คือกระทู้นี้ผมเห็นหลายๆคนหาทางออกชีวิตไม่ได้ไม่รู้จะปรับตัวอย่างไร หรืออยู่ต่ออย่างไร เลยอยากจะชักชวนพี่ๆ มาแชร์ประสบการณ์กัน ว่าผ่านช่วงวิกกฤตินี้ไปอย่างไรกัน ก็เลยทำคลิปอันนึงหวังว่าจะช่วยเป็นแนวทางหรือให้กำลังใจคนสู้ชีวิตได้นะครับ
https://www.facebook.com/Clapscenefilmbkk/videos/884621362001818/
ซึ่งมันเป็นบทสัมภาษณ์คนจริงๆที่เคยลำบาก ไม่มีต้นทุนชีวิตมากนัก โดยที่พวกเธอมีปัญหากันดังนี้ครับ
คนแรก ปลา
บ้านล้มละลาย กับพ่อแม่แยกทาง ต้องอยู่กับน้องสาวที่ยังเรียนอยู่เพียงสองคน โดนพนักงานบริษัทฟ้องให้จ่ายเงินเดือน เธอต้องขึ้นศาลแทนพ่อแม่ และหาเงินเลี้ยงน้องกับตัวเอง เธอแก้ปัญหาตัวเองดังนี้ครับ
0. ลำดับความสำคัญของหนี้ อะไรเร่งด่วน อะไรเจรจาได้ ก็ต้องเจรจา อะไรควรรักษาไว้ เช่นบ้าน หรือรถ (รองลงมา) เครดิดบูโรสำคัญขนาดไหนถ้าไม่ทำให้เราตาย ก็ยอมๆโดนแบล๊คลิส
1. ขายของในบ้านที่ไม่จำเป็นทิ้ง อันนี้ต้องตัดใจครับเพื่อนำทุนมาต่อชีวิต หรือลงทุนเพื่อหาเงินต่อไป
2. หารายรับโดยรับของมาขายของออนไลน์ กระจุกกระจิกขายไปครับ
3. หารายรับหลายทาง เช่น รับเป็นพิธีกรตามงานต่างๆ ไปยืนแจกใบปลิวบ้างอะไรบ้าง สำคัญมากครับ เพราะแม้แต่เศรษฐียังมีช่องทางหารายได้หลายทาง
4. หางานประจำทำ ซึ่ง Covid กระทบอย่างมากบริษัทของเธอจึงต้องหาช่องทางขายของโดยผ่าน Online แทนเลยยังมีรายได้อยู่
ปัจจุบันเป็นพนักงานบริษัทที่รายได้หลักแสนครับ (เงินเดือนส่วนหนึ่งกับรับงานนอก)
คนที่สอง พีท แพท
จริงๆสองคนนี้เป็นแฝดที่ใจสู้มากๆ ไม่มีทุน พ่อแม่แยกทางเช่นกัน ก็เลยทำงานเก็บเงิน กับยืมเงินคนอื่นมาทำ Statement ไปต่างประเทศ ซึ่งมีเงินติดตัวไปประมาน 2,500 ซึ่งน้อยมากเรียกว่าเสื่อผืนหมอนใบได้เลย ไปเรียนด้วยแต่จริงๆทำงานเป็นลูกจ้างร้านขนมไทยแห่งหนึ่ง เก็บเงินกว่า 4 ปี จนเป็นเจ้าของร้านอาหารเองพวกเธอเริ่มอย่างนี้ครับ
0. ทำงานเป็นลูกจ้าง เรียนรู้ระบบการทำงาน จำนวนพนักงาน และเก็บเงิน 4 ปี
1. เริ่มขอเจ้าของร้านตัวเอง ทำขนมส่งมาที่ร้านที่ตัวเองเป็นพนักงานอยู่ (ทำนอกเวลางาน) โดยเลือกเมนูที่ร้านยังไม่มี (เมนูเดียวกันเจ้าของกระทืบตาย) และส่งไปยังร้านอื่นๆ
2. พอออเดอร์เริ่มเยอะและอยู่ตัว เงินเก็บพอมีเลยเปิดเป็นของตัวเอง
