
เรื่องสั้นชุด: เขาเรียกผมว่า “เซลส์แมน” #6
ตอนที่ 6: ขายดัวยความกลัว
จุดเร่ิมต้นการเป็นเซลส์แบบเป็นจริงเป็นจังของผม...
เกิดมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยนี่แหละ...
จะว่าผมขัดสนเรื่องเงินทองมั๊ย...ก็ตอบยาก...
จริงๆแล้วที่บ้านส่งตังค์ให้ใช้เดือนละ 5,000 บาท...
อันนี้พูดถึงเมื่อปี 2529...ที่ก๋วยเตี๋ยวชามละไม่เกิน 15 บาท...
บอกได้เลยว่าไม่น้อยนะครับ...
ค่าน้ำ..ค่าไฟ...ก็ไม่ต้องเสีย...เพราะรวมกับค่าหอพักไปแล้ว...
อย่างเก่งก็โดนแค่ค่าซักผ้าเดือนละไม่เกิน 400 บาท...
ปีแรกๆก็พออยู่หรอก...แต่พอขึ้นปีสองนี่ซิ...
ไม่ค่อยพอใช้ซักเดือน...
เพื่อนร่วมรุ่นหลายคนที่ได้ดิบได้ดีในปัจจุบัน...
ที่บ้านมักไม่ค่อยมีตังค์กันทั้งนั้น...
บางคน...ต้องกลับบ้านแทบทุกเดือนด้วยรถไฟชั้นสาม...
กลับไปเอาข้าวสารเพื่อมากินที่หอพัก...
บางคน...ก็ต้องทำงานช่วยเก็บหนังสือที่ห้องสมุด...
เพื่อแลกกับทุนการศึกษา...
ส่วนตัวเองที่เป็นพวกละโมบความสุขเฉพาะหน้า...
เที่ยวจีบสาวไปทั่ว...ร่ำสุราแทบทุกคืน...
หนังสือหนังหาไม่ค่อยยอมเรียน...
เลยต้องมาเดือดร้อนก็อีตอนอายุมากนี้แหละ...
พอขึ้นปี 2 ช่วงซัมเมอร์...แทนที่ตัวเองจะได้กลับบ้าน...
กลับต้องมาลงทะเบียนเรียนเพ่ิม...
เหตุผลสอบตกตั้ง 2 วิชา...
ขืนไปลงทะเบียนในภาคปรกติ...
ต้องไปเรียนรวมกับรุ่นน้อง...
มันก็เข้าอีหรอบเดิมคือ...ไม่น่ารอด...
เลยต้องมาเรียนกับพวกที่สอบตกด้วยกันนี่แหละ...
คราวนี้ไม่กลัวแล้ว...เพราะแต่ละคนก็เจอปัญหาเดียวกัน...
เวลาเรียนแต่ละวันก็นิดเดียว...เวลาเลยเหลือเพียบ...
ทำงานหาเงินไว้เที่ยวดีกว่า...
เห็นประกาศที่คณะเขามีโครงการ Dummy Company...
หรือ “บริษัทฯจำลอง”...จัดโดยภาควิชาบริหารธุรกิจ...
ทีแรกก็ไม่เข้าใจ...อะไรว๊า... “ดัมมี่” คอมปานี...
นี่จะตั้งวงเล่นไพ่กันกลางคณะเลยละเว้ย....
จริงๆแล้ววัตถุประสงค์ของกิจกรรมนี้ก็คือ...
อยากให้นักศึกษาเขาลองฝึกทำงานรูปแบบบริษัทฯ...
ก่อนไปเจอของจริงเมื่อเรียนจบ...
เขาก็ประกาศรับสมัครทุกตำแหน่งเลย...
ตำแหน่ง Marketing / Sales Director ก็มี…
แต่มันคงจะสูงเกินไปสำหรับเรา...
ก็ไม่ได้เรียนสายนี้มาโดยตรง...โอเค...เข้าใจได้...
ลดระดับลงมานิดนึงก็ได้...
ก็เราเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวนี่หว่า....
นี่เลยๆ...ตำแหน่ง “ผู้จัดการฝ่ายขาย” เหมาะสมกับเราสุดๆ...
ตำแหน่งนี้ฟัากำหนดมาเพื่อเราชัวร์...
เดินดุ่ยๆไปสมัครกับอาจารย์ที่ดูแลโครงการนี้ทันที...
ด้วยความมั่นใจเกินล้าน...
อีกอย่างก็กลัวใครมาชิงตัดหน้าด้วย...
ของแบบนี้มันต้องอาศัยความเร็วเฟ้ยยยยยย....
ที่ไหนได้ครับ...เขาบอกว่ามีคนสอยตำแหน่งไปนี้แล้ว...
