ย้อนกลับไปเมื่อปี 2559 ผมยอมควักตังค์ 5,000 บาท ลงคอร์สเรียนการเล่นหุ้น ตั้งแต่พื้นฐานเลย... หุ้นคืออะไร ซื้อขายกันยังไง ผ่านช่องทางไหน ดูงบการเงินยังไง ดูกราฟยังไง ทั้งหมดเรียนกัน 1 วันเต็ม
จากนั้นก็ลองวิชาด้วยเงินเริ่มต้น 30,000 บาท ได้บ้าง เสียบ้าง ด้วยทุนน้อย ยังไม่ค่อยเห็นผลกำไรสักเท่าไหร่
เล่นๆเลิกๆ มาเป็นระยะๆ
จนเมื่อโควิดเข้ามามีผลกระทบต่อตลาดหุ้น หุ้นดังๆทยอยตกกันระนาว ก็เลยคิดว่า หรือนี่จะเป็นโอกาสดีที่จะได้หุ้นราคาถูก และหุ้นพวกนี้เดี๋ยวมันก็วิ่งขึ้นแน่ ไม่ซื้อตอนนี้ก็พลาดโอกาสสิ
เลยตัดสินใจนำเงินเก็บของตัวเองออกมาเติมเข้าพอร์ตเพื่อลงสนามอีกครั้ง คราวนี้ขยับมาเป็นหลักแสน ลองดูว่าจะได้ผลกำไรสักเท่าไหร่
วันแรกของการลงสนาม (13 มี.ค.2563)
ตอนนั้นไม่คิดอะไรมาก มีหลักการเลือกหุ้นอยู่ไม่กี่ข้อ
1) พื้นฐานดี มีผลกำไร
2) Volume เยอะ คนเล่นเยอะ น่าสนุกดี
3) ลงมาเยอะ มีโอกาสเด้งขึ้นเยอะ
พอสแกนดูแล้ว ก็มาปะกับ PTTEP คนเล่นเยอะดี เลยลองโดดเข้าร่วมวง ในจังหวะที่มันลงมาต่ำๆ
พอมันวิ่งขึ้นถึงจุดหนึ่งก็ขาย
วันแรกเอาฤกษ์เอาชัยก่อน
ด้วยความที่ช่วงนั้น PTTEP เดี๋ยวก็ขึ้น เดี๋ยวก็ลง เลยทำรอบได้ ทำให้เล่นสนุก
นอกจากนี้ ก็ตามๆอ่านในพันทิปดูว่าเขาเล่นตัวไหนกันบ้าง ก็ได้รู้จักกับ BAM ซึ่งเป็นหุ้นตัวที่สองที่เฝ้าดูพฤติกรรมคนเล่น
ด้วยความที่ดูหุ้นไม่เยอะ พอมีเวลาว่างนั่งดูหน้าจอ ทำให้ค่อยๆสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่สามารถหยิบมาใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นตัวนั้นๆ
แต่ด้วยความที่ยังตื่นสนาม บ่อยครั้งที่ตัดสินใจพลาด เช่น
* เข้าซื้อตอนมันวิ่งขึ้นตอนจะถึงยอด พอมันเริ่มลงก็คิดว่ามันจะกลับขึ้นไปใหม่ แต่พอมันไม่กลับ ก็ร้อนใจ กลัวขาดทุนเยอะ เลยตัดสินใจขาย กลายเป็นขายในจุดที่ขาดทุนเยอะสุด เพราะมันเริ่มวิ่งอีกครั้ง 😂
* มีหุ้นแล้ว หุ้นวิ่งขึ้นแล้ว แต่ไม่ขาย เพราะคิดว่ามันยังไปได้อีก สุดท้ายมันวิ่งลง และลงเรื่อยๆ ใกล้กลับมาจุดเดิมถึงตัดสินใจขายเพราะกลัวมันวิ่งลงต่ำกว่าทุน กลายเป็นแทนที่จะได้กำไรเยอะ ก็เหลือนิดเดียว 😂
* มีหุ้นแล้วแล้ว ขายแล้ว ได้กำไรแล้ว แต่หุ้นมันยังวิ่งขึ้นอีก ก็เลยรีบเข้าไปใหม่เพราะกลัวไม่ทัน สุดท้ายมันเริ่มวกหัวกลับ กลายเป็นติดดอยซะงั้น 😂
* มีหุ้นแล้วคิดว่ามันจะขึ้น แต่มันกลับลง ตอนลงมานิดเดียว ไม่ขายเพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็ขึ้น จนวินาทีที่มันไหลลงยังกะเขื่อนแตก มือไม้สั่น ทำอะไรไม่ถูก ตัดขายไม่ทัน จนกลายเป็นขาดทุนหลักหมื่นถึงรู้ตัวว่าแย่แล้วกรู 😂
