการฆ่าตัวตายเพราะเดือดร้อนไม่ได้รับการเยียวยา การส่อทุจริตของหน่วยราชการในการใช้งบเยียวยาตั้งราคาจัดซื้อจัดจ้างที่เเพงเเบบไร้เหตุผล อีกทั้งบางหน่วยราชการยังไม่ยอมปรับลดงบประมาณเเละยังลงทุนกับสิ่งที่ประชาชนคาใจหลายเรื่อง
โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่าตนจะดำเนินการสอบสวนทั้งในฐานะส.ส.เเละประธานกมธ.ปปช. สภาผู้เเทนราษฎร หากผู้ใดมีข้อมูลขอให้ส่งมาให้ตนเพื่อดำเนินการ ดังนั้นตนจะทำหน้าที่เเทนประชาชน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเเบบไม่เห็นเเก่หน้าใคร ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก เพื่อจัดการความผิดพลาดของรัฐบาลเเละสมควรลงโทษในกรณีที่ปรากฏความผิด