อ้าว...เฮ้ย...อาจารย์...เพ่ิงประกาศเมื่อตอนเช้าเนี่ยนะ...
ทำไมไม่มีการคัดเลือกกันเลยเหรอ...
คนที่ได้รับตำแหน่งนี้...
เป็นเพื่อนร่วมคณะที่เรียนภาควิชาการตลาด...
แต่ผมดันเรียนทางด้าน Public Administration...
หนักกว่านั้น...ดันเรียนไปเอกวิชา...
การบริหารการปกครองส่วนท้องถิ่นซะอีก...
ซึ่งเน้นการเป็นกำนัน..ผู้ใหญ่บ้าน...ว่าไปโน่น...
เรื่องสเปคของผู้จัดการฝ่ายขาย...
มันก็ไม่ผ่านตั้งแต่ชาติกำเนิดแล้ว...
“มีแต่ตำแหน่งเซลส์” เอามั๊ย...
โหยๆๆๆ...เร่ิมจากระดับล่างสุดเลยเหรอ...
แล้วจะผมจะมีหน้าไปบอกที่บ้านยังไง...
จบตั้งปริญญาตรี (สมัยนั้น)...
เห็นเขาบอกว่าจบ ป.ตรี...
แล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคน...ที่ไหนได้...
เช๊อะ!!!…ไม่ให้ตำแหน่งนี้ก็ไม่ทำ...
...“เอาครับ”...
เป็นคำตอบที่สุดแสนจะเรียบง่าย...
เหมือนก้มหน้ายอมรับในโชคชะตา...
บรรยากาศประมาณ...น้ำตารื้นบนใบหน้า...
ตอนแสงสุดท้ายบนผาสูง...เส้นผมปลิวนิดด้วยกระแสลมอ่อนๆ...
ทั้งๆที่สมัยนั้น...หนังหัวจะเริ่มบางแล้วก็ตาม...
แม้จะเป็นคำตอบที่ดูจะขัดกับความรู้สึกเล็กน้อย...
แต่ยังมีความหวังเล็กๆว่า...
ถ้าเราขายเก่ง...อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งกันมั่ง...
แต่หารู้ไ่ม่ว่า...เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริงที่ “บริษัทจำลอง”...
เพราะเปิดเทอม...บริษัทฯก็หยุดทำการ...
ทุกคนต้องกลับไปเรียนหนังสือหนังหาเหมือนเดิม...
พอสมัครเสร็จ...วันรุ่งขึ้นก็ออกไปขายทันที...
ก็เอา “บรรเจิด” มอไซค์คู่ใจออกตะลอนๆ...
ใส่ชุดนักศึกษา...แถมผูกไทด์ให้ดูเป็นมืออาชีพหน่อย...
ทั้งที่ตั้งแต่เป็นนักศึกษามา...
เคยใส่เฉพาะช่วงแรกๆปีหนึ่งเท่านั้น...
สินค้าแรกที่คิดว่าต้องขายได้แน่ๆคือ...
หน้าร้อนแบบนี้มันต้อง...“พัดลม”...เท่านั้น...
แต่รุ่นแบบธรรมดาที่เห็นทั่วๆไป...ตัวละสองสามร้อย...
ถ้าขายสินค้าง่ายๆพรรค์นี้...
มันง่ายเกินไปแบบนี้...โลกไม่จำหรอก...
อย่างเรามันต้องเป็นพัดลมรุ่นพิเศษเว้ยยยย...
ลักษณะมันเป็นสี่เหลี่ยมยาวๆแนวตั้ง...
เขาบอกว่ามันทรงทาวเวอร์...คลาสซี่สุดๆ...
ตัวหนึ่งล่อเข้าไปเกือบสองพัน...
ว่ากันว่า...สูตรการเดินเคาะประตู...
เคาะ 10 บ้าน...จะมีคนคุยด้วย 3 บ้าน...
แล้วควรจะขายได้ 1 บ้าน...
ที่ไหนได้...กูเคาะเป็นร้อย...
ส่วนมากเขาก็คุยด้วย...เพราะเห็นว่าเป็นนักศึกษา...
ไม่ได้เป็นโจรห้าร้อยที่ไหน...
แต่ขายดันขายไม่ได้ซักตัวเดียว...
พัดลมบ้าอะไร...ตัวเกือบสองพันบาท...
หน้าตาก็ดูแปลกๆ...จะเป็นพัดลมก็ไม่ใช่...
จะเป็นแอร์ก็ไม่ใช่อีก...
แถมลมที่ออกมายังพัดเอื่อยๆอีก...
ขนาดเปิดเบอร์ 3 แล้ว...
ลูกค้าเขาทดลองเอาเส้นผมตัวเองไปจ่อที่ตรงมอเตอร์...
ไม่มีกระดิกซักเส้น...
