ช่วงนี้อยู่ระหว่างกักตัวเหงาๆกันที่บ้าน ประกอบกับที่บ้านทาน capsule nespresso กันทั้งบ้านอยู่แล้ว
เลยตัดสินใจกดสั่งซื้อ Nespresso refillable pods (ถ้วยกาแฟที่สามารถนำกลับมาใช้ได้) (ช่วยลดขยะด้วยเนอะ)
แต่ในเน็ทมันดันมีหลายแบบ มีทั้งที่เป็นสแตนเลสแบบมีสติ๊กเกอร์ติด กับแบบที่ไม่ต้องติดสติ๊กเกอร์
--> เราตัดสินใจไม่ได้เลยลองสั่งมา 2 แบบสะเลย
นอกจากนี้ สิ่งที่จะต้องมี ในการทำ Nespresso refillable pods เองคือ
1. ที่บดกาแฟ ของเราใช้เฟืองบดสแตนเลส ราคาเลยแพงหน่อยอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท
สามารถบดระเอียดได้ดี สามารถชง espresso (เบอร์ 0) แต่ในการบดกาแฟใส่ Nespresso refillable pods
เราจะใช้เบอร์ 1-2 (เฟืองเซรามิกก็มีนะคะ ถูกลงเยอะเลย)
2. เมล็ดกาแฟ เราเลือกๆมาก่อนเพื่อมาลองเครื่องบด ไม่น่าเชื่อว่าแอบช้ได้เลยเมื่อเทียบกับ Nespresso เอง
250 กรัม ราคาประมาณ 150 บาท
3. เครื่องชงกาแฟ Nespresso
จะมารีวิวให้ดูว่า ใช้แบบไหน ต่างกันที่เรื่องอะไรบ้าง
1. Nespresso refillable pods ยี่ห้อ
i Cafilas
ตัวนี้เป็นตัวแรกที่มองหาเลย เพราะว่าไม่ต้องซื้อสติ๊กเกอร์แปะ เพียงแค่ บด ใส่ ปิดฝา หยอดลงในเครื่องก็จบเลย
เหมือนเสียเงินทีเดียว กล่องนี้เราสั่งจาก ลาซาด้าราคา 488 ในกล่องจะมีตัวกดกาแฟมาให้
ถ้าเลือกแบบที่ไม่มีที่กด ราคาก็จะถูกลงไปอีก (จริงๆไม่ต้องมีตัวกดก็ได้นะคะ ใช้ตูดถ้วยตักที่แถมมาให้กดได้เหมือนกัน)
ส่วนใหญ่จะใช้ได้กับ Nespresso ทุกรุ่น แต่ต้องดูด้วยนะคะว่ารุ่นที่บ้านเราใช้สามารถใช้ได้หรือเปล่า
2.
