คนไทยครึ่งพัน ตกค้างในออสเตรเลีย ลำบากไม่มีเงิน ไร้ที่อยู่ วอนเปิดไฟลต์ รับกลับบ้าน

คนไทยกว่าครึ่งพันคนยังตกค้างอยู่ออสเตรเลีย เดือดร้อนหนัก เงินไม่เพียงพอจ่ายค่าเรียน-ที่พัก บางรายวีซ่าใกล้หมดอายุ วอนรัฐบาลไทยเปิดไฟลต์บินรับกลับบ้าน
วันที่ 27 เม.ย. น.ส.ภรธิดา (สงวนนามสกุล) นักเรียนไทยในออสเตรเลีย เปิดเผยว่า หลังเผชิญการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตนและคนไทยกว่า 500 คน ยังตกค้างอยู่ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีความต้องการกลับประเทศไทย ทั้งนี้ชาวไทยแต่ละรายประสบปัญหาต่างกัน ส่วนใหญ่เงินทุนไม่เพียงพอจ่ายค่าเรียน-ที่พัก และวีซ่าใกล้หมดอายุ
น.ส.ภรธิดา กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ในเมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ ได้ดำเนินการลงทะเบียนขอกลับประเทศไทยแล้ว โดยติดต่อไปยัง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา และ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ เป็นระยะ แต่ได้รับคำตอบกลับมาว่าให้รอ ทั้งนี้ตนและชาวไทยกว่า 500 คนที่ยังตกค้างอยู่ เป็นคนละชุดกับชาวไทย 207 ราย ที่ได้เดินทางกลับถึงประเทศเมื่อวันที่ 26 เม.ย.
"หลังวันที่ 6 พ.ค. นี้ไม่มีบ้านอยู่แล้ว ต้องไปนอนที่สนามบินรอเครื่องบินมารับ ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ตอนนี้คนไทยที่ตกค้างอยู่เจอปัญหาต่างกัน ส่วนใหญ่คือเงินทุนไม่เพียงพอจ่ายค่าเรียนและที่พัก รวมทั้งวีซ่าใกล้หมดอายุ อยากร้องเรียนถึงรัฐบาลไทยให้มีไฟลต์บินมารับพวกเราที่นี่ โดยทุกคนพร้อมออกค่าใช้จ่ายเอง และพร้อมทำตามที่รัฐบาลกำหนด เพราะหากยิ่งอยู่ต่อไปก็ยิ่งเดือดร้อน" น.ส.ภรธิดา กล่าว

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ปัญหานี้จะไม่เกิดเลย ถ้าคนในชาติมีวินัย
กลับมาแล้วยอมกักตัวเองอยู่ที่บ้าน 14 วัน
ไปหาหมอเมื่อมีอาการ  แต่ก็เกิดกรณีไม่ทำตาม
รัฐก็เลยออกกฎว่าต้องบังคับกักตัวในสถานที่
ของรัฐ แต่ก็ไปเจอเคสที่บินเข้ามาแล้วโวยวาย
ไม่ยอมกักตัว ด้วยความที่โรคกำลังระบาดในต่างประเทศ
อย่างหนัก รัฐจึงต้องตัดสินใจ ปิดการเดินทางเข้าและจำกัด
จำนวนคน ไม่เกิน 200 คน แบบเร่งด่วน
ผลคือด้วยเวลาระยะสั้น ก็จะมีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

รัฐบาลก็เป็นเพียงคนที่ ได้รับมอบอำนาจให้บริหารทรัพยากร
ในประเทศที่มีอยู่จำกัด แค่นั่นแหละ ในข่วงเวลาวิกฤต
ก็ทำได้แต่เพียงบริหารทรัพยากรให้มีคนเสียหายน้อยที่สุดแค่นั้นเอง