พอกันที...สำหรับพัดลมหน้าตาอุบาทว์แบบนี้...
ตอนนั้นเลยสันนิษฐานเอาเองว่า...
สินค้าไม่น่าใช่...ตลาดก็ไม่น่าจะใช่อีก...
แบบนี้มันต้องเปลี่ยนสินค้าขายเว้ยยยยยย...
ไม่เอาแล้วพัดลม...เปลี่ยนมาขายเครื่องตัดแก๊ส ดีกว่า...
ก็สินค้าตัวนี้...ตัวบริษัทเขาดังมาก...
จากสินค้าก่อนหน้านี้คือ... “เครื่องตัดไฟ” ยี่ห้อหนึ่ง...
“ตัดก่อนตาย...เตือนก่อนวายวอด”....
โหยๆๆๆๆ...สโลแกนโดนมาก...
แต่เจ้าของสินค้าเขาไม่ให้เราขายเครื่องตัดไฟครับ...
เพราะมันต้องมีการติดตั้งด้วย...
ขืนไปติดซี้ซั้ว...คราวนี้แหละต้องเปลี่ยนสโลแกนใหม่แน่ๆ...
“ตายก็ไม่ตัด...จัดชุดใหญ่ก็ไม่เตือน”...
เลยอนุญาตให้ขายแต่เครื่องตัดแก๊สที่ว่า...
หลักการทำงานของเจ้าเครื่องนี้มันดีมากนะครับ...
กรณีที่ถังแก๊สที่บ้านมันเกิดรั่วขึ้นมา...
มันจะตัด “โช๊ะ”ทันที...
เฮ้ยๆๆๆๆ...สินค้าตัวนี้เจ๋งวะ...ขายได้แน่แบบนี้...
สมัยก่อนตอนที่อยู่บ้านคนเดียวที่ยะลา...
บางครั้งก็มีทอดไข่เจียวอยู่บ้าง...
สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือ...
“กูปิดแก๊สอะยังว๊า”....
สิ่งนี้กลายเป็นเสียงแว่วในรูหูทุกครั้ง...
เวลาที่ปิดประตูบ้าน...แล้วบิดมอไซค์ไปข้างนอก...
หลายครั้งที่ต้องโดดเรียนตอนเช้า...
โดยขออนุญาต รปภ.หน้าป้อมประตูโรงเรียนว่า...
“ลืมปิดแก๊สที่บ้านครับ”....
พอกลับมาถึงบ้าน...
“เออ...ก็ปิดแล้วนี่หว่า”...
งานนี้เลยเหมือนเอาปมด้อยของตัวเอง...
มาเป็นแรงผลักดันที่อยากจะขายสินค้าตัวนี้...
ก่อนออกขายจริง...ก็มีพนักงานขายตัวจริง...
มาอบรมความรู้ผลิตภัณฑ์ให้อย่างดี...
จำได้เลย...พี่เขาบอกว่า...
สินค้าตัวนี้ต้องขายจาก “ความกลัว” ของลูกค้า...
เขาก็สาธิตโดยเอาเตาแก๊สปิคนิค...
ที่ติดตั้งเครื่องที่ว่านี่มาแล้ว...
ว่าแล้ว...เขาก็เปิดเตาแก๊สปิดนิคแล้วจุดไฟ...
พอแก๊สติดไฟเท่านั้นแหละครับ...
ไฟงี้พุ่งออกมาเป็นลำ...เสียงก็ดัง “ฟู่ๆๆๆๆๆๆ”....
น่ากลัวโคตรๆเลยครับ...ไม่กี่วินาที...
เครื่องตัวนี้มันก็ตัดโช๊ะ....ทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
สุดยอดดดดดดด...มาก....
ความน่ากลัวของไฟจากเตาแก๊สมันเป็นแบบนี้นี่เอง...
ตอนนี้มั่นใจเกินล้านเลยว่า...ขายดีแน่ๆ...
หมดงานนี้จะกูได้เลื่อนตำแหน่ง...
เป็นผู้จัดการฝ่ายขายแน่ๆ...
ไอ้ตี๋...ที่เรียนการตลาดมา...ที่เป็นผู้จัดการฝ่ายขาย...
มันต้องยกตำแหน่งให้ผมชัวร์...
หลังจากประสบการณ์ครั้งแรกที่เดินแต่เฉพาะ...
พื้นที่ในหาดใหญ่ใกล้ๆมหาลัย...แถมก็ไปคนเดียวด้วย...
บางทีดูไม่น่าเชื่อถือ...
คราวนี้เอาใหม่ครับ...เปลี่ยนพื่นที่จากหาดใหญ่...
ไปที่ จ.ตรัง...พอดีมีบ้าน Grandpa (ก๋ง) อยู่ที่นั่น...
