คือผมเข้าใจถูกไหมครับ
ถ้าเราจะเอาชนะโรคนี้ คือต้องมีภูมิคุ้มกัน หรือ มียาที่ใช้แล้วหาย
(แต่ก้อเริ่มมีข่าว คนที่ป่วยหายแล้ว กลับมาเป็นใหม่ได้อีก)
โควิท-19 ที่ส่วนใหญ่ทำกันอยู่คือชะลอจำนวนผู้ป่วย
เพื่อให้พอดีกับที่ระบบสาธารณสุขเรารองรับได้
มองอีกมุมคือ
ผลจะทำให้จำกัดจำนวนคนที่จะมีภูมิคุ้มกันของโรคนี้
ซึ่งเราคงไม่ยอมให้
ใช้วิธีให้เกิด herd immunity เหมือน sweden
คือต้องปล่อยให้คนติดโรค แล้วมีภูมิ คุ้มกัน
ให้คนอ่อนแอ ป่วย หรือ ตายไป จากระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับได้
หรือ ร่างกายไม่สามารถทนจากโรคนี้ได้
แต่ปัจจุบัน วัคซีนยังไม่มี การรักษายังไม่มียาที่ใช้รักษาโดยตรง
ดังนั้น
กิจกรรมที่มีคนมารวมกันหมู่มาก มาทำกิจกรรม หรือ สังสรรค์
ก้อไม่สามารถทำได้ จนกว่า เราจะมีวัคซีน หรือ ยาที่รักษาโรคได้
คำถามคือ ตราบใดที่วัคซีนยังไม่มี
มาตราการ social distance ต่างๆ จึงต้องคงไว้
อาจจะมีผ่อนปรนบ้าง
เพราะอาจจะมีหน้ากากมากขึ้น คนที่ความระวังมากขึ้น
แต่ยังไม่สามารถยกเลิกได้เต็มตัว
ใช่ไหมครับ
ซึ่งจะมีผลต่อบางอาชีพ บางกิจกรรม
ที่ต้องเว้นว่างไปก่อน
เพราะถ้ากลับไปดำรงชีวิตเหมือนเดิม
มีการชุมนุมหมู่มาก มีการสัมผัสใกล้ชิดกัน
การระบาดก้อจะกลับมาใหม่ คล้ายๆกับ สิงค์โปร์ หรือ ญี่ปุ่น
เหมือนเราจะต้องกลับมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่
ในการยับยั้งชะลอคนป่วย ไม่ให้เกินความสามารถของระบบสาธารณสุข
ขอบคุณครับ
** ขอแก้ไขชื่อกระทืเป็น Social DIstancing ตามคำแนะนำจากความคิดเห็นที่ 11 ครับ ขอบคุณครับ **
เรายังไม่สามารถยกเลิก Social distance ในระยะเวลาเร็ววันใช่ไหมครับ
ถ้าเราจะเอาชนะโรคนี้ คือต้องมีภูมิคุ้มกัน หรือ มียาที่ใช้แล้วหาย
(แต่ก้อเริ่มมีข่าว คนที่ป่วยหายแล้ว กลับมาเป็นใหม่ได้อีก)
โควิท-19 ที่ส่วนใหญ่ทำกันอยู่คือชะลอจำนวนผู้ป่วย
เพื่อให้พอดีกับที่ระบบสาธารณสุขเรารองรับได้
มองอีกมุมคือ
ผลจะทำให้จำกัดจำนวนคนที่จะมีภูมิคุ้มกันของโรคนี้
ซึ่งเราคงไม่ยอมให้
ใช้วิธีให้เกิด herd immunity เหมือน sweden
คือต้องปล่อยให้คนติดโรค แล้วมีภูมิ คุ้มกัน
ให้คนอ่อนแอ ป่วย หรือ ตายไป จากระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับได้
หรือ ร่างกายไม่สามารถทนจากโรคนี้ได้
แต่ปัจจุบัน วัคซีนยังไม่มี การรักษายังไม่มียาที่ใช้รักษาโดยตรง
ดังนั้น
กิจกรรมที่มีคนมารวมกันหมู่มาก มาทำกิจกรรม หรือ สังสรรค์
ก้อไม่สามารถทำได้ จนกว่า เราจะมีวัคซีน หรือ ยาที่รักษาโรคได้
คำถามคือ ตราบใดที่วัคซีนยังไม่มี
มาตราการ social distance ต่างๆ จึงต้องคงไว้
อาจจะมีผ่อนปรนบ้าง
เพราะอาจจะมีหน้ากากมากขึ้น คนที่ความระวังมากขึ้น
แต่ยังไม่สามารถยกเลิกได้เต็มตัว
ใช่ไหมครับ
ซึ่งจะมีผลต่อบางอาชีพ บางกิจกรรม
ที่ต้องเว้นว่างไปก่อน
เพราะถ้ากลับไปดำรงชีวิตเหมือนเดิม
มีการชุมนุมหมู่มาก มีการสัมผัสใกล้ชิดกัน
การระบาดก้อจะกลับมาใหม่ คล้ายๆกับ สิงค์โปร์ หรือ ญี่ปุ่น
เหมือนเราจะต้องกลับมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่
ในการยับยั้งชะลอคนป่วย ไม่ให้เกินความสามารถของระบบสาธารณสุข
ขอบคุณครับ
** ขอแก้ไขชื่อกระทืเป็น Social DIstancing ตามคำแนะนำจากความคิดเห็นที่ 11 ครับ ขอบคุณครับ **