
รอยดำจากสิว (post inflammatory hyperpigmentation/ PIH)
เกิดจาก
- มีการอักเสบในบริเวณที่เป็นสิว ทั้งชนิดสิวตุ่มแดง สิวหัวหนอง (inflammatory papule and pustule), สิวชนิดที่เป็นก้อนนูน (Nodule) ซีสต์ (Nodulocystic) หรือสิวหัวช้าง (Acne conglobata) ซึ่งการอักเสบ
จะทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของเมลานิน ทำให้ผิวตรงจุดนั้นมีสีคล้ำขึ้น ตั้งแต่น้ำตาลไปจนถึงสีดำ
(Excess melanin production or an abnormal distribution of melanin pigment deposited in skin produces visible PIH)
- การแกะ กด บีบ สิว ซึ่งทำให้ผิวรอบๆอักเสบเช่นเดียวกัน (Mechanical insults to skin such as excoriation can exacerbate PIH)
ซึ่งถ้าเทียบกับรอยแดงที่เกิดจากสิว (PAE, PIE)
รอยดำถึงว่ารักษาได้ง่ายกว่า เพราะ มีเฉพาะการอักเสบ แต่ไม่มีการเพิ่มขึ้นของเส้นเลือดเล็กๆ ซึ่งมีในรอยแดง
(Increase inflammatory cytokine but no angiogenesis/neovascularization)
จริงๆแล้ว รอยดำสามารถจางหายไปเองได้แต่ต้องใช้เวลานาน หลายเดือน ไปจนถึงหลายปี
(While PIH can resolve spontaneously, it is often long-lasting)
ถ้าหากไม่ได้กังวลเรื่องความสวยงาม ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาค่ะ รอหายเองได้
ความรุนแรงของรอยดำ (PIH) และความยากง่ายของการรักษา
ขึ้นกับ
1. ระดับความรุนแรงของการอักเสบ
สิวยิ่งอักเสบมากและนาน ยิ่งทิ้งรอยเยอะและอยู่นาน
2. สีผิวเดิมของคนไข้
ถ้าผิวคล้ำโอกาสที่รอยดำจะเข้มและอยู่นาน จะมีมากกว่าคนผิวขาว
3. การโดนแสงแดด
ยิ่งโดนแดดมากหรือโดนต่อเนื่อง รอยดำยิ่งอยู่นานขึ้น
4. การแกะสิว
ทำให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำ (repeated trauma) ยิ่งทำให้รอยสิวอยู่นาน
5. การซ่อมแซมผิวของแต่ละคนต่างกันและ ยังขึ้นกับ อายุด้วย
อายุน้อย หายเร็วกว่าอายุมาก คนผิวแข็งแรง หายเร็วกว่าคนผิวอ่อนแอ
💛♥️ ดังนั้นหัวใจสำคัญของการจัดการรอยดำ 💛❤️
คือ ต้องลดการอักเสบของสิวหรือผิวตรงนั้นให้เร็วและมากที่สุด
ซึ่งคือการรักษาสิวอย่างถูกวิธีและรีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆค่ะ
(อย่าโฟกัสแต่รอยสิว จนลืมรักษาสิวที่มีอยู่ และยังปล่อยให้สิวใหม่ขึ้นมาอีก
เพราะจะทำให้รักษาไม่จบ วนไปวนมา)
วิธีรักษารอยดำและรักษาสิวควรทำไปพร้อมกันๆ 📣📣
หมอยุ้ยจะพูดถึงเฉพาะ การทายาที่คนไข้สามารถหาซื้อได้เองเท่านั้นนะคะ
1. Topical retinoid เช่น Retin-A
สามารถรักษาสิวและรอยดำจากสิวได้
แต่ห้ามใช้ในคนท้องหรือให้นมลูก (Pregnancy CAT C)
วิธีทา ทาวันละ 1 ครั้งก่อนนอน ช่วงเริ่มแรกทาคืนเว้นคืนก่อน
📚 กลไกที่ช่วยลดรอยดำ
- improve pigmentation by inhibiting melanosome transfer to keratinocytes
- increasing epidermal turnover and lessening pigmentation
2. 20% Azeleic acid หรือ Skinoren
สามารถรักษาสิวและรอยดำสิวได้เช่นกัน