อย่างน้อยมีข้าวกินกับมีที่นอน...low cost สุดๆ...
แล้วชวนเพื่อนอีกคน...ที่เรียนคณะเภสัชฯ...
แต่อยากทำงานเซลส์ไปขายของด้วยกัน...
(เพื่อนคนนี้เคยดำรงตำแหน่งสูงสุด....
เป็นถึง BU Head...แต่ตอนนี้ Early Retry แล้ว...
เพราะรวยมาก...เล่นหุ้นอย่างเดียว)...
สองหนุ่มจากหาดใหญ่...ไปขายของที่ จ.ตรัง...
ยานพาหนะก็เป็นรถ Honda Pop สีฟ้า...
ที่พ่อเอามาให็ก๋งใช้...เอาไว้ซื้อกับข้าว...
กลายเป็นรถประจำตำแหน่งของเซลส์ร้อยล้านไปแล้ว...
ผมทำหน้าที่เป็นคนขับ...
เพื่อนทำหน้าที่เอาถือถังแก๊ส...
จำเอาไว้ๆ...เราต้องขาย “ความกลัว”...
เปลวไฟมันต้องพุ่งแรงๆ...
ย่ิงพุ่งแรง...ยิ่งน่ากลัว...
ฮ่าฮ่าฮ่า...เราต้องขายความกล้ว...ฮ่าฮ่าฮ่า...
หัวเราะเหมือนตัวโกงในหนังที่โง่ได้ใจ...
ไปเคาะประตูหลายบ้าน...
ไปบอกว่าเราจะมีสาธิตสินค้า...
เขาก็ไม่อยากต้อนรับ...สงสัยจะกลัวทำบ้านเขาไฟไหม้...
แล้วโชคก็เข้าข้างคนดีอย่างเราเสมอครับ...
ไปเจออาซิ้มคนหนึ่ง...
เขาคงจะสงสารเด็กหนุ่มสองคน...
เผอิญบ้านแกมีเนื้อที่พอสมควร...
ก็เลยใช้ลานกว้างหน้าบ้านนั่นแหละเป็นที่สาธิต...
ด้วยคาถาที่พี่คนขายมืออาชีพเขาบอก...
เราต้องขาย...“ความกลัว”...
เพื่อนผมมันก็บอกว่า...
งั้นเราเปิดวาวล์แก๊สแบบสุดเลยดิ...
จะได้กลัวเยอะๆ...เราจะได้ขายได้...
เอาฤกษ์เอาชัยกันหน่อย...
ว่าแล้วผมก็บิดจนสุดครับ...
พอจุดไฟแช็ค....ป้าบบบบบ....
ไฟมันพุ่งยังกับไอพ่นเครื่องบินรบ F16 เลยครับ....
เสียงดังกว่าที่พี่เขาสาธิตอีกร้อยเท่าพันเท่า...
หายนะเท่านี้ยังไม่หนำใจ...
ไอ้เครื่องที่ว่า...มันดันไม่ตัดอีก...
อาซิ้มถึงกับร้องเสียงหลง...
แต่ขอบอก...ผมกับเพื่อนร้องดังกว่า...
เพื่อนมันได้สติก่อนครับ...
“ตีน”เท่านั้นที่จะแก้ปัญหานี้ได้...
มันกระทืบเปรี้ยงเดียว...ไฟดับสนิท...
หมดเหตุการณ์ทั้งคู่นั่งหมดอาลัยตายอยาก...
มือไม้สั่น...หมดแรง...
ก็เพ่ิงผ่านเหตุการณ์ที่เกือบจะสร้าง...
ความบรรลัยให้บ้านอาซิ้มไปหมาดๆ...
ดีนะที่อาซิ้มไม่ช๊อคตายไปซะก่อน...
ได้ติดคุกเมืองตรังก็อีงานนี้แหละ...
สุดท้ายเพ่ิงมานึกออกว่า...
ทำไม่มันยอมตัด...เพราะตอนที่ขี่มอไซค์ตะลอนๆมา...
สลักตัวที่ทำงานตัดไฟ...มือเราคงเผลอไปโดนมันเข้า...
มันเลยไม่อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมใช้งาน...
ตกลงที่ขายความกลัวหนะ...ถูกต้องแล้ว...
แต่ไม่ต้องกลัวขนาดนี้ได้ปะ...
ดีนะอาซิ้ม ไม่ด่าตะเพิดออกมา...
และแล้วก็กลับบ้านไปข้าวบ้านก๋งดีกว่า...
ไม่ขงไม่ขายมันแล้ว...เครื่องตัดแก๊สที่ว่า...
โคตรน่ากลัวเลยครับ...
