หลังจากที่ทางเราได้ไปร่วมงาน AMD ที่ อเมริกานั้นถือว่าเป็นครั้งแรกที่เราได้สัมผัสเจ้า ROG G14 ซึ่งในตอนนั้นเองจะอยู่ในสเปคที่ยังไม่ได้เป็นตัวผลิตจริงครับแต่ก็ได้ลองสัมผัสได้ลองเล่นเกมไปถือว่าทำได้ดีมากๆในเรื่องของประสิทธิภาพความลื่นไหลแต่ต้องบอกก่อนว่าในตอนนั้นเราไม่สามารถดูการใช้งาน CPU หรือความร้อนอะไรได้เต็มที่เท่าไรนักก็แอบเสียดายพอสมควรเพราะต้องมารอเครื่องจริงกันอีกที และในวันนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้วครับเราได้เครื่อง ROG G14 ส่งตรงจาก USA มาที่ไทยแต่ต้องแจ้งกันก่อนเลยว่า สเปคที่รีวิวนั้น ยังไม่ใช่สเปคที่จะเอามาขายไทยแบบเป๊ะๆครับอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรนิดหน่อยแต่ทางด้าน CPU นั้นคงไม่พลาดใช้งานตัวนี้แน่นอนครับสำหรับ Ryzen 9 4900HS ตัวแรงพร้อมกับ RTX 2060 MAX-Q ตัวเทพของค่ายอีกด้วยใน ROG Zephyrus G14 รุ่นนี้ แน่นอนว่ารุ่นที่เข้าไทยอาจจะได้จอตัว 14 นิ้วแบบที่รีวิวเข้ามาเพื่อเพิ่มความพกพาอะไรที่สะดวกขึ้นครับ
ROG ZEPHYRUS G14 นั้นแจ้งอีกครั้งกันเข้าใจผิด ตัวที่รีวิวยังไม่ใช่ตัวที่ขายไทยนะครับในหลายๆออฟชั่นหรือสเปค แต่สามารถอิงดีไซน์ CPU อะไรคร่าวๆได้รวมถึงการระบายความร้อนพวกนี้ครับ ในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ CPU Ryzen 9 4900HS ตัวใหม่ล่าสุดกับสถาปัตยกรรม 7nm พร้อมกับ GPU Nvidia RTX 2060 MAX-Q 6GB DDR6 และในเรื่องของ RAM มาพร้อมกับ 16GB DDR4 3200 นะครับเป็นแบบ 8 Onboard และ ใส่มาอีก 8 ส่วนทางด้านความจุนั้นมาพร้อมกับ Intel 660p 1TB NVMe และส่วนของหน้าจอนั้นให้มา 14 นิ้ว IPS FHD 120HZ 1 100% sRGB, Pantone® Validated, adaptive sync และให้หน้าจอแบบด้านมาครับ ในรุ่นที่เรารีวิวน่าเสียดายว่าไม่มี Anime Matrix ในส่วนของด้านหลังที่เป็นลูกเล่นนะครับ ส่วนทางด้านน้ำหนักให้มาที่ 1.6 KG ถือว่าพกพาได้ง่ายและบางเบาเอาเรื่อง ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อให้มาครบพอสมควรครับ เป็น USB 3.2 ทั้งหมดทั้ง USB-C และ USB-A รองรับ PD ด้วยนะครับในส่วนของ USB-C และลำโพงให้มา 4 ตัวจัดเต็มเสียงดีมากก รองรับ Dolby Atmos technology เป็นลำโพงหลัก 2 ตัว และ ลำโพง ทวีตเตอร์ 2 ตัวด้านบน
ROG ZEPHYRUS G14 มาพรอมกับ RYZEN 9 4900HS + RTX 2060 MAX-Q RAM 16GB + 1TB SSD และหน้าจอ 120Hz ครับ แต่เข้าไทยอาจจะมีเปลี่ยนสเปค จอหรืออื่นๆก็รอติตตามกันอีกทีครับ และอาจจะมี Anime Matrix เข้ามาด้วยก็ได้ และอาจจะเป็นสเปคแบบนี้เลยก็เป็นไปได้เช่นกันครับ
UNBOX
