สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย DIGITAL COUNCIL OF THAILAND หรือ DCT คือใคร ???
สภาดิจิทัลฯ จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2562 เพื่อทำหน้าที่เป็นองค์กรสำคัญในการทำงานร่วมกับภาคเอกชน รัฐบาล และภาคประชาชน อันนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล การพัฒนาบุคคลากรด้านดิจิทัล ให้เกิดการประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
** ที่สำคัญ ** เพื่อเป็นเวทีหากรัฐบาลต้องการคำชี้แนะ หรือผู้ประกอบการคอยนำเสนอในบางเรื่อง เป็นเวทีที่ผู้ประกอบการที่มีบทบาทสำคัญด้านดิจิทัลคุยกับรัฐบาลได้ เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน เพื่อส่งเสริมและสร้างโอกาสแก่ผู้ประกอบการและประชาชนคนไทยทุกคน
ปัจจุบันมีสมาชิกที่เป็นสมาคมด้านอุตสาหกรรมดิจิทัล 22 สมาคม ประกอบด้วยบุคคลและนิติบุคคลกว่า 4,000 ราย ครอบคลุมธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัล ทั้งด้านฮาร์ดแวร์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ ด้านซอฟต์แวร์ ด้านบริการดิจิทัล ด้านดิจิทัลคอนเทนต์ และด้านบริการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการสื่อสารในระบบดิจิทัล
"อย่าปล่อยให้ตัวเราอยู่ใน Autopilot Mode จากความสำเร็จครั้งก่อนของเรา เพราะว่าความสำเร็จที่ผ่านมาคือจุดเริ่มต้นของความล้มเหลว ซึ่งระบบการศึกษายุคใหม่ เดี๋ยวนี้สอนให้เด็กตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบ ลงมือทำร่วมกัน แล้วนำมาอภิปรายด้วยเหตุผล"
ดังนั้น ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จึงได้ตั้งทีมที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนขึ้นมา เพื่อดูแลและเยียวยา รวมทั้งเพื่อการปรับตัวและฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งสภาพัฒน์ฯ ได้จัดระดมสมองผนึกกำลังรัฐและเอกชนตามนโยบายรัฐบาล
โดยประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย หนึ่งในคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชน นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้เสนอมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาด้วยดิจิทัล หรือ Digital Solution ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ซึ่งจะนำไปสู่ New Economy ในที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 : ควบคุม ป้องกัน และรักษา ได้แก่ การจัดทำฐานข้อมูลดิจิทัลขนาดใหญ่ของประชากรทุกคน และทุกนิติบุคคลในประเทศให้สำเร็จ รวมถึงการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์การกระจายตัวของประชากรและผู้ติดเชื้อ ตลอดไปจนถึงการจัดทำระบบแสดงผลตามพื้นที่ Heatmap รวมไปถึง Digital Donation Platform เพื่อเป็นศูนย์กลางการบริจาคสนับสนุนทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งรวบรวมสิ่งที่โรงพยาบาลต่าง ๆ ต้องการความช่วยเหลือไว้ในที่เดียว
ยุทธศาสตร์ที่ 2 : ความต่อเนื่องของธุรกิจ ได้แก่ การแก้กฎหมายเพื่อรองรับ การจัด E-GOV , Digital ID , Online KYC , E-Signature , Smart Contract ให้ทดแทนกระดาษได้ เพราะปัจจุบันกฎระเบียบและกฎหมายหลายเรื่องยังไม่สามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้ ในจังหวะที่เกิดวิกฤตนี้ควรใช้เป็นโอกาสทำให้เกิดขึ้น รวมไปถึงระบบสื่อสารและโซลูชั่น ที่รองรับการทำงาน WORK AT HOME ตลอดไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลรองรับ New Normal ของการทำธุรกิจและการกลับมาเปิดตัวใหม่
ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การจ้างงานและพัฒนาคน ถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีมาตรการสนับสนุนผู้จบการศึกษาใหม่ปีละกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คาดว่า 80-90 % อาจจะไม่มีงานทำ ทางออกคือการสร้าง ICT Talent หรือ นำกลุ่มเด็กจบใหม่ที่มีความสามารถด้าน ICT ไปช่วยพัฒนาการศึกษาออนไลน์ได้ รวมไปถึงการให้ทุนแก่มหาวิทยาลัย และอาชีวะทั่วประเทศ ในการสร้าง New Skill ด้านดิจิทัล ด้านข้อมูล(Data) และด้าน Automation เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหลังวิกฤตโควิด-19 ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจและสังคมจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค 4.0 เร็วขึ้น
ในส่วนของคนว่างงาน หรือ Unemployed เสนอรัฐให้เงินเลี้ยงชีพในช่วงว่างงาน และให้เงินสนับสนุนเพื่อการเรียนรู้งานแห่งอนาคต รวมไปถึงการจัดทำ Platform ในการหางาน และบริษัทที่ต้องการจ้างงานที่ใช้ Skill ใหม่ ด้านการจ้างงาน เสนอให้รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย 80% เพื่อรักษาสถานภาพพนักงาน พร้อมกับการ Re-Skill พนักงาน ไม่ปลดออก และสร้างทักษะใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ยุทธศาสตร์ที่ 4 : ความมั่นใจในตลาดทุน คือการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน ตลาดการค้า และการลงทุน เพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ โดยการให้ความช่วยเหลือแก่ ผู้ประกอบการ Startup ด้าน Digital ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านดิจิทัล มีการจัดตั้งและ reactivate กองทุนต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนรายได้ที่ขาดช่วง การขาดกระแสเงินสด การลดต้นทุน และการรักษาพนักงาน เนื่องจากในภาวะวิกฤตเช่นปัจจุบันการระดมทุนเต็มไปด้วยความยากลำบาก
