ซุนดา - บันดุง

ในประเทศอินโดนีเซีย เกาะชวาคือจุดศูนย์กลางของประเทศ เป็นเกาะที่มีประชากรส่วนใหญ่คือชาวชวาซึ่งมีจำนวนถึง 95 ล้านคน เป็นพลเมืองใหญ่
อย่างไรก็ตาม ในทางตะวันตกของเกาะชวา โดยเฉพาะในจังหวัดชวาตะวันตก เป็นที่อยู่ของชาวซุนดา ซึ่งมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกับชวาแต่ไม่ใช่ชวา
หากเทียบชาวชวาเป็นคนทางคันโตของญี่ปุ่น ชาวซุนดาก็เทียบได้กับคนคันไซ ก็คือมีความคล้ายคลึงกันหลายอย่างแต่ไม่ถึงกับเป็นพวกเดียวกันเลย
ชาวซุนดามีประชากรประมาณ 36 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของชาวชวา กระจายอยู่ทั้งในทางตะวันตกของเกาะชวาและทางใต้ของเกาะสุมาตรา
แม้ว่าชาวซุนดาและชวา มีบางอย่างคล้ายคลึงกัน รวมไปถึงเรื่องวัฒนธรรมและภาษา แต่ในประวัติศาสตร์นั้น ชาวซุนดากับชวา แทบไม่ค่อยกินเส้นนัก

เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงยุคมัชปาหิตของชวา ในตอนนั้นทั้งซุนดาและชวา ยังเป็นฮินดูอยู่ โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อฮะยุม วูรุก์ ยังเป็นกษัตริย์แห่งมัชปาหิต
ฮะยุม วูรุก์ ต้องการอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงจิตรารัสมี หรือเจ้าหญิงปิตาโลกา พระราชธิดาของกษัตริย์ซุนดา มหาราชา ลิงกา บูวนะ ซึ่งตอบตกลงไป
อย่างไรก็ตาม กาจะห์ มาดา เสนาบดีของมัชปาหิต ไม่เห็นด้วยที่จะให้เจ้าหญิงเป็นราชินีของมัชปาหิตและต้องการให้นางเป็นเพียงแค่นางสนมเท่านั้น
มหาราชา ลิงกา บูวนะ รู้สึกกริ้วและจะเสด็จกลับอาณาจักรของพระองค์ ทว่า พวกทหารมัชปาหิตล้อมค่ายพวกซุนดาไว้พร้อมขอตัดพระหัตถ์เจ้าหญิง
ทุกอย่างจบลง ด้วยความตายของพวกซุนดา ที่ถูกพวกของกาจะห์ มาดา รุมสังหารจนสิ้น ณ จัตุรัสบูบัต พร้อมทั้งเจ้าหญิงที่ปลงพระชนม์พระองค์เอง

จากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ส่งผลในหลายๆ ด้าน แม้ว่าชวาจะแทบไม่เคยยุ่งหรือรุกรานมาถึงซุนดา แต่พวกเขาก็ไม่กินเส้นหลายศตวรรษ
ในอินโดนีเซีย ถนนเส้นต่างๆ ในแต่ละเมือง มักจะถูกตั้งชื่อตามวีรบุรุษจากดินแดนต่างๆ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครอยากตั้งชื่อกาจะห์ มาดา ในบันดุงเลย
จริงๆ แล้ว ชาวซุนดานั้น ขึ้นชื่อมากในเรื่องความเป็นมิตรต่อคนต่างถิ่น พวกเขารับศาสนาอิสลามมาอย่างง่ายดาย แตกต่างกับชวาที่กระทบกันอยู่บ้าง
จากที่ไม่ถูกกับชวา ทำให้ชาวซุนดาในยุคหลังเป็นต้นมา ผูกพันกับชาวมลายูมากกว่าโดยเฉพาะชาวบะตาวีในเมืองปัตตาเวียหรือจาการ์ต้าในปัจจุบัน
นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ชาวซุนดา มีความเคร่งครัดในศาสนาที่มากกว่าชาวชวาในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีเรื่องในศาสนาเก่า วัฒนธรรมเก่า เข้ามาเจือปนอยู่

ชาวซุนดา ขึ้นชื่อเรื่องความขาว หน้าตาดี เชื่อว่าเพราะพวกเขาชอบกินผักเป็นอาหาร แต่สำนึกรักบ้านเกิด ก็มีอยู่มากถึงขั้นขนาดไม่ค่อยย้ายถิ่นฐานเลย
ว่ากันว่า ด้วยความรักบ้านเกิดของชาวซุนดา ทำให้ไม่ค่อยมีนักการเมือง รัฐมนตรี หรือคนซุนดาคนใดที่มาอยู่เมืองหลวงได้นาน ต้องกลับไปอยู่บ้านเกิด
ซึ่งจะว่าก็คงไม่น่าแปลกใจ เพราะชวาตะวันตก โดยเฉพาะเมืองบันดุงนั้นเป็นเมืองกลางภูเขาและแม่น้ำ อันเป็นองค์ประกอบเมืองในฝันของหลายๆ คน
ถามว่าเมืองบันดุงอากาศดีขนาดไหน เคยลองถามคนที่เคยไปทั้งเชียงใหม่ หลวงพระบาง และบันดุงมา เขาบอกว่า บันดุงดีมากกว่าอีก 2 เมืองด้วยซ้ำ
อากาศเมืองบันดุงนั้น เย็นสบาย เพราะอยู่กลางภูเขาและยังเป็นที่ราบสูงอีก แต่น่าเสียดาย ที่อากาศเมืองบันดุงเริ่มมีมลภาวะไปบ้างเหมือนเมืองอื่นๆ 

ชาวซุนดา ยังมีการพูดที่เป็นเอกลักษณ์ คำที่รับอิทธิพลจากภาษาสันสกฤตที่ชาวชวาออกเสียง o นั้น ชาวซุนดาจะยังออกเสียง a อยู่เหมือนยุคก่อน
เวลาชาวซุนดาพูด มักจะมีคำว่า ม๊ะ หรือ เต๊อะ ติดปากอยู่ตลอด เวลาออกเสียง f มักจะออกเสียงเป็น p เช่น ทีวี เป็น ทีปี หรือ ฟุตบอล เป็น ปุตบอล 
ชาวซุนดายังขึ้นชื่อในหลายๆ เรื่อง เช่น อารมณ์ขันขี้เล่น ความชอบทำงานในที่ทำงาน หรือเรื่องอื่นๆ ที่แตกต่างจากทั้งชาวชวาและชาวอินโดฯทั่วไป
มีหลายคน ที่ไปเที่ยวที่นั้น ถึงกับยกเลยว่า บันดุงคือเชียงใหม่ของอินโดนีเซีย ด้วยความเป็นเมืองภูเขา อากาศดี และปัจจัยอื่นๆ ที่คล้ายกับเชียงใหม่
ว่าแต่คุณเอง อยากลองมาเที่ยวบันดุงดูสักครั้งหรือเปล่า กับอุณหภูมิที่สูงที่สุดแค่ 27-28 องศาเซลเซียสเท่านั้น ทั้งยังมีอาหารอร่อยๆ สถานที่น่าเที่ยว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่