* มีหุ้นแล้ว คิดว่ามันจะวิ่ง แต่ไม่วิ่ง พอเปิดไปตัวตัวอื่นทำไมมันวิ่งเก่งแท้ เลยตัดสินใจขายขาดทุนเอาไปลงตัวที่วิ่งแทน แต่กลายเป็นว่าช้าไป เข้าไปในจังหวะที่เขาวิ่งจนหมดแรงแล้วเริ่มกลับรถ ในขณะที่ตัวที่ขายไปดันเริ่มวิ่งในตอนที่เราไม่มีหุ้นในพอร์ตแล้ว ได้แต่บ่นกับตัวเองว่าม รู้งี้...ซะก็ดี 😂
สารพัดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการเล่นแบบชะล่าใจ
จนทุกวันนี้ ผ่านมาเดือนกว่าๆ เริ่มจับทางถูก... ไม่ใช่แค่จับทางตลาดหุ้นนะ แต่เป็นจับทางตัวเองนี่แหละ เพราะพอตลาดหุ้นปิดก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่รองเท้าผ้าใบ ออกไปวิ่งให้สมองโล่งๆ พลางก็นึกย้อนกลับไปว่า ทำไมเราตัดสินใจแบบนั้น พอตัดสินใจแล้วผลเป็นไง แล้วครั้งต่อไปต้องตัดสินใจยังไง
การได้มีโอกาสทบทวนพฤติกรรมตัวเอง ถอดบทเรียนพฤติกรรมคนเล่นหุ้น ในช่วงสมองโล่งๆ มันทำให้พอเราเจอสถานการณ์แบบเดิม เราจะเหมือนมีตัวเองสองร่างถกเถียงกันอยู่ในหัว ว่าทำแบบนี้ หรือทำแบบนี้ดีกว่ากัน มันช่วยให้เราไม่เล่นแบบวิ่งตามอารมณ์ ณ ขณะนั้นๆ แต่เล่นตามประสบการณ์และบทเรียนที่เราได้เรียนรู้มาแล้ว
เหนือสิ่งอื่นใด การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง มีโอกาสได้มาก ก็ต้องยอมรับด้วยว่าก็มีโอกาสเสียได้มากเช่นกัน ลองตั้งเป้าไว้ว่าเรายอมรับการขาดทุนได้แค่ไหน มันจะทำให้เราระมัดระวังทุกๆครั้งที่ตัดสินใจครับ
สัปดาห์นี้ เขียวบ้าง แดงบ้าง ดีที่สุดคือยังทำกำไรได้ทุกวันนี่แหละ
ราตรีสวัสดิ์ครับ
เมื่อต้องอยู่บ้าน เพราะกิจการปิด เทรดหุ้นกันเถอะ
จากนั้นก็ลองวิชาด้วยเงินเริ่มต้น 30,000 บาท ได้บ้าง เสียบ้าง ด้วยทุนน้อย ยังไม่ค่อยเห็นผลกำไรสักเท่าไหร่
เล่นๆเลิกๆ มาเป็นระยะๆ
จนเมื่อโควิดเข้ามามีผลกระทบต่อตลาดหุ้น หุ้นดังๆทยอยตกกันระนาว ก็เลยคิดว่า หรือนี่จะเป็นโอกาสดีที่จะได้หุ้นราคาถูก และหุ้นพวกนี้เดี๋ยวมันก็วิ่งขึ้นแน่ ไม่ซื้อตอนนี้ก็พลาดโอกาสสิ
เลยตัดสินใจนำเงินเก็บของตัวเองออกมาเติมเข้าพอร์ตเพื่อลงสนามอีกครั้ง คราวนี้ขยับมาเป็นหลักแสน ลองดูว่าจะได้ผลกำไรสักเท่าไหร่
วันแรกของการลงสนาม (13 มี.ค.2563)
ตอนนั้นไม่คิดอะไรมาก มีหลักการเลือกหุ้นอยู่ไม่กี่ข้อ
1) พื้นฐานดี มีผลกำไร
2) Volume เยอะ คนเล่นเยอะ น่าสนุกดี
3) ลงมาเยอะ มีโอกาสเด้งขึ้นเยอะ
พอสแกนดูแล้ว ก็มาปะกับ PTTEP คนเล่นเยอะดี เลยลองโดดเข้าร่วมวง ในจังหวะที่มันลงมาต่ำๆ
พอมันวิ่งขึ้นถึงจุดหนึ่งก็ขาย
วันแรกเอาฤกษ์เอาชัยก่อน
ด้วยความที่ช่วงนั้น PTTEP เดี๋ยวก็ขึ้น เดี๋ยวก็ลง เลยทำรอบได้ ทำให้เล่นสนุก
นอกจากนี้ ก็ตามๆอ่านในพันทิปดูว่าเขาเล่นตัวไหนกันบ้าง ก็ได้รู้จักกับ BAM ซึ่งเป็นหุ้นตัวที่สองที่เฝ้าดูพฤติกรรมคนเล่น