ยุทธศาสตร์ที่ 5 : เศรษฐกิจใหม่ หรือ Economic Reform เตรียมรองรับเศรษฐกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤต ได้แก่ Smart Farming และ E-commerce รวมไปถึงการวางแผนพื้นที่การเพาะปลูก (Agrimap/Zoning) การพัฒนาระบบชลประทาน Digital Irrigation การป้องกันน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมี Smart City การออกแบบเมืองที่มีความปลอดภัยปลอดเชื้อ การป้องกันด้านสาธารณสุข หรือ Preventive Healthcare การท่องเที่ยวแนวใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล
ยุทธศาสตร์ที่ 6 : โครงสร้างขับเคลื่อนยามวิกฤต (Intelligence Center / Unlock Regulation) ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างขับเคลื่อนพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉินภายใต้วิกฤตโควิด-19 ประกอบด้วย 1.การปรับปรุงโครงสร้างการขับเคลื่อนพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้สภาฯ ต่าง ๆ เป็นตัวแทนภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 2.การแก้ไขกฎระเบียบด้านดิจิทัลเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ อาทิ การผลักดัน Digital ID ที่เกี่ยวข้องกับ E-signature, E-Voting, Smart Contract และ Digital KYC รวมถึงการทำให้ E-Document สามารถทดแทนกระดาษได้ 3.พิจารณาเพิ่มความยืดหยุ่นการบังคับใช้พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจสร้างภาระแก่เอกชนบางส่วนที่ยังไม่พร้อม นอกจากนี้เสนอให้ใช้สภาดิจิทัลฯเป็น Certification Training Center สำหรับ Data Protection Officer เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ตั้งใจที่จะขับเคลื่อนบูรณาการระบบนิเวศดิจิทัล เพื่อร่วมสนับสนุนให้สังคมไทยก้าวผ่านวิกฤต COVID-19 ไปได้อย่างปลอดภัยและราบรื่นที่สุด เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ ทุกระดับทั่วโลกในวงกว้าง ภาคธุรกิจเอกชนต่างต้องร่วมมือกันเสนอมาตรการปรับตัว และฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตลาดทุนเพื่อทรานส์ฟอร์มธุรกิจใหม่ ให้โลดแล่นหลังวิกฤตโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประธานสภาดิจิทัลฯ เสนอ 6 ยุทธศาสตร์ฝ่าวิกฤตโควิด-19
** ที่สำคัญ ** เพื่อเป็นเวทีหากรัฐบาลต้องการคำชี้แนะ หรือผู้ประกอบการคอยนำเสนอในบางเรื่อง เป็นเวทีที่ผู้ประกอบการที่มีบทบาทสำคัญด้านดิจิทัลคุยกับรัฐบาลได้ เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน เพื่อส่งเสริมและสร้างโอกาสแก่ผู้ประกอบการและประชาชนคนไทยทุกคน
ปัจจุบันมีสมาชิกที่เป็นสมาคมด้านอุตสาหกรรมดิจิทัล 22 สมาคม ประกอบด้วยบุคคลและนิติบุคคลกว่า 4,000 ราย ครอบคลุมธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัล ทั้งด้านฮาร์ดแวร์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ ด้านซอฟต์แวร์ ด้านบริการดิจิทัล ด้านดิจิทัลคอนเทนต์ และด้านบริการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการสื่อสารในระบบดิจิทัล
ดังนั้น ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จึงได้ตั้งทีมที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนขึ้นมา เพื่อดูแลและเยียวยา รวมทั้งเพื่อการปรับตัวและฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งสภาพัฒน์ฯ ได้จัดระดมสมองผนึกกำลังรัฐและเอกชนตามนโยบายรัฐบาล
โดยประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย หนึ่งในคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชน นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้เสนอมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาด้วยดิจิทัล หรือ Digital Solution ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ซึ่งจะนำไปสู่ New Economy ในที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ตั้งใจที่จะขับเคลื่อนบูรณาการระบบนิเวศดิจิทัล เพื่อร่วมสนับสนุนให้สังคมไทยก้าวผ่านวิกฤต COVID-19 ไปได้อย่างปลอดภัยและราบรื่นที่สุด เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ ทุกระดับทั่วโลกในวงกว้าง ภาคธุรกิจเอกชนต่างต้องร่วมมือกันเสนอมาตรการปรับตัว และฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตลาดทุนเพื่อทรานส์ฟอร์มธุรกิจใหม่ ให้โลดแล่นหลังวิกฤตโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