3. ค่าเช่าที่ที่นั่นแพงมากกกกก ยอดขายไม่สัมพันธ์กับยอดสั่งซื้อ และคนไม่มาซื้อของเพราะย่านนั้นเป็นย่าน มังสวิรัต และรักสุขภาพมากก ดังนั้นขนมไม่ซื้อแน่ๆ ดังนั้นร้านเลยขาดทุนและปิดตัวลง
4. พวกเธอกลับมาทบทวนสิ่งปิดพลาด โดยการเก็บเงินใหม่ เปิดร้านใหม่อีกครั้ง โดยการแก้ข้อผิดพลาดเดิม
4.1 ลดจำนวนพนักงาน เพราะสำคัญมากเอาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เป็นเจ้าของเริ่มแรกอย่าขี้เกียจ อะทำได้ทำ ทำไม่ได้ไม่ต้องทำเองจ้าง เพราะทำคนเดียวไม่ไหวเหมือนกัน
4.2 พวกเธออยู่ย่านคนรักสุขภาพ เลยต้องทำเมนูขนมไทยที่รักสุขภาพ (คิดเอง) และเปิดร้านอาหารรักสุขภาพควบไปด้วย เพื่อตอบโจทย์คนย่านนั้น
4.3 แบ่งเวลาเช่าที่กับร้านอื่นหรือหาคนอื่นมาช่วยหาร เช่น พวกเธอเช่าช่วงเย็น อีกเจ้านึงเช่าช่วงเช้า จะได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเช่าที่
4.4 รายได้หลักยังมาจากการส่งขนมไปร้านอื่น ก็ยังคงทำตามมาตรฐาความอร่อย และขยายให้ส่งได้ไกลขึ้น เพื่อขยายตลาด
4.5 พอส่งไปรณีย์มักมีปัญหา เละเทะของขนม เลยต้อง Packaging ใหม่ หรือถ้าไปรณีย์ไม่ส่งตามเวลา ขนมก็จะเสีย พวกเธอเลยเคลมสินค้าพวกนั้นใหม่ให้ลูกค้าฟรี เนื่องจากเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และรักษาฐานลูกค้า
4.6 เคยโดนร้านขนมอื่นทำการตลาดโจมตี (Discredit) โดยอ้างว่าร้านนี้บริการแย่มาก พูดจาไม่ดี ใน Page FB หนึ่งที่เป็นกลุ่มของคนไทยในประเทศนั้น แต่ก็จะถูกลูกค้าของพวกเธอตอบกลับ เพราะพวกเธอใช้จรรยาบรรณในการทำอาชีพนี้ เลยรอดตัวไปและได้เรียนรู้ว่า Royalty มันดีอย่างนี้นี่เองเพราะซื่อสัตย์กับลูกค้า
4.7 คุณภาพขนมตงไม่ต้องบอกนะครับต้องรักษา
4.8 ตอนนี้ COVID เปิดร้านไม่ได้ ถึงจะเป็นขนมก็ตาม ยอดขายหายไป 80 เปอร์เซนต์ พวกเธอจึงปรับใหม่โดยใช้การตลาด ออนไลน์ ส่งของออนไลน์ และยังพยายามหาวิธีส่งของข้ามรัฐให้ไกลขึ้นอยู่ (ต่างประเทศไกลกว่าไทยมาก) แต่พวกเธอไม่ยอมจะใส่สารกันบูดเด็ดขาด
4.9 หลังจากแก้การตลาด ยอดขายกลับมามากกว่าเดิมตอนก่อน COVID ถึง 120 เปอร์เซนต์
สรุป ทั้งสองเคสนี้เหมือนกันคือ ต้องปรับตัว หาหนทางใหม่ ช่องทางใหม่ ถึงเราจะเปิดร้านไม่ได้ แต่เรายังมี Social เช่นขายของออนไลน์ ถึงจะเป็นขนมก็ยังส่งได้ ทำ Content ดีๆ ขยัน เตรียมตัว เก็บเงินสำรองไว้ เดือนละ 5 บาท 10 บาทก็ยังดีครับ เวลาคับขันจะได้มีใช้
หวังว่ากระทู้และคลิปที่ผมทำจะช่วยเหลือพวกท่านได้บ้างนะครับ
