คุณเคยมีความเชื่อเรื่อง "ก่อนตาย" ไหม?

หลายคนคงจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อ ไร้สาระ แบบคนที่คิดได้คงจะ ปัญญาอ่อน ใช่ไหม? เพราะผมก็เป็นคนคิดเช่นนั้นเหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟัง คือผมขอข้ามสิ่งที่มันยังวนเวียนอยู่ในสมองแต่ผมไม่รู้จะสื่อความหมายและบรรยายออกมาให้คนเข้าใจยังไงก็แล้วกัน...
ผมเป็นวัยรุ่นสมัยใหม่เนี้ยแหละคับ ตอนผมอายุ 29ปี สิ่งที่ผมอยากเล่า คือผมเป็นคนไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาก่อน ด้วยตัวผมเองก็ทำงานในโรงพยาบาลด้วย ด้วยความที่ผมชินที่ต้องเห็นอะไรมากมายในที่ทำงานจนกลายเป็นความชา ผมถึงไม่ค่อยจะสนเรื่องพวกนี้ แต่แล้วตอนปลายปี 62 เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมได้เริ่มป่วยทั้งที่ผมเป็นคนที่แข็งแรงคนหนึ่ง (ขอเข้าเรื่อง) ผมก็ขอลาป่วยนอนพักอยู่บ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ากี่วันที่ลาพัก เหมือนผมพักผ่อนแล้วมันดีขึ้นทุกอย่าง ทั้งๆที่ตัวของผมนอนอยู่บนเตียงตั้งแต่วันแรกที่ลาพัก แต่ความรู้สึกของผมๆคือตื่นกินข้าวอาบน้ำเปิดทีวี พูดคุยกับครอบครัวปกติและตอนนั้น ยังไม่มีใครรู้ว่าผมป่วยนอนในห้อง เพราะทุกคนจะรู้ว่าทำงานเข้าเวรจะไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่ และวันที่ทุกคนรู้คือกลางเดือนพฤศจิกา วันที่14  แม่เอ๊ะใจทำไมรถจอดที่เดิมมาสองวันแล้ว แม่ถึงได้เข้าไปหาแล้วพบว่าผมนอนป่วยอยู่บนเตียง แต่คลายว่าผมบอกว่าหายแล้วไม่ต้องห่วง ทั้งที่ผมไม่มีความรู้สึกอะไรแล้วแต่ปากบอกว่าไหว จากนั้นก็หลับและทุกอย่างเหมือนความฝันที่เป็นความจริง......
คือไม่รู้ว่าเข้าโรงพยาบาลวันไหน ใครพามา ไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง
ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นแต่รู้ว่าในความฝันมี ผู้ชาย2คนมารับไปเที่ยวผู้ชายตัวดำหน้าแดงตัวใหญ่มากถือเหล็กใส่ชุดโจงกระเบน(ยมฑูต)นั้นแหละ พาไปเที่ยวนรก😆 รอฟังคำตัดสินจากศาลว่าจะได้ไปอยู่นรกชั้นไหนแต่คนรอคิวเยอะมาก แต่คนตัดสินบอกยมฑูตให้พาไปเที่ยวดูก่อน นรกที่ผมลงไปเราเรียนมาแบบไหนรูปภาพที่อยู่ตามวัดที่เราเห็น เหมือนกันทุกอย่างสัจเดียรัจฉานมีการถูกทรมารมี แต่สิ่งที่ไม่มีคือคนรู้จักในนั้นเค้าจะจับเราไว้ตลอดแค่ชั้นแรกเท่านั้นที่เค้าพาไปมันมีลึกลงไปอีกเค้าไม่ให้ไป แต่นรกที่ผมเห็นอยู่ไม่ไกลเหมือนท้องฟ้าแค่เงยหน้าไปพ้นหัวเราแค่นั้นเอง สวรรค์กับนรกห่างกันแค่ที่คนตัดสินกั้นกลางไว้เท่านั้นเอง
