JJNY : 4in1 พท.จี้ใช้1ล.ล.ให้เกิดประโยชน์/ก้าวไกลเสนอเพิ่มเยียวยา/จาตุรนต์ฝากข้อความถึงปลายฝน/นภาพรมอบเงินญาติน.ส.ปลายฝน

'เพื่อไทย' จี้รัฐใช้เงิน 1 ล้านล้าน ให้เกิดประโยชน์ ติง ขยายเคอร์ฟิวเป็นการมองมิติเดียว ชี้กระทบธุรกิจโดยตรง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2163213
 

 
เมื่อวันที่ 29 เมษายน นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่างถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต่ออายุ พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ออกไปอีก 1 เดือน เพื่อแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยระบุเป็นไปคำแนะนำของข้าราชการประจำ ที่ทำงานอยู่ในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ว่า ถือเป็นการมองในมิติเดียว และเป็นการสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตให้ประชาชนในทุกมิติ
 
หลังจากนี้เชื่อว่าสังคมไทยจะเปลี่ยนไป จากการขยายเคอร์ฟิวไปอีก 1 เดือน ส่งผลกระทบต่อการธุรกิจอย่างมาก เนื่องจากผู้ประกอบการ จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน มีการจ้างงานน้อยลงและมีคนตกงานจะมากขึ้น ดังนั้นรัฐต้องมีแผนงานในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในภาพรวม ทุกอาชีพอย่างชัดเจนและทั่วถึง รวมทั้งต้องเร่งในการสร้างงานสร้างอาชีพ พร้อมกันนี้รัฐต้องสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนในระยะยาว ทุกภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างรายได้ให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด เพื่อวางรากฐานในอนาคตของประเทศไทย
 
นายจักรพล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในช่วงวิกฤติที่เกิดขึ้น การให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่ดีงามสำหรับสังคมไทย แต่มาตรการที่ออกมา กำลังทำให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเป็นไปด้วยความลำบาก รัฐกำลังเปลี่ยนธารน้ำใจของผู้ใจบุญเป็นความเหนื่อยหน่าย ด้วยกฎระเบียบที่รัฐออกมาทำให้มีขั้นตอนมากมายในการแจกจ่ายอาหารเพื่อช่วยเหลือประชาชน แทนที่รัฐจะจัดเจ้าหน้าที่มาอำนวยความสะดวก ทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ทหาร ควรเข้ามาร่วมมือกับประชาชนในการจัดระเบียบการแจกอาหารเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย จะเกิดประโยชน์กว่าการสั่งการมาจากส่วนกลางโดยไม่คำนึงถึงพื้นที่และความลำบากของประชาชน หลังจากนี้มาตรการที่จะออกมาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ต้องทำอย่างจริงจังเพื่อหยุดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งมาตรการ การตรวจหาผู้ติดเชื้ออย่างจริงจัง การกักกลุ่มเสี่ยงอย่างมีมาตรฐานและป้องกันการกลับไปป่วยรอบ 2 ของประชาชน รัฐบาลควรใช้ทุกสรรพกำลังที่มีในการปกป้องชีวิตประชาชน เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่รัฐบาลกู้มาควรใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
 

 
พรรคก้าวไกล เสนอรัฐเพิ่มเยียวยาประชาชน
https://www.innnews.co.th/politics/news_661239/
 
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก) เงินกู้ 3 ฉบับที่รัฐบาลเตรียมนำขึ้นพิจารณาสำหรับเป็นงบประมาณในการต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และการเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ว่าสิ่งที่น่าตั้งข้อสังเกตคือสัดส่วนของการจัดสรรงบที่ไม่ได้สัดส่วนกับความเดือดร้อนของประชาชน เพราะหากพิจารณาจากมาตรการที่รัฐประกาศออกมาว่าจะใช้เงินจากวงเงิน 555,000 ล้านบาท สำหรับช่วยเหลือเยียวยา ประกอบด้วย มาตรการเยียวยาแรงงานนอกระบบ 5,000 บาท/เดือน 16 ล้านคน คิดเป็นงบประมาณ 240,000 ล้านบาท โดยจะใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้ 170,000 ล้านบาท และ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร 10 ล้านราย วงเงิน 150,000 ล้านบาท เพียง 2 มาตรการนี้ก็ใช้เงินไปแล้วกว่า 320,000 ล้านบาท เท่ากับจะเหลือเงินเพื่อใช้ในการเยียวยาอีกเพียง 235,000 ล้านบาท
 
น.ส.ศิริกัญญา ระบุต่ออีกว่าในขณะเดียวกันสิ่งที่น่ากังวลอีกคือ มีการกันงบประมาณสำหรับสาธารณสุขไว้เพียง 45,000 ล้านบาท ส่วนแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจ 400,000 ล้านบาท ก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน ดังนั้นพรรคก้าวไกลจึงขอเสนอวิธีการจัดสรรงบประมาณ 1 ล้านล้านบาท จากพ.ร.ก.เงินกู้ใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อชีวิตคนเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อรักษาชีวิตคนจากพิษโควิด-19 และพิษเศรษฐกิจได้ในเวลาเดียวกัน ประกอบด้วย การเพิ่มงบเยียวยาประชาชนจาก 550,000 ล้านบาท เป็น 900,000 ล้านบาทเพื่อการเยียวยาอย่างถ้วนหน้า และให้มีมาตรการระยะที่ 2 สำหรับประชาชนทุกคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นเงิน 3,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือครอบครัวที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 1,000 บาท/คน ที่จะใช้งบประมาณราว 504,000 ล้านบาท
 
ส่วนที่เหลืออีกเกือบ 100,000 ล้านบาท ใช้สำหรับการสมทบค่าจ้างให้ผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถจ้างงานและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ , ให้มีการเพิ่มงบสาธารณสุขจาก 45,000 ล้านบาท เป็น 100,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มมาตรการสนับสนุนเมื่อเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการ เช่น การแจกหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ สนับสนุนห้างร้าน SME ในการปรับตัว รวมไปถึงสำรองงบให้เพียงพอสำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันการติดเชื้อสำหรับประชาชนไทยทุกคนเมื่อการวิจัยวัคซีนสำเร็จ
 
ให้มีการจัดสรรงบประมาณปี 64 ใหม่ ตัดงบอบรมสัมมนา ดูงานต่างประเทศ ตัดงบซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทบทวนสัญญาก่อหนี้ผูกพันเดิม ระมัดระวังก่อหนี้ผูกพันใหม่ จะทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มสำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจมากกว่า 400,000 ล้านบาท โดยนางสาวศิริกัญญากล่าวอีกว่า หน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรที่ พ.ร.ก.ฉบับนี้ระบุไว้ มีเพียงการส่งรายงานการกู้เงินให้ดูภายใน 60 วัน หลังจากสิ้นปีงบประมาณ ทั้งๆที่ พ.ร.ก.กู้เงินฉบับก่อนๆ รัฐสภาต้องเห็นชอบตั้งแต่กรอบการใช้จ่ายก่อนที่จะดำเนินการ พรรคก้าวไกลจึงขอเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงิน 1 ล้านล้านบาทนี้อย่างใกล้ชิด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่