ตัวกล่องนั้นออกแบบมาแตกต่างกันพอสมควรเลยกับรุ่นก่อนๆคือเห็นกล่องแล้วบอกเลยว่าสวยมากครับ มันยังคงเอกลักษณ์ลายตัดขวางของ ROG ไว้อยู่แต่ครั้งนี้มีการเล่นสี ขาวดำ และมีลายกราฟิกแทรกเข้ามาครับก็ถือว่าแปลกใหม่ดี เป็นลายของฝาหลังและ Anime Matrix นั้นเองแต่น่าเสียดายตัวที่เรารีวิวไม่ได้ใส่เข้ามาครับ ส่วนอุปกรณ์ในกล่องก็ให้มาเหมือนๆกับเดิมคือ ตัวเครื่อง ADAPTOR 180W แบบเดียวกับรุ่น G15 และ คู่มือต่างๆครับ
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงเยอะพอสมควรครับและดีไซน์ลงตัวสวยงามมากขึ้นมีความทันสมัยและเรียบง่ายขึ้น โลโก้มีการเปลี่ยนมาเป็นแค่มุมซ้ายพร้อมกับแถบโครเมี่ยมรวมถึงเขียนชื่อเต็มของยี่ห้อและ Since มาให้เรียบร้อย ส่วนฝาหลังนั้น จะเป็นแบบแบ่งครึ่งเช่นกันวัสดุสีขาวด้านแต่รักษาง่ายมากพร้อมกับตระแกรงเป็นรูๆ ซึ่งในรุ่นนี้จะไม่มีไฟข้างหลังแต่มันเป็นฟีเจอร์ที่ต้องรอดูว่าตัวขายไทยนั้นจะใส่มาให้ไหมครับ ส่วนทางด้านขนาดและน้ำหนักบอกเลยว่าเป็นรุ่นที่ พกพาได้ง่าย บางเบา สเปคแรงและตัวเครื่องเล็กมากๆเท่าๆกับพวก 13 นิ้วได้เลยทำให้มันพกพาไปไหนมาไหนได้ทุกวันแบบสบายๆ และสามารถทำงานได้แบบเต็มที่ เต็มประสิทธิภาพอีกด้วยครับในรุ่นนี้
งานออกแบบในภาพรวมนั้นต้องบอกว่าน่าสนใจตั้งแต่มันเปิดตัวแล้วก็ว่าได้ทั้งการใช้งานวัสดุ ความบางเบาการพกพาอะไรที่ง่ายขึ้น และยังได้ ความทนทานระดับ Military Grade ต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น อะไรพวกนี้นะครับถือว่าสบายๆในเรื่องวัสดุใช้งานวัสดุดีสวยงามขึ้นรูปชิ้นเดียวเช่นเดิมรอยต่อน้อยครับและป้องกันรอยนิ้วมือได้ดี ตัวเครื่องสีขาว ฝาข้างในจะเป็นสีเงินและปุ่มคียบอร์ดสีเงินไฟขาว นะครับ เปลี่ยนสีไฟไม่ได้นะ ส่วนขอบหน้าจอบางมากๆแต่จะไม่มีกล้องหน้ามาให้อีกแล้วนะครับเป็นปกติของตระกูลนี้ไปแล้วนั้นเอง และขอบรอบหน้าจอเป็นสีดำ
ฝาหลังขอเน้นๆหน่อยในรุ่นนี้ต้องบอกว่าอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่อีกครั้งของค่ายในการใช้ฝาหลังแบนี้วัสดุพลาสติก ขาวด้านสวยงามพร้อมกับโลโก้มุมซ้ายล่างที่มีเขียน EST 2006 มาด้วยครับเน้นความเรียบง่ายทันสมัยขึ้น ฝาหลังจะแบ่งเป็น 2 โซนคือส่วนทึบและแบบมีการเจาะรูครับ แน่นอนว่าการเจาะรูคือมันไว้สำหรับแสดงผลตัวไฟ Anime Matrix ด้วยแต่ในรุ่นนี้ไม่มีมาให้นะครับเลยเป็นการเจาะรูเฉยๆให้มีลูกเล่นของฝาหลังแน่นอนว่ามันดูดีและสวยงามกว่าแบบเดิมเยอะมากครับถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของทางค่ายนี้ในตระกูล Zephyrus G