พี่ๆท่านอื่นร่วมกันแชร์ประสบการณ์เป็นวิทยาทานได้นะครับ ขอบคุณครับ 
--------- มีใครตอนนี้กำลังลำบากบ้างครับมาแชร์เรื่องราวกัน -------
https://www.facebook.com/Clapscenefilmbkk/videos/884621362001818/
ซึ่งมันเป็นบทสัมภาษณ์คนจริงๆที่เคยลำบาก ไม่มีต้นทุนชีวิตมากนัก โดยที่พวกเธอมีปัญหากันดังนี้ครับ
คนแรก ปลา
บ้านล้มละลาย กับพ่อแม่แยกทาง ต้องอยู่กับน้องสาวที่ยังเรียนอยู่เพียงสองคน โดนพนักงานบริษัทฟ้องให้จ่ายเงินเดือน เธอต้องขึ้นศาลแทนพ่อแม่ และหาเงินเลี้ยงน้องกับตัวเอง เธอแก้ปัญหาตัวเองดังนี้ครับ
0. ลำดับความสำคัญของหนี้ อะไรเร่งด่วน อะไรเจรจาได้ ก็ต้องเจรจา อะไรควรรักษาไว้ เช่นบ้าน หรือรถ (รองลงมา) เครดิดบูโรสำคัญขนาดไหนถ้าไม่ทำให้เราตาย ก็ยอมๆโดนแบล๊คลิส
1. ขายของในบ้านที่ไม่จำเป็นทิ้ง อันนี้ต้องตัดใจครับเพื่อนำทุนมาต่อชีวิต หรือลงทุนเพื่อหาเงินต่อไป
2. หารายรับโดยรับของมาขายของออนไลน์ กระจุกกระจิกขายไปครับ
3. หารายรับหลายทาง เช่น รับเป็นพิธีกรตามงานต่างๆ ไปยืนแจกใบปลิวบ้างอะไรบ้าง สำคัญมากครับ เพราะแม้แต่เศรษฐียังมีช่องทางหารายได้หลายทาง
4. หางานประจำทำ ซึ่ง Covid กระทบอย่างมากบริษัทของเธอจึงต้องหาช่องทางขายของโดยผ่าน Online แทนเลยยังมีรายได้อยู่
ปัจจุบันเป็นพนักงานบริษัทที่รายได้หลักแสนครับ (เงินเดือนส่วนหนึ่งกับรับงานนอก)
คนที่สอง พีท แพท
จริงๆสองคนนี้เป็นแฝดที่ใจสู้มากๆ ไม่มีทุน พ่อแม่แยกทางเช่นกัน ก็เลยทำงานเก็บเงิน กับยืมเงินคนอื่นมาทำ Statement ไปต่างประเทศ ซึ่งมีเงินติดตัวไปประมาน 2,500 ซึ่งน้อยมากเรียกว่าเสื่อผืนหมอนใบได้เลย ไปเรียนด้วยแต่จริงๆทำงานเป็นลูกจ้างร้านขนมไทยแห่งหนึ่ง เก็บเงินกว่า 4 ปี จนเป็นเจ้าของร้านอาหารเองพวกเธอเริ่มอย่างนี้ครับ
0. ทำงานเป็นลูกจ้าง เรียนรู้ระบบการทำงาน จำนวนพนักงาน และเก็บเงิน 4 ปี
1. เริ่มขอเจ้าของร้านตัวเอง ทำขนมส่งมาที่ร้านที่ตัวเองเป็นพนักงานอยู่ (ทำนอกเวลางาน) โดยเลือกเมนูที่ร้านยังไม่มี (เมนูเดียวกันเจ้าของกระทืบตาย) และส่งไปยังร้านอื่นๆ
2. พอออเดอร์เริ่มเยอะและอยู่ตัว เงินเก็บพอมีเลยเปิดเป็นของตัวเอง
3. ค่าเช่าที่ที่นั่นแพงมากกกกก ยอดขายไม่สัมพันธ์กับยอดสั่งซื้อ และคนไม่มาซื้อของเพราะย่านนั้นเป็นย่าน มังสวิรัต และรักสุขภาพมากก ดังนั้นขนมไม่ซื้อแน่ๆ ดังนั้นร้านเลยขาดทุนและปิดตัวลง
