ช่วงโควิด-19 ที่ทุกคนต้องเจอ เป็นสิ่งที่ถือว่า ในยุคเราโชคดีมากที่ได้เจอภาวะแบบนี้...หายาก
วันก่อนถามพ่อ หนุ่มใหญ่วัย 74 ปี ว่า ตั้งแต่เกิดมาเคยเห็นห้างปิด ร้านปิดหมดแบบนี้มาก่อนมั้ย ทั่วโลก ทั่วประเทศขนาดนี้
พ่ออมยิ้มแล้วบอกเราว่าโชคดีนะที่ได้เจอ คงหมายถึง เราสินะที่โชคดี ด้วยวัย34 ปี ได้เจอภาวะแบบนี้ บอกเลยว่า...เหมือนโดนเตือนครั้งใหญ่
สมัยพ่อเจอหนักสุดคือ ปี 40 ต้มยำกุ้ง แต่ด้วยพ่อเป็นคนทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้กู้ธนาคารมาทำเลย มีเงินสดค่อยๆ ทำไป ขายไป พอเจอ
วิกฤตครั้งนั้นก็เลยไม่เครียด เพราะไม่มีดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารมากดดัน พอถึงยุคนี้พอก็ใช้ชีวิตวัยเกษียณอย่างสบายใจเหมือนเดิม เพราะไม่ต้องเช่า
บ้าน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถใดๆ และพ่อเป็นคนใช้ชีวิตสมถะมาก...ไม่กินหรู ไม่ช้อปปิ้ง ความสุขของพ่อไม่ยาก แค่ได้เที่ยวบ้าง กินข้าวพร้อมหน้านอกบ้าน
บ้างในมื้อพิเศษๆ พอ .....เห็นพ่อแล้วก็เข้าใจล่ะว่าทำไมถึงไม่เครียดเลย
สำหรับเราเอง เจอยุคโควิด....ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเงินเดือนยังเท่าเดิม แต่ WFH เอา แต่ทำให้ต้องคิดมากๆ ว่าถ้าเราเจอผลกระทบเรา
จะทำยังไง เพราะไม่ได้มีเงินฉุกเฉินสำรองหกเดือน เหมือนที่กูรูการเงินหลายๆ คนแนะนำหรอก มีเป็นทรัพย์สินมากกว่า
เลยคุยกับแฟน แฟนทำงานเปิดบริษัทเอง ก็เรียกว่ากระทบตรงๆ งานน้อยลง แต่เลี้ยงลูกน้องเหมือนเดิม ยังพยุงเค้าอยู่ เพราะเรายังไหว
สิ่งที่เคยลองทำขายสมัย 2 ปีก่อน ก็เลยถูกขุดขึ้นมาลองขาย ลองทำในยุคโควิดอีกครั้ง นั่นคือ หมูจ้อ สูตรของตระกูลแฟน
เป็นสิ่งที่เราเคยคิดว่า ลองทำขายกันขายได้มั้ย พอมาวันนี้เราเปิดรัยออรฺเดอร์อีกครั้ง ก็ยังขายได้ ก็ทำให้รู้ว่า บางทีที่เราได้ลองทำโน่นนั่นนี่เยอะๆ
อาจจะยังไม่ได้ทำจนเป็นอาชีพประจำ แต่อย่างน้อยทำให้เรารู้ว่า หากเกิดเหตุอะไรขึ้น เรามีต้นทุนความคิด และ ฝีมือที่ฝึกมาแล้ว ปรับสูตรกันมาเรื่อยๆ
ก็เปิดครัวลองทำอีกครั้ง....ได้ทำเงินเล็กๆ น้อยๆ เป็นค่าขนมพิเศษ หรือ ค่าไฟ ก็ยังดี
มีใครได้ข้อคิดจากภาวะนี้บ้างมั้ยคะแชร์กันหน่อย
เมื่อโควิดมาแล้วเราต้องค้นหาทักษะของตัวเองเพิ่ม ใครทำอะไรกันบ้าง ?
วันก่อนถามพ่อ หนุ่มใหญ่วัย 74 ปี ว่า ตั้งแต่เกิดมาเคยเห็นห้างปิด ร้านปิดหมดแบบนี้มาก่อนมั้ย ทั่วโลก ทั่วประเทศขนาดนี้
พ่ออมยิ้มแล้วบอกเราว่าโชคดีนะที่ได้เจอ คงหมายถึง เราสินะที่โชคดี ด้วยวัย34 ปี ได้เจอภาวะแบบนี้ บอกเลยว่า...เหมือนโดนเตือนครั้งใหญ่
สมัยพ่อเจอหนักสุดคือ ปี 40 ต้มยำกุ้ง แต่ด้วยพ่อเป็นคนทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้กู้ธนาคารมาทำเลย มีเงินสดค่อยๆ ทำไป ขายไป พอเจอ
วิกฤตครั้งนั้นก็เลยไม่เครียด เพราะไม่มีดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารมากดดัน พอถึงยุคนี้พอก็ใช้ชีวิตวัยเกษียณอย่างสบายใจเหมือนเดิม เพราะไม่ต้องเช่า
บ้าน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถใดๆ และพ่อเป็นคนใช้ชีวิตสมถะมาก...ไม่กินหรู ไม่ช้อปปิ้ง ความสุขของพ่อไม่ยาก แค่ได้เที่ยวบ้าง กินข้าวพร้อมหน้านอกบ้าน
บ้างในมื้อพิเศษๆ พอ .....เห็นพ่อแล้วก็เข้าใจล่ะว่าทำไมถึงไม่เครียดเลย
สำหรับเราเอง เจอยุคโควิด....ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเงินเดือนยังเท่าเดิม แต่ WFH เอา แต่ทำให้ต้องคิดมากๆ ว่าถ้าเราเจอผลกระทบเรา
จะทำยังไง เพราะไม่ได้มีเงินฉุกเฉินสำรองหกเดือน เหมือนที่กูรูการเงินหลายๆ คนแนะนำหรอก มีเป็นทรัพย์สินมากกว่า
เลยคุยกับแฟน แฟนทำงานเปิดบริษัทเอง ก็เรียกว่ากระทบตรงๆ งานน้อยลง แต่เลี้ยงลูกน้องเหมือนเดิม ยังพยุงเค้าอยู่ เพราะเรายังไหว
สิ่งที่เคยลองทำขายสมัย 2 ปีก่อน ก็เลยถูกขุดขึ้นมาลองขาย ลองทำในยุคโควิดอีกครั้ง นั่นคือ หมูจ้อ สูตรของตระกูลแฟน
เป็นสิ่งที่เราเคยคิดว่า ลองทำขายกันขายได้มั้ย พอมาวันนี้เราเปิดรัยออรฺเดอร์อีกครั้ง ก็ยังขายได้ ก็ทำให้รู้ว่า บางทีที่เราได้ลองทำโน่นนั่นนี่เยอะๆ
อาจจะยังไม่ได้ทำจนเป็นอาชีพประจำ แต่อย่างน้อยทำให้เรารู้ว่า หากเกิดเหตุอะไรขึ้น เรามีต้นทุนความคิด และ ฝีมือที่ฝึกมาแล้ว ปรับสูตรกันมาเรื่อยๆ
ก็เปิดครัวลองทำอีกครั้ง....ได้ทำเงินเล็กๆ น้อยๆ เป็นค่าขนมพิเศษ หรือ ค่าไฟ ก็ยังดี
มีใครได้ข้อคิดจากภาวะนี้บ้างมั้ยคะแชร์กันหน่อย