ไม่ได้หมายความว่า เมื่อจะเจริญวิปัสสนาภาวนา จะต้องเจริญสมถภาวนาก่อนไม่ใช่อย่างนั้นครับ
เพราะผู้ที่เจริญวิปัสสนาภาวนาอย่างเดียว โดยไม่ได้เจริญสมถภาวนาและได้ฌานก่อน จึงจะบรรลุก็มี เช่น นางวิสาขา ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
แต่สำหรับผู้ที่เจริญสมถภาวนาได้ฌานก่อน แต่ไม่ได้เจริญวิปัสสนาภาวนา จึงไม่บรรลุก็มีมากมายครับ
เราจะต้องเข้าใจพื้นฐานก่อนครับว่า การจะบรรลุธรรมด้วยการเจริญวิปัสสนาภาวนาเท่านั้น ไม่ใช่การเจริญสมถภาวนา
และอีกประการหนึ่ง การที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนาได้ ไม่ใช่ต้องเจริญสมถภาวนาก่อนให้ได้ฌาน จึงจะเจริญวิปัสสนาภาวนาได้ อันนี้ ก็ไม่ใช่เช่นกัน
เพราะการเจริญวิปัสสนาภาวนาอย่างเดียว ก็บรรลุธรรมได้ครับ
หากมีคำแย้งว่า ต้องมีสมถะและวิปัสสนาควบคู่กันไปเป็นธรรมคู่กัน สมถะ หมายถึงสภาพธรรมที่สงบจากกิเลส ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงองค์ของสมถะและวิปัสสนาว่าเป็นอย่างไรบ้างดังนี้
มรรค มี องค์ 8 มี สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติและสัมมาสมาธิ
นี่คือการเจริญมรรค อันเป็นหนทางดับกิเลส คือวิปัสสนาภาวนา นั่นเองครับ คำถามมีว่า มรรคมีองค์ 8 มีสมถะหรือเปล่าครับ หรือ มีแต่วิปัสสนาอย่างเดียว คำตอบคือ มีทั้ง องค์ธรรมของสมถะ และ มีวิปัสสนาด้วย
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมที่เป็นคู่กันในการอบรมปัญญา คือ สมถะและวิปัสสนา ดังนั้น ในอริยมรรคมีองค์ 8 ตามที่กล่าวมา มีทั้งสมถะและวิปัสสนาด้วย มีอย่างไร
พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ฝ่ายของวิปัสสนา มี 2 อย่างคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะนี่คือฝ่ายวิปัสสนา ส่วน 6 ประการหลังคือ สัมมาวาจา...สัมมาสมาธิ เป็นฝักฝ่ายของสมถะนั่นเองครับ
แม้ขณะที่เจริญวิปัสสนาภาวนา เจริญมรรค อย่างเดียว ไม่ได้เจริญสมถภาวนาก่อน หรือไม่ได้เจริญสมถภาวนาเลยขณะที่เจริญวิปัสสนาภาวนาอย่างเดียว ก็มีทั้งสมถะและวิปัสสนาเกิดพร้อมกันอยู่แล้วครับ
ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่สติเกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้นมีสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติและสัมมาสมาธิ เกิดพร้อมกัน
ถามว่ามีสมถะไหม ในขณะนั้น มีครับ คือ สัมมาวายามะ สัมมาสติและสัมมาสมาธิ เป็นฝักผ่ายของสมถะ คือ สภาพธรรมที่สงบจากกิเลส
และมีฝักผ่ายวิปัสสนาในขณะนั้นด้วย คือ สัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะครับ
ศึกษาเพิ่มเติม
สมถะและวิปัสสนาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.dhammahome.com/webboard/topic/22884
สมถะภาวนา และ วิปัสสนาภาวนา ไม่จำเป็นต้องเจริญพร้อมกัน!!
เพราะผู้ที่เจริญวิปัสสนาภาวนาอย่างเดียว โดยไม่ได้เจริญสมถภาวนาและได้ฌานก่อน จึงจะบรรลุก็มี เช่น นางวิสาขา ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
แต่สำหรับผู้ที่เจริญสมถภาวนาได้ฌานก่อน แต่ไม่ได้เจริญวิปัสสนาภาวนา จึงไม่บรรลุก็มีมากมายครับ
เราจะต้องเข้าใจพื้นฐานก่อนครับว่า การจะบรรลุธรรมด้วยการเจริญวิปัสสนาภาวนาเท่านั้น ไม่ใช่การเจริญสมถภาวนา
และอีกประการหนึ่ง การที่จะเจริญวิปัสสนาภาวนาได้ ไม่ใช่ต้องเจริญสมถภาวนาก่อนให้ได้ฌาน จึงจะเจริญวิปัสสนาภาวนาได้ อันนี้ ก็ไม่ใช่เช่นกัน
เพราะการเจริญวิปัสสนาภาวนาอย่างเดียว ก็บรรลุธรรมได้ครับ
หากมีคำแย้งว่า ต้องมีสมถะและวิปัสสนาควบคู่กันไปเป็นธรรมคู่กัน สมถะ หมายถึงสภาพธรรมที่สงบจากกิเลส ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงองค์ของสมถะและวิปัสสนาว่าเป็นอย่างไรบ้างดังนี้
มรรค มี องค์ 8 มี สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติและสัมมาสมาธิ
นี่คือการเจริญมรรค อันเป็นหนทางดับกิเลส คือวิปัสสนาภาวนา นั่นเองครับ คำถามมีว่า มรรคมีองค์ 8 มีสมถะหรือเปล่าครับ หรือ มีแต่วิปัสสนาอย่างเดียว คำตอบคือ มีทั้ง องค์ธรรมของสมถะ และ มีวิปัสสนาด้วย
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมที่เป็นคู่กันในการอบรมปัญญา คือ สมถะและวิปัสสนา ดังนั้น ในอริยมรรคมีองค์ 8 ตามที่กล่าวมา มีทั้งสมถะและวิปัสสนาด้วย มีอย่างไร
พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ฝ่ายของวิปัสสนา มี 2 อย่างคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะนี่คือฝ่ายวิปัสสนา ส่วน 6 ประการหลังคือ สัมมาวาจา...สัมมาสมาธิ เป็นฝักฝ่ายของสมถะนั่นเองครับ
แม้ขณะที่เจริญวิปัสสนาภาวนา เจริญมรรค อย่างเดียว ไม่ได้เจริญสมถภาวนาก่อน หรือไม่ได้เจริญสมถภาวนาเลยขณะที่เจริญวิปัสสนาภาวนาอย่างเดียว ก็มีทั้งสมถะและวิปัสสนาเกิดพร้อมกันอยู่แล้วครับ
ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่สติเกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้นมีสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติและสัมมาสมาธิ เกิดพร้อมกัน
ถามว่ามีสมถะไหม ในขณะนั้น มีครับ คือ สัมมาวายามะ สัมมาสติและสัมมาสมาธิ เป็นฝักผ่ายของสมถะ คือ สภาพธรรมที่สงบจากกิเลส
และมีฝักผ่ายวิปัสสนาในขณะนั้นด้วย คือ สัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะครับ
ศึกษาเพิ่มเติม
สมถะและวิปัสสนาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้