ตัวนี้คนท้องสามารถใช้ได้ (Pregnancy CAT B)
วิธีทา ทาวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น
📚 กลไกที่ช่วยลดรอยดำ
- selectively influences hyperactive and abnormal melanocytes
- prevents tyrosine-tyrosinase binding
ส่วนวิธีอื่นๆ ที่ควรทำคู่กันด้วย คือ
1. รักษาสิว เพื่อควบคุมให้เกิดการอักเสบน้อยที่สุด อันนี้สำคัญมากกกกก
2. หลีกเลี่ยงแสงแดดและทากันแดดสม่ำเสมอ (sun avoidance with sun protection) อันนี้สำคัญเหมือนกัน แต่หลายคนอาจจะมองข้ามเรื่องนี้
3. หลีกเลี่ยงการขัดหรือสครับผิว เพราะทำให้ผิวบาดเจ็บมากขึ้น กระตุ้นรอยดำได้
4. สามารถใช้ skin care ที่ผสมสารไวท์เทนนิ่งได้ แต่ควรเลือกชนิดที่ไม่ทำให้เกิดสิวเพิ่ม (Non comedogenic)
นอกจากนี้สารต่างๆใน skin care มักมีความเข้มข้นน้อยเมื่อเทียบกับยา
ดังนั้น จะเห็นผลช้ากว่าการทายาอย่างถูกต้อง ถ้าใช้แล้วขาวเร็วมากเกินไป
ให้ระวังอาจมีสารต้องห้ามที่เป็นอันตราย ควรหยุดใช้
5. การทำ chemical peeling (ผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดผลไม้), เลเซอร์,
การทำทรีทเมนต์ช่วยผลัดเซลล์ผิว สามารถใช้เป็นการรักษาเสริมได้
แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ
ย้อนอ่านบทความทั้งหมดในเพจ กดดูได้ที่
https://www.facebook.com/107616793972679/posts/136799954387696/
หมอยุ้ย เพจ Dr.Yui คุยทุกเรื่องผิว
วิธีที่ช่วยให้รอยดำจากสิวหายเร็วขึ้นแบบเห็นผล
รอยดำจากสิว (post inflammatory hyperpigmentation/ PIH)
เกิดจาก
- มีการอักเสบในบริเวณที่เป็นสิว ทั้งชนิดสิวตุ่มแดง สิวหัวหนอง (inflammatory papule and pustule), สิวชนิดที่เป็นก้อนนูน (Nodule) ซีสต์ (Nodulocystic) หรือสิวหัวช้าง (Acne conglobata) ซึ่งการอักเสบ
จะทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของเมลานิน ทำให้ผิวตรงจุดนั้นมีสีคล้ำขึ้น ตั้งแต่น้ำตาลไปจนถึงสีดำ
(Excess melanin production or an abnormal distribution of melanin pigment deposited in skin produces visible PIH)
- การแกะ กด บีบ สิว ซึ่งทำให้ผิวรอบๆอักเสบเช่นเดียวกัน (Mechanical insults to skin such as excoriation can exacerbate PIH)
ซึ่งถ้าเทียบกับรอยแดงที่เกิดจากสิว (PAE, PIE)
รอยดำถึงว่ารักษาได้ง่ายกว่า เพราะ มีเฉพาะการอักเสบ แต่ไม่มีการเพิ่มขึ้นของเส้นเลือดเล็กๆ ซึ่งมีในรอยแดง
(Increase inflammatory cytokine but no angiogenesis/neovascularization)
จริงๆแล้ว รอยดำสามารถจางหายไปเองได้แต่ต้องใช้เวลานาน หลายเดือน ไปจนถึงหลายปี
(While PIH can resolve spontaneously, it is often long-lasting)
ถ้าหากไม่ได้กังวลเรื่องความสวยงาม ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาค่ะ รอหายเองได้
ความรุนแรงของรอยดำ (PIH) และความยากง่ายของการรักษา
ขึ้นกับ
1. ระดับความรุนแรงของการอักเสบ