4. พวกเธอกลับมาทบทวนสิ่งปิดพลาด โดยการเก็บเงินใหม่ เปิดร้านใหม่อีกครั้ง โดยการแก้ข้อผิดพลาดเดิม
4.1 ลดจำนวนพนักงาน เพราะสำคัญมากเอาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เป็นเจ้าของเริ่มแรกอย่าขี้เกียจ อะทำได้ทำ ทำไม่ได้ไม่ต้องทำเองจ้าง เพราะทำคนเดียวไม่ไหวเหมือนกัน
4.2 พวกเธออยู่ย่านคนรักสุขภาพ เลยต้องทำเมนูขนมไทยที่รักสุขภาพ (คิดเอง) และเปิดร้านอาหารรักสุขภาพควบไปด้วย เพื่อตอบโจทย์คนย่านนั้น
4.3 แบ่งเวลาเช่าที่กับร้านอื่นหรือหาคนอื่นมาช่วยหาร เช่น พวกเธอเช่าช่วงเย็น อีกเจ้านึงเช่าช่วงเช้า จะได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเช่าที่
4.4 รายได้หลักยังมาจากการส่งขนมไปร้านอื่น ก็ยังคงทำตามมาตรฐาความอร่อย และขยายให้ส่งได้ไกลขึ้น เพื่อขยายตลาด
4.5 พอส่งไปรณีย์มักมีปัญหา เละเทะของขนม เลยต้อง Packaging ใหม่ หรือถ้าไปรณีย์ไม่ส่งตามเวลา ขนมก็จะเสีย พวกเธอเลยเคลมสินค้าพวกนั้นใหม่ให้ลูกค้าฟรี เนื่องจากเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และรักษาฐานลูกค้า
4.6 เคยโดนร้านขนมอื่นทำการตลาดโจมตี (Discredit) โดยอ้างว่าร้านนี้บริการแย่มาก พูดจาไม่ดี ใน Page FB หนึ่งที่เป็นกลุ่มของคนไทยในประเทศนั้น แต่ก็จะถูกลูกค้าของพวกเธอตอบกลับ เพราะพวกเธอใช้จรรยาบรรณในการทำอาชีพนี้ เลยรอดตัวไปและได้เรียนรู้ว่า Royalty มันดีอย่างนี้นี่เองเพราะซื่อสัตย์กับลูกค้า
4.7 คุณภาพขนมตงไม่ต้องบอกนะครับต้องรักษา
4.8 ตอนนี้ COVID เปิดร้านไม่ได้ ถึงจะเป็นขนมก็ตาม ยอดขายหายไป 80 เปอร์เซนต์ พวกเธอจึงปรับใหม่โดยใช้การตลาด ออนไลน์ ส่งของออนไลน์ และยังพยายามหาวิธีส่งของข้ามรัฐให้ไกลขึ้นอยู่ (ต่างประเทศไกลกว่าไทยมาก) แต่พวกเธอไม่ยอมจะใส่สารกันบูดเด็ดขาด
4.9 หลังจากแก้การตลาด ยอดขายกลับมามากกว่าเดิมตอนก่อน COVID ถึง 120 เปอร์เซนต์
สรุป ทั้งสองเคสนี้เหมือนกันคือ ต้องปรับตัว หาหนทางใหม่ ช่องทางใหม่ ถึงเราจะเปิดร้านไม่ได้ แต่เรายังมี Social เช่นขายของออนไลน์ ถึงจะเป็นขนมก็ยังส่งได้ ทำ Content ดีๆ ขยัน เตรียมตัว เก็บเงินสำรองไว้ เดือนละ 5 บาท 10 บาทก็ยังดีครับ เวลาคับขันจะได้มีใช้
หวังว่ากระทู้และคลิปที่ผมทำจะช่วยเหลือพวกท่านได้บ้างนะครับ
พี่ๆท่านอื่นร่วมกันแชร์ประสบการณ์เป็นวิทยาทานได้นะครับ ขอบคุณครับ