เรืองสั้นไม่เน้นสาระ: เขาเรียกผมว่า "เซลส์แมน" <EP#1> ตอน "คอมมิชชั่นก้อนแรก"

กระทู้สนทนา

ผมไม่รู้ตัวเองหรอกครับว่า...
ตัวเองชอบการเป็นเซลส์แมนตั้งแต่ตอนไหน...
เซลส์แมน...หรือเรียกสั้นๆว่า “เซลส์”....
คือคนที่ทำหน้าที่ขายของ...อาจจะอยู่หน้าร้าน....
หรือจะเที่ยวตระเวนไปตามที่ต่างๆเพื่อไปขายของ...

ผมเริ่มเป็นเซลส์ครั้งแรก...
ตั้งแต่สมัยอยู่ ม.3...ที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งแถว จ.นนท์...
ตามธรรมเนียมตอนกำลังจะจบ...
จะต้องมีการจัดทำ “แหวนรุ่น”...
โชคดีที่ตัวเองรู้จักกับรุ่นพี่ที่เคยทำแหวนรุ่น...
เลยรู้แหล่งผลิตและขั้นตอนการทำ...
เช่น...ขั้นตอนการสั่งทำบล๊อก...
ขั้นตอนการเทคออเดอร์จากเพื่อนๆ...
ขั้นตอนการเก็บเงิน...ฯลฯ....

พอจัดทำเสร็จเรียบร้อย...ส่งมอบแหวนให้เพื่อนๆ...
ก็เอาเงินรายได้ส่วนหนึ่งก็บริจาคให้โรงเรียนไป...
ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้เป็นทุนการศึกษาของตัวเอง...
ทำเอง...ขายเอง...มีเพื่อนร่วมก๊วนช่วยๆกัน...
ก็ขายดิบขายดีครับ...ซื้อกันแทบทุกคน...

จำได้ว่าเงินก้อนแรกที่เร่ิมต้นชีวิตการเป็นเซลส์นี้...
ได้มาก็หลายหมื่นบาทอยู่...
เงินสดมัดเป็นมัดๆถูกเก็บไว้ที่หัวเตียง...
สำหรับหนุ่มน้อยวัยสิบห้าถือว่าเป็นสิ่งวิเศษสุดๆแล้ว...
สิ่งที่ให้รางวัลตัวเองในตอนนั้นก็คือ...
ไปซื้อแฮมเบอร์เก้อมากินจากร้านสุดจะหรูสมัยนั้น...
แถวๆสีลม...ชื่อร้าน “โฮเบอร์เกอร์”...
จ่ายเงินไปร้อยกว่าบาท...แลัวนั่งกินในร้าน...
ต้องเข้าใจนะครับว่า...เรื่องนี้เกิดมาเกือบ 40 ปีแล้ว...
คำว่า “แฮมเบอร์เกอร์”...ก็เพ่ิงเข้ามาในเมืองไทย...
พอเดินออกจากร้าน...เหมือนตัวจะลอยๆยังไงพิกล...
พยายามจะดัดจริตพูดไทยไม่ชัดซักหน่อย...
ให้สมกับการกินอาหารฝรั่งครั้งแรกๆในชีวิต...
แถมอยากจะสักคำว่า“แฮมเบอร์เกอร์” ไว้กลางหน้าผาก...
จะได้ประกาศก้องไปเลยว่า...
กูกินมาแล้วนะเฟ้ย!!!!

เงินบางส่วนก็ไปซื้อเสื้อผ้าวัยรุ่นยี่ห้อ “Domon”...
เพราะสมัยนั้นเขายังมีประกวดหนุ่มโดม่อน...
โหยๆๆๆ...เท่ห์โคตรๆ...
เอาวะ...ได้เงินมาแล้วอยากหล่อซักหน่อย...
พอตอนออกจากร้านโดม่อนที่สยาม...
พร้อมถุงกระดาษโลโก้อย่างควาย...
วิญญาณของ “หนุ่มโดม่อน” เข้าสิงโดยพลัน...
แม้จะหล่อด้วยส่วนสูงแค่ 142 เซ็นต์ ก็ตาม...
ขอบอก...ถุงกระดาษใบนี้ถูกเอามาใช้ในชิวิตประจำวัน...
อารมณ์คล้ายสาวยุคนี้...
ที่ต้องมีกระเป๋าหลุยส์เอาไว้ออกงาน...
แต่ข้าพเจ้ามีถุงกระดาษโดม่อน!!!

ด้วยเงินค่าคอมฯก้อนแรกก้อนนี้...
กลายเป็นทุนรอนที่กระทืบให้ตัวเองปีกกล้าขาแข็ง...
ออกไปใช้ชีวิตคนเดียวไปอยู่ซะไกลสุดกู่...
ไปใช้ชีวิตอย่างอิสระ...เป็นนักเรียน ม.ปลาย อยู่ที่ จ.ยะลา...
ตอนที่นั่งรถไฟไปหาพ่อที่ปักษ์ใต้...
เพราะพ่อไปรับราชการอยู่ที่นั่น...
แกคงคิดว่าน่าจะมาเยี่ยมเฉยๆ...
ที่ไหนได้...พอบอกว่าตอนนี้ยังหาที่เรียนไม่ได้เลย...
โรงเรียนก็กำลังจะเปิดสัปดาห์หน้าแล้ว...
พ่อคงคิดในใจ...(อ้าว...ไอ้ลูกเวร)...
แกเลยไปคุยกับอาจารย์ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน...
เพื่อให้หาทางช่วยลูกหมาตาดำๆให้มีที่เรียน...
สุดท้ายก็ได้โรงเรียนประจำจังหวัดยะลา...
โชคดีที่พ่อเป็นข้าราชการครับ...
เลยมีสิทธิ์ของทางราชการกันที่เอาไว้...
สำหรับลูกหลานเผื่อต้องย้ายตามพ่อแม่...
แต่ที่สำคัญ...
พ่อผมกำลังจะถูกย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ที่ภาคอีสาน...
เข้าทางเลย...กำลังจะหาเรื่องใช้ชีวิตแบบสันโดษอยู่พอดี...
ตอนนี้สมใจอยาก...เรื่องลำบากไม่เคยเป็นปัญหา...