ส่วนของฐานนั้นเราจะเห็นส่วนระบายความร้อนเยอะพอสมควรครับ และในรุ่นนี้นอกจากฐานแล้วก็มีพัดลม 2 ตัวและยิงออก ด้านหลังและด้านข้างด้วยเช่นกันครับสำหรับระบายจัดเต็มมากและดูดลมเข้าจากด้านล่าง ในตัวนี้มียางรอง 4 จุดและตัวเครื่องมี Ergo Lift สำหรับยกตัวเครื่องขึ้นเพื่อระบายความร้อยที่ดีขึ้นด้วย ส่วนทางด้านลำโพงจะอยู่ซ้ายขวาตรงล่างของภาพ และ มีลำโพงในส่วนของด้านบนอีกด้วยครับเป็นทั้งหมด 4 ตัวเลย และ เมื่อแกะฝาหลังมาแล้วจะเห็น Heat Pipe เยอะมากทั้ง 5 เส้นแน่นๆและมาพร้อมกับพัดลมแบบใหม่ 2 ตัวพร้อมระบบดักฝุ่น รวมถึง มีช่องใส่ SSD – RAM มาให้อย่างละ 1 ซึ่งใส่มาให้แล้วนั้นเองครับ ส่วน RAM จะเป็น Onboard 8GB และ ใส่มาให้อีก 8 ครับเพิ่มสูงสุดน่าจะได้ 24GB โดยประมาณในรุ่นนี้นะ ส่วนลำโพงการจัดวางอะไรเป็นระเบียบและแข็งแรงมาก
ในช่องระบายด้านหลังนั้นยังคงเป็นเอกลักษณ์เหมือนเดิมเลยมีเว้าเข้าไปพร้อมโชว์ตัวช่องระบายลมและมีเขียนชื่อรุ่นไว้ครับ แน่นอนว่าไฟสถานะนั้นจะเห็นเมื่อเปิดฝาออกมาแล้วจะแตกต่างกับรุ่นก่อนๆที่จะเว้าไปเยอะกว่านี้ ส่วนช่องระบายนั้นทำมุมเอียงขึ้นและลงทำให้สามารถยิงลมออกมาเป็นแบบ 2 ทิศบนล่างได้ ไม่ได้ยิงแค่ตรงๆแบบในรุ่นก่อน
ส่วนของ ERGO LIFT นั้นจะเห็นว่าใส่มาให้ในสายเกมมิ่งนอกจากจะทำให้ในการใช้งานสะดวกแล้วยังช่วยอย่างมากในการเพิ่ม Airflow ของตัวเครื่องทำให้ลมเข้าจากข้างล่างและดูดออกไปในด้านบนได้และทำให้เครื่องไม่ร้อนและระบายได้ดียกขึ้นมาได้เยอะแน่นอนว่าตรงส่วนที่ยกนั้นเป็นแถว การ์ดจอ และ CPU ด้วยนั้นเองครับถือว่าช่วยได้ ทางด้านคียบอร์ดนั้นเป็นปุ่มสีเงินแบบเดียวกับตัวเครื่องพร้อมกับไฟสีขาว ทางด้านปุ่มเปิดปิดมาในทรงใหม่ ซึ่งบางรุ่นจะมีการใส่สแกนนิ้วมาให้ด้วยครับ แต่เท่าที่ลองในตัวรีวิวนั้นจะไม่ได้ใส่ฟีเจอร์นี้เข้ามานะครับ
ทางด้านขอบหน้าจอนั้นทำได้ค่อนข้างบางมากๆและแลกมาด้วยความบางทำให้มันไม่มีกล้องมาให้นะครับส่วนความบางนั้นจะใกล้กับตัว G15 แต่ตัวนั้นขอบด้านบนจะบางกว่านิดหน่อยในเรื่องของการใช้งานทั่วไปอาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากครับถ้าไม่ได้เอามาเทียบกัน ส่วนขอบเป็นพลาสติกสีดำพร้อมยางรองมาให้รอเครื่องตามขอบหน้าจอทั้งหมดเลย ทางด้านในส่วนที่วางมือนั้นเป็นวัสดุด้านพร้อมกับป้องกันรอยนิ้วมือรวมถึงมีลำโพงให้เสียงแหลม ทวีตเตอร์มาให้ทั้ง 2 ข้างถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่เสียงดีอันดับต้นๆในตอนนี้เลยครับและมิติเสียง ความดังดีมาก มีลำโพงหลักในด้านล่างอีกนะ และรองรับระบบเสียง ATMOS ด้วยครับบอกเลยว่าเรื่องเสียงค่ายนี้เค้าเน้นเอาเรื่อง
SPEC ( ยังไม่ใช่ตัวขายในไทย ) GA401IV
- Windows 10 Home
- AMD Ryzen™ 9 4900HS
- NVIDIA® GeForce RTX™ 2060
6GB GDDR6 VRAM (Boost Clock: 1298MHz, 65W)
- 16GB DDR4 3200MHz SDRAM
- 1 TBM.2 NVMe PCIe 3.0
- 14-inch Non-glare Full HD (1920 x 1080) IPS-level panel, 120Hz, 100% sRGB, Pantone® Validated, adaptive sync
- Backlit chicklet keyboard
2 x 2.5W speakers with Smart AMP technology
2 x 0.7W tweeter, Array Microphones