นรกจะเดินลงบรรไดสวรรค์จะเดินขึ้นเทวดาจะลอยอยู่ใกล้เฆกนางฟ้าจะอยู่บนก้อนเฆกสวยงามมาก ผมขอไปสวรรค์แต่เค้าบอกว่าไม่ใช่ที่ของผม ตอนตัดสินเค้าจะให้เราดูบุญที่ทำบาปที่มี และให้ดูตัวเราว่าตอนนี้เรากำลังจะตาย ทุกอย่างที่เห็นเหมือนของจริง ผมยืนดูตัวเองนอนบนเตียงในโรงพยาบาลซึ่งมีแม่ผมพี่ผมยืนจับมือและร้องไห้อยู่ข้างๆผมและไม่รู้ว่ากี่วันที่ผมต้องนอนอยู่บนเตียงนั้นจากผมน้ำหนัก79 ผมเหลือน้ำหนัก44 กิโล เหมือนผมโกหกนะที่เล่า ทุกครั้งที่มองตัวเองผมเวทนามากไม่มีการตอบสนองอะไรไดๆทั้งสิ้น จนเค้าบอกว่าผมยังไม่ถึงเวลาเพียงแค่บุญเก่ายังไม่หมดและแม่ก็ทำบุญให้ทุกวันทุกเช้าก่อนมาหาผม ต่อบุญผมไปอีกเป็นวันๆและจากวันนั้นเค้าให้เวลาผม 72ชั่วโมงมาใช้กรรมที่เหลือกรรมนั้นรู้ไหมคือผมเดินไม่ได้  ผมมารู้สึกอีกทีคือ"หิวข้าว" อยากกินน้ำไม่มีแรง เท้าบวมเพราะไม่ได้เดินนานขี้เยี่ยวคือบนเตียงนั้นเลย(ติดเตียง)
แม่เล่าทั้งน้ำตาวันแรกที่เข้าแอดมิด หมอบอกแม่ผมว่าให้ทำใจ เพราะร่างกายผมไม่ตอบสนองแล้วหมอถามทางแม่ผมว่าจะให้ผมใส่ท่อหรือปล่อยให้ผมหลับไปเองแบบสงบ ทางญาติทางบ้านเตรียมงานให้ผมเรียบร้อยแต่ปาฏิหารย์เกิด แต่ทุกครั้งที่หลับตาผมจะต้องมียมฑูต(ฝัน)พาไปและทุกคืนผมจะต้องมองร่างตัวเองซึ่งตอนนี้มีเครื่องช่วยสายห้อยเต็มไปหมดแบบสุดสงสารตัวเอง คำสุดท้ายที่ยมบาลบอกให้ผมฟังก่อนผมจะผืนแบบไม่ฝันไปอีกคือ 72ชั่วโมงต่อบุญและบอกให้ทุกคนทำบุญให้มากหมด 72ชั่วโมงจะมารับกลับไปแต่ผมขอเหลือ 70ชั่วโมง อีก2ชั่วโมงผมขอยกให้แม่สิ้นคำผมจบ หลังจากนั้นผมจำอะไรไม่ได้อีกเลย เป็นเวลา จากที่นอนโรงพยาบาลมาถึงผมเริ่มรู้สึกตัวดีเป็นเวลา2เดือนของการพักฝืน ผมเดินไม่ได้ นอนสายตาจากดีเปลี่ยนเป็นสั้น เบลอ จำอะไรไม่ค่อยได้ จนวันนี้ผมยังกายภาพบำบัดทุกวัน มีอีกเยอะที่จะบอกจะเล่าแต่มันยาวไปมาก และ 72ชั่วโมงจะมาถึงวันไหนผมก็ยังไม่รู้
เรื่องทั้งหมดเรื่องจริงที่ผมเจอ ใครอ่านก็หมั่นทำบุญ ตอนนี้ผมอายุ30ปีเพราะผมเกิดมกราคม ขอบคุณที่อ่านและทำบุญ ทักถามผมได้ผมยินดี และใครรู้ 72ชั่วโมงยมโลกกับโลกมนุษย์เค้านับยังไงบอกผมให้ผมหายคาใจหน่อย ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่