ด้วยความที่ดูหุ้นไม่เยอะ พอมีเวลาว่างนั่งดูหน้าจอ ทำให้ค่อยๆสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่สามารถหยิบมาใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นตัวนั้นๆ
แต่ด้วยความที่ยังตื่นสนาม บ่อยครั้งที่ตัดสินใจพลาด เช่น
* เข้าซื้อตอนมันวิ่งขึ้นตอนจะถึงยอด พอมันเริ่มลงก็คิดว่ามันจะกลับขึ้นไปใหม่ แต่พอมันไม่กลับ ก็ร้อนใจ กลัวขาดทุนเยอะ เลยตัดสินใจขาย กลายเป็นขายในจุดที่ขาดทุนเยอะสุด เพราะมันเริ่มวิ่งอีกครั้ง 😂
* มีหุ้นแล้ว หุ้นวิ่งขึ้นแล้ว แต่ไม่ขาย เพราะคิดว่ามันยังไปได้อีก สุดท้ายมันวิ่งลง และลงเรื่อยๆ ใกล้กลับมาจุดเดิมถึงตัดสินใจขายเพราะกลัวมันวิ่งลงต่ำกว่าทุน กลายเป็นแทนที่จะได้กำไรเยอะ ก็เหลือนิดเดียว 😂
* มีหุ้นแล้วแล้ว ขายแล้ว ได้กำไรแล้ว แต่หุ้นมันยังวิ่งขึ้นอีก ก็เลยรีบเข้าไปใหม่เพราะกลัวไม่ทัน สุดท้ายมันเริ่มวกหัวกลับ กลายเป็นติดดอยซะงั้น 😂
* มีหุ้นแล้วคิดว่ามันจะขึ้น แต่มันกลับลง ตอนลงมานิดเดียว ไม่ขายเพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็ขึ้น จนวินาทีที่มันไหลลงยังกะเขื่อนแตก มือไม้สั่น ทำอะไรไม่ถูก ตัดขายไม่ทัน จนกลายเป็นขาดทุนหลักหมื่นถึงรู้ตัวว่าแย่แล้วกรู 😂
* มีหุ้นแล้ว คิดว่ามันจะวิ่ง แต่ไม่วิ่ง พอเปิดไปตัวตัวอื่นทำไมมันวิ่งเก่งแท้ เลยตัดสินใจขายขาดทุนเอาไปลงตัวที่วิ่งแทน แต่กลายเป็นว่าช้าไป เข้าไปในจังหวะที่เขาวิ่งจนหมดแรงแล้วเริ่มกลับรถ ในขณะที่ตัวที่ขายไปดันเริ่มวิ่งในตอนที่เราไม่มีหุ้นในพอร์ตแล้ว ได้แต่บ่นกับตัวเองว่าม รู้งี้...ซะก็ดี 😂
สารพัดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการเล่นแบบชะล่าใจ
จนทุกวันนี้ ผ่านมาเดือนกว่าๆ เริ่มจับทางถูก... ไม่ใช่แค่จับทางตลาดหุ้นนะ แต่เป็นจับทางตัวเองนี่แหละ เพราะพอตลาดหุ้นปิดก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่รองเท้าผ้าใบ ออกไปวิ่งให้สมองโล่งๆ พลางก็นึกย้อนกลับไปว่า ทำไมเราตัดสินใจแบบนั้น พอตัดสินใจแล้วผลเป็นไง แล้วครั้งต่อไปต้องตัดสินใจยังไง
การได้มีโอกาสทบทวนพฤติกรรมตัวเอง ถอดบทเรียนพฤติกรรมคนเล่นหุ้น ในช่วงสมองโล่งๆ มันทำให้พอเราเจอสถานการณ์แบบเดิม เราจะเหมือนมีตัวเองสองร่างถกเถียงกันอยู่ในหัว ว่าทำแบบนี้ หรือทำแบบนี้ดีกว่ากัน มันช่วยให้เราไม่เล่นแบบวิ่งตามอารมณ์ ณ ขณะนั้นๆ แต่เล่นตามประสบการณ์และบทเรียนที่เราได้เรียนรู้มาแล้ว
เหนือสิ่งอื่นใด การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง มีโอกาสได้มาก ก็ต้องยอมรับด้วยว่าก็มีโอกาสเสียได้มากเช่นกัน ลองตั้งเป้าไว้ว่าเรายอมรับการขาดทุนได้แค่ไหน มันจะทำให้เราระมัดระวังทุกๆครั้งที่ตัดสินใจครับ
สัปดาห์นี้ เขียวบ้าง แดงบ้าง ดีที่สุดคือยังทำกำไรได้ทุกวันนี่แหละ
ราตรีสวัสดิ์ครับ