คนไทยหลายคนยังมีแนวคิดที่ว่า ท้ายที่สุดรัฐต้องทำทุกอย่าง
ไม่คิดว่าเราต้องดูแลตัวเองให้ได้ดีที่สุดอย่าไปหวังพึ่งใครเลย
ผมมีคนรู้จักหลายคนเรียนอยู่ต่างประเทศ เห็นท่าทางไม่ค่อยดี รีบบินกลับมาตั้งนานแล้ว
เสียโอกาสและเงินทองไปเยอะแยะแต่คิดว่ากลับมาก่อนที่สถานการณ์จะแย่ลงไปกว่านั้นดีกว่า

เข้าใจว่าหลายคนมีข้อจำกัด มากๆ แต่ในยามวิกฤติมักมีผู้สูญเสีย
เสมอแหละ ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นเราหรือเปล่า
ความคิดเห็นที่ 2
รับกลับมาแล้วมาสร้างความวุ่นวายอีกใหม?

ภาพมันติดตาจริงๆ




อยู่โน้น ร้องไห้อ้อนวอนขอกลับ
กลับมาแล้วยังกะคนละคนกะตอนอยู่โน้นเลย
ความคิดเห็นที่ 13
   ง่ายๆ ทำไมไม่รีบกลับ ช่วงเดือนมีนาคมทึ่ยังพอกลับไทยได้
  ตอนนั้นออสเตรเลียยังไม่ระบาดมาก คนหลายคนยังทำงานร้านอาหารไทย บางคนยังบอกเลยออสฯปลอดภัยกว่าไทย แต่สุดท้ายออสปิดเมือง
  ยอดขายของร้านตก โดนลดวันทำงาน เลยจะคิดกลับบ้านแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว
  ขณะที่อีกกลุ่มเห็นท่าไม่ดีชิงกลับก่อน ไม่สนเงิน ก็เลยไม่มีปัญหาเพราะกลับก่อนสนามปิด

  สรุป ตอนกลับได้ดันไม่กลับ งกเงิน  พอร้านปิดไม่มีรายได้อยากกลับ ก็กลับไม่ได้ ขอรัฐช่วย
   
  เห็นเขาตัดพ้อว่าบ้านเราทำไมจะกลับไม่ได้ คือกลับได้แต่คุณต้อง”รอคิว” ไทยเรารับได้วันละ 200 คน คนไทยทั่วโลกจะกลับไทยมีเป็นหมื่น
  คุณต้อง”รอคิว”ต่อไป ทั้งหมดมาจากคนไทยกลุ่มแรกที่เถียงเจ้าหน้าที่ ไม่ยอมกักตัว จนเขาต้องปิดสนามบิน  
ความคิดเห็นที่ 25
เราเห็นคนในพันธุ์ทิพย์บอก เสมอๆว่า ประเทศทางตะวันตก เช่น อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเรีย เยอรมัน ฯลฯ
เป็นประเทศที่...
ดี สะอาด ปลอดภัย สวัสดิการเยี่ยม
คนของเขามี วินัย และ คุณภาพ บ้านเมืองเจริญกว่า  คุณภาพชีวิตที่โน่นดีกว่าไทยมากๆๆๆๆ น่าอยู่ ฯลฯ

แล้วจะแจ้นกลับมาทำไมอ่ะ

ดูข่าวนักการเมืองประเทศนึง พอป่วย รีบแจ้นเข้ารพ.เลย
รพ.ก็รับรักษาด้วย แต่พอกับประชาชนไล่กลับบ้าน จนตายคาบ้านก็มี
เรารู้สึกว่า คำว่าพัฒนาแล้ว , กำลังพัฒนา , ด้อยพัฒนา
มันไม่มีแก่นสาร เป็นเพียงการยกตัวให้สูงเท่านั้น
ความคิดเห็นที่ 11
ทำไมต้องรอจนวิกฤตถึงอยากกลับ แล้วมากดดันรัฐบาลให้ส่งคนไปช่วย ไม่อยากพูดอะไรที่มันดูใจดำ แต่ก็ต้องเห็นใจคนทำงานและคนในประเทศเราด้วยที่ทำทุกอย่างจนสถานการณ์มันดีขึ้นมาทุกวัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่