-บุ้ง ดีดติ่งหู-
เรื่องสั้น..จากเรื่องจริงที่ไม่เน้นสาระ#EP6: เขาเรียกผมว่า "เซลส์แมน" <EP#6> ตอน "ขายด้วยความกลัว"
เรื่องสั้นชุด: เขาเรียกผมว่า “เซลส์แมน” #6
ตอนที่ 6: ขายดัวยความกลัว
จุดเร่ิมต้นการเป็นเซลส์แบบเป็นจริงเป็นจังของผม...
เกิดมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยนี่แหละ...
จะว่าผมขัดสนเรื่องเงินทองมั๊ย...ก็ตอบยาก...
จริงๆแล้วที่บ้านส่งตังค์ให้ใช้เดือนละ 5,000 บาท...
อันนี้พูดถึงเมื่อปี 2529...ที่ก๋วยเตี๋ยวชามละไม่เกิน 15 บาท...
บอกได้เลยว่าไม่น้อยนะครับ...
ค่าน้ำ..ค่าไฟ...ก็ไม่ต้องเสีย...เพราะรวมกับค่าหอพักไปแล้ว...
อย่างเก่งก็โดนแค่ค่าซักผ้าเดือนละไม่เกิน 400 บาท...
ปีแรกๆก็พออยู่หรอก...แต่พอขึ้นปีสองนี่ซิ...
ไม่ค่อยพอใช้ซักเดือน...
เพื่อนร่วมรุ่นหลายคนที่ได้ดิบได้ดีในปัจจุบัน...
ที่บ้านมักไม่ค่อยมีตังค์กันทั้งนั้น...
บางคน...ต้องกลับบ้านแทบทุกเดือนด้วยรถไฟชั้นสาม...
กลับไปเอาข้าวสารเพื่อมากินที่หอพัก...
บางคน...ก็ต้องทำงานช่วยเก็บหนังสือที่ห้องสมุด...
เพื่อแลกกับทุนการศึกษา...
ส่วนตัวเองที่เป็นพวกละโมบความสุขเฉพาะหน้า...
เที่ยวจีบสาวไปทั่ว...ร่ำสุราแทบทุกคืน...
หนังสือหนังหาไม่ค่อยยอมเรียน...
เลยต้องมาเดือดร้อนก็อีตอนอายุมากนี้แหละ...
พอขึ้นปี 2 ช่วงซัมเมอร์...แทนที่ตัวเองจะได้กลับบ้าน...
กลับต้องมาลงทะเบียนเรียนเพ่ิม...
เหตุผลสอบตกตั้ง 2 วิชา...
ขืนไปลงทะเบียนในภาคปรกติ...
ต้องไปเรียนรวมกับรุ่นน้อง...
มันก็เข้าอีหรอบเดิมคือ...ไม่น่ารอด...
เลยต้องมาเรียนกับพวกที่สอบตกด้วยกันนี่แหละ...
คราวนี้ไม่กลัวแล้ว...เพราะแต่ละคนก็เจอปัญหาเดียวกัน...
เวลาเรียนแต่ละวันก็นิดเดียว...เวลาเลยเหลือเพียบ...
ทำงานหาเงินไว้เที่ยวดีกว่า...
เห็นประกาศที่คณะเขามีโครงการ Dummy Company...
หรือ “บริษัทฯจำลอง”...จัดโดยภาควิชาบริหารธุรกิจ...
ทีแรกก็ไม่เข้าใจ...อะไรว๊า... “ดัมมี่” คอมปานี...
นี่จะตั้งวงเล่นไพ่กันกลางคณะเลยละเว้ย....
จริงๆแล้ววัตถุประสงค์ของกิจกรรมนี้ก็คือ...
อยากให้นักศึกษาเขาลองฝึกทำงานรูปแบบบริษัทฯ...
ก่อนไปเจอของจริงเมื่อเรียนจบ...
เขาก็ประกาศรับสมัครทุกตำแหน่งเลย...
ตำแหน่ง Marketing / Sales Director ก็มี…
แต่มันคงจะสูงเกินไปสำหรับเรา...
ก็ไม่ได้เรียนสายนี้มาโดยตรง...โอเค...เข้าใจได้...
ลดระดับลงมานิดนึงก็ได้...
ก็เราเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวนี่หว่า....
นี่เลยๆ...ตำแหน่ง “ผู้จัดการฝ่ายขาย” เหมาะสมกับเราสุดๆ...
ตำแหน่งนี้ฟัากำหนดมาเพื่อเราชัวร์...
เดินดุ่ยๆไปสมัครกับอาจารย์ที่ดูแลโครงการนี้ทันที...
ด้วยความมั่นใจเกินล้าน...
อีกอย่างก็กลัวใครมาชิงตัดหน้าด้วย...
ของแบบนี้มันต้องอาศัยความเร็วเฟ้ยยยยยย....
ที่ไหนได้ครับ...เขาบอกว่ามีคนสอยตำแหน่งไปนี้แล้ว...