With Dolby Atmos technology
- 1 x USB 3.2 Gen 2 Type-C with DisplayPort™ 1.4 and Power Delivery
1 x USB 3.2 Gen 2 Type-C
2 x USB 3.2 Gen 1 Type-A
1 x HDMI 2.0b
1 x 3.5mm headphone and microphone combo jack
1 x Kensington lock
- 180W power adaptor
Support Type-C PD 3.0 up to 65W
- Intel® Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax)
Bluetooth 5.0
- Regular: 1.6kg
PERFORMANCE
ในรุ่นนี้ใช้งาน CPU 7nm ตัวเทพสุดของค่ายคือตระกูล 9 AMD Ryzen 4000 Series รุ่นแรกๆของโลกและมากับเจ้า AMD Ryzen ต 4900HS ขนาด 7nm 3.0-4.4 GHz 8 Core/16 Thread L3 Cache 12MB TDP 35W แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีการผลิตอะไรทั้งหลายทำให้มันทำได้ดีมากๆในส่วนนี้และมากกว่าตัว 7 4800HS ถึง 200GHz และ ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q มาพร้อมกับ 6GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 3200 แต่จะแยกเป็น 8GB OnBoard อัพไม่ได้ และ อีก 1ช่องสำหรับอัพเกรดทำให้มันรองรับได้ 24GB สูงสุดนั้นเองครับ ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อย 1 ช่องเท่านั้นและมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งานครับในรุ่นนี้
[SR] รีวิว ROG Zephyrus G14 พร้อม Ryzen 9 4900HS + RTX 2060 MAX-Q !
หลังจากที่ทางเราได้ไปร่วมงาน AMD ที่ อเมริกานั้นถือว่าเป็นครั้งแรกที่เราได้สัมผัสเจ้า ROG G14 ซึ่งในตอนนั้นเองจะอยู่ในสเปคที่ยังไม่ได้เป็นตัวผลิตจริงครับแต่ก็ได้ลองสัมผัสได้ลองเล่นเกมไปถือว่าทำได้ดีมากๆในเรื่องของประสิทธิภาพความลื่นไหลแต่ต้องบอกก่อนว่าในตอนนั้นเราไม่สามารถดูการใช้งาน CPU หรือความร้อนอะไรได้เต็มที่เท่าไรนักก็แอบเสียดายพอสมควรเพราะต้องมารอเครื่องจริงกันอีกที และในวันนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้วครับเราได้เครื่อง ROG G14 ส่งตรงจาก USA มาที่ไทยแต่ต้องแจ้งกันก่อนเลยว่า สเปคที่รีวิวนั้น ยังไม่ใช่สเปคที่จะเอามาขายไทยแบบเป๊ะๆครับอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรนิดหน่อยแต่ทางด้าน CPU นั้นคงไม่พลาดใช้งานตัวนี้แน่นอนครับสำหรับ Ryzen 9 4900HS ตัวแรงพร้อมกับ RTX 2060 MAX-Q ตัวเทพของค่ายอีกด้วยใน ROG Zephyrus G14 รุ่นนี้ แน่นอนว่ารุ่นที่เข้าไทยอาจจะได้จอตัว 14 นิ้วแบบที่รีวิวเข้ามาเพื่อเพิ่มความพกพาอะไรที่สะดวกขึ้นครับ