พอหาโรงเรียนได้เสร็จ...
พ่อต้องรีบตีรถจากปัตตานี...พากลับมากรุงเทพฯ...
มาขนของบางส่วนที่ตกค้างอยู่...
เพราะตอนขามา...ดันติดเสื้อผ้ามาแค่ 2 ชุด...
คือชุดที่ใส่มาบนรถไฟ...กับชุดที่มาเจอพ่อนี่แหละ...
ส่วนกางเกงในลืมเอามา...
ใช้วิธีเหมือนเทปสมัยก่อน...คือมีหน้า A กับ หน้า B....

กลับจากกรุงเทพฯมาถึงยะลาประมาณซักตีสอง...
ตอนเช้าแปดโมงกว่าๆ...
พ่อก็เอารถมอเตอร์ไซค์ใส่รถกระบะ...
มาส่งที่หน้าปากประตูโรงเรียน...
พร้อมเสื้อนักเรียนขาวๆซิงๆ...
เพราะยังไม่ได้ปักชื่อย่อ โรงเรียน...
ก็ไม่รู้นี่ว่าเขาจะปักอักษรย่อยังไง...
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก...
เร็วขนาดที่ว่า...
ตอนเย็นพอจะกลับบ้าน...
ดันกลับไม่ถูกซะงั้น...เพราะเมื่อคืนมาถึงก็ล่อเข้าไปตีสองแล้ว...
เช้าพ่อก็มาส่งที่โรงเรียน...
คราวนี้ความหายนะก็มาเกิด...
อีตอนขากลับนี่แหละครับ...
ต้องขี่มอเตอร์ไซค์กลับเอง...
เวรละกู...อารมณ์ “จาพนม”เข้าสิง...
แต่ไม่ได้ตามหาช้าง...แต่ผมตามหาบ้านครับ...
“บ้าน...กู...อยู่...หนาย”....

พ่อแกเล็งปัญหานี้ไว้แล้ว...แกรู้อยู่แล้วว่าผมน่าจะจำบ้านไม่ได้...
แกก็กำชับนัก...กำชับหนาว่า...
อยู่ ถนนผังเมือง 4...ยังไงก็ถามเพื่อนในห้องก็ได้...
รับรองหาไม่ยากหรอกนะลูก...
(ต้องมีคำว่า “นะลูก” ต่อท้าย...จะบอกเป็นนัยๆว่าพ่อใจดี) 

ตัวเราเองก็อุ่นใจเมืองเล็กๆแค่นี้ไม่น่าจะมีปัญหา...
ที่ไหนได้...พอตอนเลิกเรียน...
ก็ทำตามที่พ่อบอกไว้เป๊ะๆ...
ถามเพื่อนว่าถนนผังเมือง 4 อยู่ตรงไหน...
เพื่อนก็ถามต่อว่า...อยู่ซอยไหนครับ?...
เพราะผังเมือง 4 ยาวประมาณ 10 กว่าโล...
อุทานในใจเพราะรู้จักกันวันแรกต้องพูดสุภาพหน่อย...
(อ้าว...เวรละครับ)...
เออ...ซอยไหนผมจำไม่ได้ครับ...
จำได้ว่ามีต้นไม้เยอะๆหน้าปากซอย...
(ถ้าบ้านอยู่ซาฮาร่า...ข้อมูลชุดนี้จะทรงคุณค่าอย่างยิ่ง)
สุดท้ายก็ได้เพื่อนผู้ชายทั้งห้องมาช่วยกันตามหา...
ไล่ตะลุยดูตั้งแต่ซอยหนึ่ง...
พอเห็นชอยไหนมีต้นไม้เยอะหน่อยก็ต้องเข้าไปสำรวจอีก...
เพราะดันจำทางเข้าบ้านไม่ได้อีก...
ออกเริ่มเดินทางตอนโรงเรียนเลิกประมาณสี่โมง...
เจอปากซอยเข้าบ้านเกือบหกโมงเย็น...
สุดท้ายบ้านผมเอง...อยู่หลังโรงเรียน...
พูดง่ายๆคือ...ถ้าออกจากประตูหลังโรงเรียน...
วิ่งตรงไปเรี่อยๆ....ก็แทบจะชนประตูบ้านอยู่แล้ว...

เพราะเงินค่าคอมมิชชั่นก้อนแรก...
ที่ได้จากการทำแหวนรุ่นตัวเดียว...
ทำให้ชีวิตสนุกขนาดนี้...
นี่แหละครับ...
คือจุดกำเนิดเรื่องสั้นซีรียส์นี้...
เขาเรียกผมว่า “เซลส์แมน”....

แล้วพบกันตอนหน้านะครับ...
-บุ้ง ดีดติ่งหู-
#เขาเรียกผมว่าเซลส์แมน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่