อ้าว...เฮ้ย...อาจารย์...เพ่ิงประกาศเมื่อตอนเช้าเนี่ยนะ...
ทำไมไม่มีการคัดเลือกกันเลยเหรอ...
คนที่ได้รับตำแหน่งนี้...
เป็นเพื่อนร่วมคณะที่เรียนภาควิชาการตลาด...
แต่ผมดันเรียนทางด้าน Public Administration...
หนักกว่านั้น...ดันเรียนไปเอกวิชา...
การบริหารการปกครองส่วนท้องถิ่นซะอีก...
ซึ่งเน้นการเป็นกำนัน..ผู้ใหญ่บ้าน...ว่าไปโน่น...
เรื่องสเปคของผู้จัดการฝ่ายขาย...
มันก็ไม่ผ่านตั้งแต่ชาติกำเนิดแล้ว...
“มีแต่ตำแหน่งเซลส์” เอามั๊ย...
โหยๆๆๆ...เร่ิมจากระดับล่างสุดเลยเหรอ...
แล้วจะผมจะมีหน้าไปบอกที่บ้านยังไง...
จบตั้งปริญญาตรี (สมัยนั้น)...
เห็นเขาบอกว่าจบ ป.ตรี...
แล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคน...ที่ไหนได้...
เช๊อะ!!!…ไม่ให้ตำแหน่งนี้ก็ไม่ทำ...
...“เอาครับ”...
เป็นคำตอบที่สุดแสนจะเรียบง่าย...
เหมือนก้มหน้ายอมรับในโชคชะตา...
บรรยากาศประมาณ...น้ำตารื้นบนใบหน้า...
ตอนแสงสุดท้ายบนผาสูง...เส้นผมปลิวนิดด้วยกระแสลมอ่อนๆ...
ทั้งๆที่สมัยนั้น...หนังหัวจะเริ่มบางแล้วก็ตาม...
แม้จะเป็นคำตอบที่ดูจะขัดกับความรู้สึกเล็กน้อย...
แต่ยังมีความหวังเล็กๆว่า...
ถ้าเราขายเก่ง...อาจจะได้เลื่อนตำแหน่งกันมั่ง...
แต่หารู้ไ่ม่ว่า...เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริงที่ “บริษัทจำลอง”...
เพราะเปิดเทอม...บริษัทฯก็หยุดทำการ...
ทุกคนต้องกลับไปเรียนหนังสือหนังหาเหมือนเดิม...
พอสมัครเสร็จ...วันรุ่งขึ้นก็ออกไปขายทันที...
ก็เอา “บรรเจิด” มอไซค์คู่ใจออกตะลอนๆ...
ใส่ชุดนักศึกษา...แถมผูกไทด์ให้ดูเป็นมืออาชีพหน่อย...
ทั้งที่ตั้งแต่เป็นนักศึกษามา...
เคยใส่เฉพาะช่วงแรกๆปีหนึ่งเท่านั้น...
สินค้าแรกที่คิดว่าต้องขายได้แน่ๆคือ...
หน้าร้อนแบบนี้มันต้อง...“พัดลม”...เท่านั้น...
แต่รุ่นแบบธรรมดาที่เห็นทั่วๆไป...ตัวละสองสามร้อย...
ถ้าขายสินค้าง่ายๆพรรค์นี้...
มันง่ายเกินไปแบบนี้...โลกไม่จำหรอก...
อย่างเรามันต้องเป็นพัดลมรุ่นพิเศษเว้ยยยย...
ลักษณะมันเป็นสี่เหลี่ยมยาวๆแนวตั้ง...
เขาบอกว่ามันทรงทาวเวอร์...คลาสซี่สุดๆ...
ตัวหนึ่งล่อเข้าไปเกือบสองพัน...
ว่ากันว่า...สูตรการเดินเคาะประตู...
เคาะ 10 บ้าน...จะมีคนคุยด้วย 3 บ้าน...
แล้วควรจะขายได้ 1 บ้าน...
ที่ไหนได้...กูเคาะเป็นร้อย...
ส่วนมากเขาก็คุยด้วย...เพราะเห็นว่าเป็นนักศึกษา...
ไม่ได้เป็นโจรห้าร้อยที่ไหน...
แต่ขายดันขายไม่ได้ซักตัวเดียว...
พัดลมบ้าอะไร...ตัวเกือบสองพันบาท...
หน้าตาก็ดูแปลกๆ...จะเป็นพัดลมก็ไม่ใช่...
จะเป็นแอร์ก็ไม่ใช่อีก...
แถมลมที่ออกมายังพัดเอื่อยๆอีก...
ขนาดเปิดเบอร์ 3 แล้ว...
ลูกค้าเขาทดลองเอาเส้นผมตัวเองไปจ่อที่ตรงมอเตอร์...