ROG ZEPHYRUS G14 นั้นแจ้งอีกครั้งกันเข้าใจผิด ตัวที่รีวิวยังไม่ใช่ตัวที่ขายไทยนะครับในหลายๆออฟชั่นหรือสเปค แต่สามารถอิงดีไซน์ CPU อะไรคร่าวๆได้รวมถึงการระบายความร้อนพวกนี้ครับ ในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ CPU Ryzen 9 4900HS ตัวใหม่ล่าสุดกับสถาปัตยกรรม 7nm พร้อมกับ GPU Nvidia RTX 2060 MAX-Q 6GB DDR6 และในเรื่องของ RAM มาพร้อมกับ 16GB DDR4 3200 นะครับเป็นแบบ 8 Onboard และ ใส่มาอีก 8 ส่วนทางด้านความจุนั้นมาพร้อมกับ Intel 660p 1TB NVMe และส่วนของหน้าจอนั้นให้มา 14 นิ้ว IPS FHD 120HZ 1 100% sRGB, Pantone® Validated, adaptive sync และให้หน้าจอแบบด้านมาครับ ในรุ่นที่เรารีวิวน่าเสียดายว่าไม่มี Anime Matrix ในส่วนของด้านหลังที่เป็นลูกเล่นนะครับ ส่วนทางด้านน้ำหนักให้มาที่ 1.6 KG ถือว่าพกพาได้ง่ายและบางเบาเอาเรื่อง ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อให้มาครบพอสมควรครับ เป็น USB 3.2 ทั้งหมดทั้ง USB-C และ USB-A รองรับ PD ด้วยนะครับในส่วนของ USB-C และลำโพงให้มา 4 ตัวจัดเต็มเสียงดีมากก รองรับ Dolby Atmos technology เป็นลำโพงหลัก 2 ตัว และ ลำโพง ทวีตเตอร์ 2 ตัวด้านบน
ROG ZEPHYRUS G14 มาพรอมกับ RYZEN 9 4900HS + RTX 2060 MAX-Q RAM 16GB + 1TB SSD และหน้าจอ 120Hz ครับ แต่เข้าไทยอาจจะมีเปลี่ยนสเปค จอหรืออื่นๆก็รอติตตามกันอีกทีครับ และอาจจะมี Anime Matrix เข้ามาด้วยก็ได้ และอาจจะเป็นสเปคแบบนี้เลยก็เป็นไปได้เช่นกันครับ
UNBOX
ตัวกล่องนั้นออกแบบมาแตกต่างกันพอสมควรเลยกับรุ่นก่อนๆคือเห็นกล่องแล้วบอกเลยว่าสวยมากครับ มันยังคงเอกลักษณ์ลายตัดขวางของ ROG ไว้อยู่แต่ครั้งนี้มีการเล่นสี ขาวดำ และมีลายกราฟิกแทรกเข้ามาครับก็ถือว่าแปลกใหม่ดี เป็นลายของฝาหลังและ Anime Matrix นั้นเองแต่น่าเสียดายตัวที่เรารีวิวไม่ได้ใส่เข้ามาครับ ส่วนอุปกรณ์ในกล่องก็ให้มาเหมือนๆกับเดิมคือ ตัวเครื่อง ADAPTOR 180W แบบเดียวกับรุ่น G15 และ คู่มือต่างๆครับ
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงเยอะพอสมควรครับและดีไซน์ลงตัวสวยงามมากขึ้นมีความทันสมัยและเรียบง่ายขึ้น โลโก้มีการเปลี่ยนมาเป็นแค่มุมซ้ายพร้อมกับแถบโครเมี่ยมรวมถึงเขียนชื่อเต็มของยี่ห้อและ Since มาให้เรียบร้อย ส่วนฝาหลังนั้น จะเป็นแบบแบ่งครึ่งเช่นกันวัสดุสีขาวด้านแต่รักษาง่ายมากพร้อมกับตระแกรงเป็นรูๆ ซึ่งในรุ่นนี้จะไม่มีไฟข้างหลังแต่มันเป็นฟีเจอร์ที่ต้องรอดูว่าตัวขายไทยนั้นจะใส่มาให้ไหมครับ ส่วนทางด้านขนาดและน้ำหนักบอกเลยว่าเป็นรุ่นที่ พกพาได้ง่าย บางเบา สเปคแรงและตัวเครื่องเล็กมากๆเท่าๆกับพวก 13 นิ้วได้เลยทำให้มันพกพาไปไหนมาไหนได้ทุกวันแบบสบายๆ และสามารถทำงานได้แบบเต็มที่ เต็มประสิทธิภาพอีกด้วยครับในรุ่นนี้