สิวยิ่งอักเสบมากและนาน ยิ่งทิ้งรอยเยอะและอยู่นาน
2. สีผิวเดิมของคนไข้
ถ้าผิวคล้ำโอกาสที่รอยดำจะเข้มและอยู่นาน จะมีมากกว่าคนผิวขาว
3. การโดนแสงแดด
ยิ่งโดนแดดมากหรือโดนต่อเนื่อง รอยดำยิ่งอยู่นานขึ้น
4. การแกะสิว
ทำให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำ (repeated trauma) ยิ่งทำให้รอยสิวอยู่นาน
5. การซ่อมแซมผิวของแต่ละคนต่างกันและ ยังขึ้นกับ อายุด้วย
อายุน้อย หายเร็วกว่าอายุมาก คนผิวแข็งแรง หายเร็วกว่าคนผิวอ่อนแอ
💛♥️ ดังนั้นหัวใจสำคัญของการจัดการรอยดำ 💛❤️
คือ ต้องลดการอักเสบของสิวหรือผิวตรงนั้นให้เร็วและมากที่สุด
ซึ่งคือการรักษาสิวอย่างถูกวิธีและรีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆค่ะ
(อย่าโฟกัสแต่รอยสิว จนลืมรักษาสิวที่มีอยู่ และยังปล่อยให้สิวใหม่ขึ้นมาอีก
เพราะจะทำให้รักษาไม่จบ วนไปวนมา)
วิธีรักษารอยดำและรักษาสิวควรทำไปพร้อมกันๆ 📣📣
หมอยุ้ยจะพูดถึงเฉพาะ การทายาที่คนไข้สามารถหาซื้อได้เองเท่านั้นนะคะ
1. Topical retinoid เช่น Retin-A
สามารถรักษาสิวและรอยดำจากสิวได้
แต่ห้ามใช้ในคนท้องหรือให้นมลูก (Pregnancy CAT C)
วิธีทา ทาวันละ 1 ครั้งก่อนนอน ช่วงเริ่มแรกทาคืนเว้นคืนก่อน
📚 กลไกที่ช่วยลดรอยดำ
- improve pigmentation by inhibiting melanosome transfer to keratinocytes
- increasing epidermal turnover and lessening pigmentation
2. 20% Azeleic acid หรือ Skinoren
สามารถรักษาสิวและรอยดำสิวได้เช่นกัน
ตัวนี้คนท้องสามารถใช้ได้ (Pregnancy CAT B)
วิธีทา ทาวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น
📚 กลไกที่ช่วยลดรอยดำ
- selectively influences hyperactive and abnormal melanocytes
- prevents tyrosine-tyrosinase binding
ส่วนวิธีอื่นๆ ที่ควรทำคู่กันด้วย คือ
1. รักษาสิว เพื่อควบคุมให้เกิดการอักเสบน้อยที่สุด อันนี้สำคัญมากกกกก
2. หลีกเลี่ยงแสงแดดและทากันแดดสม่ำเสมอ (sun avoidance with sun protection) อันนี้สำคัญเหมือนกัน แต่หลายคนอาจจะมองข้ามเรื่องนี้
3. หลีกเลี่ยงการขัดหรือสครับผิว เพราะทำให้ผิวบาดเจ็บมากขึ้น กระตุ้นรอยดำได้
4. สามารถใช้ skin care ที่ผสมสารไวท์เทนนิ่งได้ แต่ควรเลือกชนิดที่ไม่ทำให้เกิดสิวเพิ่ม (Non comedogenic)
นอกจากนี้สารต่างๆใน skin care มักมีความเข้มข้นน้อยเมื่อเทียบกับยา
ดังนั้น จะเห็นผลช้ากว่าการทายาอย่างถูกต้อง ถ้าใช้แล้วขาวเร็วมากเกินไป
ให้ระวังอาจมีสารต้องห้ามที่เป็นอันตราย ควรหยุดใช้
5. การทำ chemical peeling (ผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดผลไม้), เลเซอร์,
การทำทรีทเมนต์ช่วยผลัดเซลล์ผิว สามารถใช้เป็นการรักษาเสริมได้
แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ
ย้อนอ่านบทความทั้งหมดในเพจ กดดูได้ที่
https://www.facebook.com/107616793972679/posts/136799954387696/
หมอยุ้ย เพจ Dr.Yui คุยทุกเรื่องผิว