ไม่มีกระดิกซักเส้น...
พอกันที...สำหรับพัดลมหน้าตาอุบาทว์แบบนี้...
ตอนนั้นเลยสันนิษฐานเอาเองว่า...
สินค้าไม่น่าใช่...ตลาดก็ไม่น่าจะใช่อีก...
แบบนี้มันต้องเปลี่ยนสินค้าขายเว้ยยยยยย...
ไม่เอาแล้วพัดลม...เปลี่ยนมาขายเครื่องตัดแก๊ส ดีกว่า...
ก็สินค้าตัวนี้...ตัวบริษัทเขาดังมาก...
จากสินค้าก่อนหน้านี้คือ... “เครื่องตัดไฟ” ยี่ห้อหนึ่ง...
“ตัดก่อนตาย...เตือนก่อนวายวอด”....
โหยๆๆๆๆ...สโลแกนโดนมาก...
แต่เจ้าของสินค้าเขาไม่ให้เราขายเครื่องตัดไฟครับ...
เพราะมันต้องมีการติดตั้งด้วย...
ขืนไปติดซี้ซั้ว...คราวนี้แหละต้องเปลี่ยนสโลแกนใหม่แน่ๆ...
“ตายก็ไม่ตัด...จัดชุดใหญ่ก็ไม่เตือน”...
เลยอนุญาตให้ขายแต่เครื่องตัดแก๊สที่ว่า...
หลักการทำงานของเจ้าเครื่องนี้มันดีมากนะครับ...
กรณีที่ถังแก๊สที่บ้านมันเกิดรั่วขึ้นมา...
มันจะตัด “โช๊ะ”ทันที...
เฮ้ยๆๆๆๆ...สินค้าตัวนี้เจ๋งวะ...ขายได้แน่แบบนี้...
สมัยก่อนตอนที่อยู่บ้านคนเดียวที่ยะลา...
บางครั้งก็มีทอดไข่เจียวอยู่บ้าง...
สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือ...
“กูปิดแก๊สอะยังว๊า”....
สิ่งนี้กลายเป็นเสียงแว่วในรูหูทุกครั้ง...
เวลาที่ปิดประตูบ้าน...แล้วบิดมอไซค์ไปข้างนอก...
หลายครั้งที่ต้องโดดเรียนตอนเช้า...
โดยขออนุญาต รปภ.หน้าป้อมประตูโรงเรียนว่า...
“ลืมปิดแก๊สที่บ้านครับ”....
พอกลับมาถึงบ้าน...
“เออ...ก็ปิดแล้วนี่หว่า”...
งานนี้เลยเหมือนเอาปมด้อยของตัวเอง...
มาเป็นแรงผลักดันที่อยากจะขายสินค้าตัวนี้...
ก่อนออกขายจริง...ก็มีพนักงานขายตัวจริง...
มาอบรมความรู้ผลิตภัณฑ์ให้อย่างดี...
จำได้เลย...พี่เขาบอกว่า...
สินค้าตัวนี้ต้องขายจาก “ความกลัว” ของลูกค้า...
เขาก็สาธิตโดยเอาเตาแก๊สปิคนิค...
ที่ติดตั้งเครื่องที่ว่านี่มาแล้ว...
ว่าแล้ว...เขาก็เปิดเตาแก๊สปิดนิคแล้วจุดไฟ...
พอแก๊สติดไฟเท่านั้นแหละครับ...
ไฟงี้พุ่งออกมาเป็นลำ...เสียงก็ดัง “ฟู่ๆๆๆๆๆๆ”....
น่ากลัวโคตรๆเลยครับ...ไม่กี่วินาที...
เครื่องตัวนี้มันก็ตัดโช๊ะ....ทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
สุดยอดดดดดดด...มาก....
ความน่ากลัวของไฟจากเตาแก๊สมันเป็นแบบนี้นี่เอง...
ตอนนี้มั่นใจเกินล้านเลยว่า...ขายดีแน่ๆ...
หมดงานนี้จะกูได้เลื่อนตำแหน่ง...
เป็นผู้จัดการฝ่ายขายแน่ๆ...
ไอ้ตี๋...ที่เรียนการตลาดมา...ที่เป็นผู้จัดการฝ่ายขาย...
มันต้องยกตำแหน่งให้ผมชัวร์...
หลังจากประสบการณ์ครั้งแรกที่เดินแต่เฉพาะ...
พื้นที่ในหาดใหญ่ใกล้ๆมหาลัย...แถมก็ไปคนเดียวด้วย...
บางทีดูไม่น่าเชื่อถือ...
คราวนี้เอาใหม่ครับ...เปลี่ยนพื่นที่จากหาดใหญ่...