งานออกแบบในภาพรวมนั้นต้องบอกว่าน่าสนใจตั้งแต่มันเปิดตัวแล้วก็ว่าได้ทั้งการใช้งานวัสดุ ความบางเบาการพกพาอะไรที่ง่ายขึ้น และยังได้ ความทนทานระดับ Military Grade ต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น อะไรพวกนี้นะครับถือว่าสบายๆในเรื่องวัสดุใช้งานวัสดุดีสวยงามขึ้นรูปชิ้นเดียวเช่นเดิมรอยต่อน้อยครับและป้องกันรอยนิ้วมือได้ดี ตัวเครื่องสีขาว ฝาข้างในจะเป็นสีเงินและปุ่มคียบอร์ดสีเงินไฟขาว นะครับ เปลี่ยนสีไฟไม่ได้นะ ส่วนขอบหน้าจอบางมากๆแต่จะไม่มีกล้องหน้ามาให้อีกแล้วนะครับเป็นปกติของตระกูลนี้ไปแล้วนั้นเอง และขอบรอบหน้าจอเป็นสีดำ
ฝาหลังขอเน้นๆหน่อยในรุ่นนี้ต้องบอกว่าอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่อีกครั้งของค่ายในการใช้ฝาหลังแบนี้วัสดุพลาสติก ขาวด้านสวยงามพร้อมกับโลโก้มุมซ้ายล่างที่มีเขียน EST 2006 มาด้วยครับเน้นความเรียบง่ายทันสมัยขึ้น ฝาหลังจะแบ่งเป็น 2 โซนคือส่วนทึบและแบบมีการเจาะรูครับ แน่นอนว่าการเจาะรูคือมันไว้สำหรับแสดงผลตัวไฟ Anime Matrix ด้วยแต่ในรุ่นนี้ไม่มีมาให้นะครับเลยเป็นการเจาะรูเฉยๆให้มีลูกเล่นของฝาหลังแน่นอนว่ามันดูดีและสวยงามกว่าแบบเดิมเยอะมากครับถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของทางค่ายนี้ในตระกูล Zephyrus G
ส่วนของฐานนั้นเราจะเห็นส่วนระบายความร้อนเยอะพอสมควรครับ และในรุ่นนี้นอกจากฐานแล้วก็มีพัดลม 2 ตัวและยิงออก ด้านหลังและด้านข้างด้วยเช่นกันครับสำหรับระบายจัดเต็มมากและดูดลมเข้าจากด้านล่าง ในตัวนี้มียางรอง 4 จุดและตัวเครื่องมี Ergo Lift สำหรับยกตัวเครื่องขึ้นเพื่อระบายความร้อยที่ดีขึ้นด้วย ส่วนทางด้านลำโพงจะอยู่ซ้ายขวาตรงล่างของภาพ และ มีลำโพงในส่วนของด้านบนอีกด้วยครับเป็นทั้งหมด 4 ตัวเลย และ เมื่อแกะฝาหลังมาแล้วจะเห็น Heat Pipe เยอะมากทั้ง 5 เส้นแน่นๆและมาพร้อมกับพัดลมแบบใหม่ 2 ตัวพร้อมระบบดักฝุ่น รวมถึง มีช่องใส่ SSD – RAM มาให้อย่างละ 1 ซึ่งใส่มาให้แล้วนั้นเองครับ ส่วน RAM จะเป็น Onboard 8GB และ ใส่มาให้อีก 8 ครับเพิ่มสูงสุดน่าจะได้ 24GB โดยประมาณในรุ่นนี้นะ ส่วนลำโพงการจัดวางอะไรเป็นระเบียบและแข็งแรงมาก
ในช่องระบายด้านหลังนั้นยังคงเป็นเอกลักษณ์เหมือนเดิมเลยมีเว้าเข้าไปพร้อมโชว์ตัวช่องระบายลมและมีเขียนชื่อรุ่นไว้ครับ แน่นอนว่าไฟสถานะนั้นจะเห็นเมื่อเปิดฝาออกมาแล้วจะแตกต่างกับรุ่นก่อนๆที่จะเว้าไปเยอะกว่านี้ ส่วนช่องระบายนั้นทำมุมเอียงขึ้นและลงทำให้สามารถยิงลมออกมาเป็นแบบ 2 ทิศบนล่างได้ ไม่ได้ยิงแค่ตรงๆแบบในรุ่นก่อน
ส่วนของ ERGO LIFT นั้นจะเห็นว่าใส่มาให้ในสายเกมมิ่งนอกจากจะทำให้ในการใช้งานสะดวกแล้วยังช่วยอย่างมากในการเพิ่ม Airflow ของตัวเครื่องทำให้ลมเข้าจากข้างล่างและดูดออกไปในด้านบนได้และทำให้เครื่องไม่ร้อนและระบายได้ดียกขึ้นมาได้เยอะแน่นอนว่าตรงส่วนที่ยกนั้นเป็นแถว การ์ดจอ และ CPU ด้วยนั้นเองครับถือว่าช่วยได้ ทางด้านคียบอร์ดนั้นเป็นปุ่มสีเงินแบบเดียวกับตัวเครื่องพร้อมกับไฟสีขาว ทางด้านปุ่มเปิดปิดมาในทรงใหม่ ซึ่งบางรุ่นจะมีการใส่สแกนนิ้วมาให้ด้วยครับ แต่เท่าที่ลองในตัวรีวิวนั้นจะไม่ได้ใส่ฟีเจอร์นี้เข้ามานะครับ