ไปที่ จ.ตรัง...พอดีมีบ้าน Grandpa (ก๋ง) อยู่ที่นั่น...
อย่างน้อยมีข้าวกินกับมีที่นอน...low cost สุดๆ...
แล้วชวนเพื่อนอีกคน...ที่เรียนคณะเภสัชฯ...
แต่อยากทำงานเซลส์ไปขายของด้วยกัน...
(เพื่อนคนนี้เคยดำรงตำแหน่งสูงสุด....
เป็นถึง BU Head...แต่ตอนนี้ Early Retry แล้ว...
เพราะรวยมาก...เล่นหุ้นอย่างเดียว)...
สองหนุ่มจากหาดใหญ่...ไปขายของที่ จ.ตรัง...
ยานพาหนะก็เป็นรถ Honda Pop สีฟ้า...
ที่พ่อเอามาให็ก๋งใช้...เอาไว้ซื้อกับข้าว...
กลายเป็นรถประจำตำแหน่งของเซลส์ร้อยล้านไปแล้ว...
ผมทำหน้าที่เป็นคนขับ...
เพื่อนทำหน้าที่เอาถือถังแก๊ส...
จำเอาไว้ๆ...เราต้องขาย “ความกลัว”...
เปลวไฟมันต้องพุ่งแรงๆ...
ย่ิงพุ่งแรง...ยิ่งน่ากลัว...
ฮ่าฮ่าฮ่า...เราต้องขายความกล้ว...ฮ่าฮ่าฮ่า...
หัวเราะเหมือนตัวโกงในหนังที่โง่ได้ใจ...
ไปเคาะประตูหลายบ้าน...
ไปบอกว่าเราจะมีสาธิตสินค้า...
เขาก็ไม่อยากต้อนรับ...สงสัยจะกลัวทำบ้านเขาไฟไหม้...
แล้วโชคก็เข้าข้างคนดีอย่างเราเสมอครับ...
ไปเจออาซิ้มคนหนึ่ง...
เขาคงจะสงสารเด็กหนุ่มสองคน...
เผอิญบ้านแกมีเนื้อที่พอสมควร...
ก็เลยใช้ลานกว้างหน้าบ้านนั่นแหละเป็นที่สาธิต...
ด้วยคาถาที่พี่คนขายมืออาชีพเขาบอก...
เราต้องขาย...“ความกลัว”...
เพื่อนผมมันก็บอกว่า...
งั้นเราเปิดวาวล์แก๊สแบบสุดเลยดิ...
จะได้กลัวเยอะๆ...เราจะได้ขายได้...
เอาฤกษ์เอาชัยกันหน่อย...
ว่าแล้วผมก็บิดจนสุดครับ...
พอจุดไฟแช็ค....ป้าบบบบบ....
ไฟมันพุ่งยังกับไอพ่นเครื่องบินรบ F16 เลยครับ....
เสียงดังกว่าที่พี่เขาสาธิตอีกร้อยเท่าพันเท่า...
หายนะเท่านี้ยังไม่หนำใจ...
ไอ้เครื่องที่ว่า...มันดันไม่ตัดอีก...
อาซิ้มถึงกับร้องเสียงหลง...
แต่ขอบอก...ผมกับเพื่อนร้องดังกว่า...
เพื่อนมันได้สติก่อนครับ...
“ตีน”เท่านั้นที่จะแก้ปัญหานี้ได้...
มันกระทืบเปรี้ยงเดียว...ไฟดับสนิท...
หมดเหตุการณ์ทั้งคู่นั่งหมดอาลัยตายอยาก...
มือไม้สั่น...หมดแรง...
ก็เพ่ิงผ่านเหตุการณ์ที่เกือบจะสร้าง...
ความบรรลัยให้บ้านอาซิ้มไปหมาดๆ...
ดีนะที่อาซิ้มไม่ช๊อคตายไปซะก่อน...
ได้ติดคุกเมืองตรังก็อีงานนี้แหละ...
สุดท้ายเพ่ิงมานึกออกว่า...
ทำไม่มันยอมตัด...เพราะตอนที่ขี่มอไซค์ตะลอนๆมา...
สลักตัวที่ทำงานตัดไฟ...มือเราคงเผลอไปโดนมันเข้า...
มันเลยไม่อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมใช้งาน...
ตกลงที่ขายความกลัวหนะ...ถูกต้องแล้ว...
แต่ไม่ต้องกลัวขนาดนี้ได้ปะ...
ดีนะอาซิ้ม ไม่ด่าตะเพิดออกมา...
และแล้วก็กลับบ้านไปข้าวบ้านก๋งดีกว่า...
ไม่ขงไม่ขายมันแล้ว...เครื่องตัดแก๊สที่ว่า...
โคตรน่ากลัวเลยครับ...
-บุ้ง ดีดติ่งหู-