ทางด้านขอบหน้าจอนั้นทำได้ค่อนข้างบางมากๆและแลกมาด้วยความบางทำให้มันไม่มีกล้องมาให้นะครับส่วนความบางนั้นจะใกล้กับตัว G15 แต่ตัวนั้นขอบด้านบนจะบางกว่านิดหน่อยในเรื่องของการใช้งานทั่วไปอาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากครับถ้าไม่ได้เอามาเทียบกัน ส่วนขอบเป็นพลาสติกสีดำพร้อมยางรองมาให้รอเครื่องตามขอบหน้าจอทั้งหมดเลย ทางด้านในส่วนที่วางมือนั้นเป็นวัสดุด้านพร้อมกับป้องกันรอยนิ้วมือรวมถึงมีลำโพงให้เสียงแหลม ทวีตเตอร์มาให้ทั้ง 2 ข้างถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่เสียงดีอันดับต้นๆในตอนนี้เลยครับและมิติเสียง ความดังดีมาก มีลำโพงหลักในด้านล่างอีกนะ และรองรับระบบเสียง ATMOS ด้วยครับบอกเลยว่าเรื่องเสียงค่ายนี้เค้าเน้นเอาเรื่อง
SPEC ( ยังไม่ใช่ตัวขายในไทย ) GA401IV
- Windows 10 Home
- AMD Ryzen™ 9 4900HS
- NVIDIA® GeForce RTX™ 2060
6GB GDDR6 VRAM (Boost Clock: 1298MHz, 65W)
- 16GB DDR4 3200MHz SDRAM
- 1 TBM.2 NVMe PCIe 3.0
- 14-inch Non-glare Full HD (1920 x 1080) IPS-level panel, 120Hz, 100% sRGB, Pantone® Validated, adaptive sync
- Backlit chicklet keyboard
2 x 2.5W speakers with Smart AMP technology
2 x 0.7W tweeter, Array Microphones
With Dolby Atmos technology
- 1 x USB 3.2 Gen 2 Type-C with DisplayPort™ 1.4 and Power Delivery
1 x USB 3.2 Gen 2 Type-C
2 x USB 3.2 Gen 1 Type-A
1 x HDMI 2.0b
1 x 3.5mm headphone and microphone combo jack
1 x Kensington lock
- 180W power adaptor
Support Type-C PD 3.0 up to 65W
- Intel® Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax)
Bluetooth 5.0
- Regular: 1.6kg
PERFORMANCE
ในรุ่นนี้ใช้งาน CPU 7nm ตัวเทพสุดของค่ายคือตระกูล 9 AMD Ryzen 4000 Series รุ่นแรกๆของโลกและมากับเจ้า AMD Ryzen ต 4900HS ขนาด 7nm 3.0-4.4 GHz 8 Core/16 Thread L3 Cache 12MB TDP 35W แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีการผลิตอะไรทั้งหลายทำให้มันทำได้ดีมากๆในส่วนนี้และมากกว่าตัว 7 4800HS ถึง 200GHz และ ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2060 Max-Q มาพร้อมกับ 6GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 3200 แต่จะแยกเป็น 8GB OnBoard อัพไม่ได้ และ อีก 1ช่องสำหรับอัพเกรดทำให้มันรองรับได้ 24GB สูงสุดนั้นเองครับ ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อย 1 ช่องเท่านั้นและมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งานครับในรุ่นนี้
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้