Nespresso refillable pods ยี่ห้อ sealpod
เราซื้อมา 1 set จะมีถ้วยตัก, แปรงปัด, สติ๊กเกอร์ 24 แผ่น และ Nespresso refillable pods พร้อมแท่นตั้งถ้วยเพื่อไม่ให้อากาศเข้า
เราซื้อในไทยอยู่ที่ 650 บาท กรณีซื้อแผ่นแปะฝาในไทยเพิ่ม ยี่ห้อนี้จะตกที่ 100 แผ่น 400 บาท จะมีกาวตรงขอบๆเพื่อปิด seal ถ้วย
(สติ๊กเกอร์ยี่ห้ออื่นก็มีนะคะ แต่ยี่ห้อนี้เค้าการันตีว่ากาวแปะขอบที่ใช้นั้นสามารถทานได้)
(ถ้าใครไปใต้หวัน สามารถไปซื้อได้ราคาจะต่างกับที่ไทยค่อนข้างเยอะ หรือสั่งเองจากเน็ตจะถูกกว่านี้)
ข้อเปรียบเทียบ
ขนาด Nespresso refillable pods จะไม่ต่างกันมาก เมื่อเราใส่กาแฟในปริมาณที่เท่าๆกัน อยู่ที่ประมาณ 3 กรัม
ข้อแตกต่างเรื่องแรกเลยที่เห็นก่อนชิมคือ
** 1. Sealpod มีการปิดที่มิดชิด สามารถใส่กาแฟที่บดแล้วทิ้งไว้ได้โดยกลิ่นไม่ออก
เนื่องจากตูดของ Sealpod มีฐานตั้งที่เป็นยาง ทำให้อากาศไม่สามารถเข้าทาง

pod
ส่วนด้านบนเราใช้สติ๊กเกอร์แปะ ทำให้เก็บได้โดยไม่มีความชื้นเพิ่มเติม
** 2. Nespresso เอง มีการปิดที่มิดชิดอยู่แล้ว
** 3. i Cafilas มีรูทั้งบนและล่าง แต่เป็นรูเล็กๆ ถ้าทำทิ้งไว้ อาจทำให้กลิ่นจางลงได้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาทดสอบกันเลย
1. sealpod เมื่อใส่เครื่องเข้าไป กดปริมาณน้ำ (มาก)
ปริมาณน้ำ : 4 / 5
ปริมาณ Crema : 4 / 5
กลิ่น : 4 / 5 แต่ยังแพ้ Nespresso เรื่องกลิ่นต้องยกให้ Nespresso กลิ่นเค้าหอม แต่ของเราสามารถเลือกเมล็ดกาแฟเองได้ตามใจชอบ
เรื่องกลิ่นนี้ sealpod ถือว่าอยู่ในขั้นที่ดีมากอยู่ ทำออกมาหอมใช้ได้
รสชาติ : 4 / 5 มีความละมุนอยู่ในตัว
ราคา : แผ่นแปะ 4 บาท ค่ากาแฟประมาณ 1.8 บาท รวมราคาต่อแก้ว 5.8 บาท (เฉพาะกาแฟต่อแก้วเท่านั้น)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. i Cafilas เมื่อใส่เครื่องเข้าไป กดปริมาณน้ำ (มาก)
ปริมาณน้ำ : 3.5 / 5 ปริมาณน้ำได้น้อยสุด อาจจะเป็นเพราะรูที่เล็ก เข็มเครื่องเจาะรูด้านหน้าไม่ได้ น้ำที่ออกมาเลยน้อยกว่าชาวบ้าน
ปริมาณ Crema : 2 / 5 ตอนน้ำออกมาเหมือนจะมี crema แต่ไม่มีอ่ะ -*-
กลิ่น : 4.5 / 5 กลิ่นความเข้มกาแฟ กลิ่นเข้มสุดมาเลย
รสชาติ : 2.5 / 5 อาจเป็นเพราะไม่มี crema ทั้งๆที่กาแฟตัวเดียวกัน ทำให้ความละมุนหายไปหมดเลย รสชาติแทบไม่ต่างจากกาแฟชงสำเร็จทั่วไป
ราคา : ค่ากาแฟประมาณ 1.8 บาท (เฉพาะกาแฟต่อแก้วเท่านั้นเพราะไม่มีค่าแผ่นแปะ)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. Nespresso เมื่อใส่เครื่องเข้าไป กดปริมาณน้ำ (มาก)
ปริมาณน้ำ : 4.5 / 5 น้ำได้เยอะกว่านิดหน่อย
ปริมาณ Crema : 4.5 / 5 สีสวยด้วย
กลิ่น : 5 / 5 ชนะเรื่องกลิ่นไปเลย
รสชาติ : 4 / 5 รสชาติเราให้เท่า sealpod
ราคา : 19-30 บาท
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อเปรียบเทียบ 3 อัน
จะเห็นได้ว่า sealpod กับ Nespresso สูสีกันใช้ได้ ในราคาที่ต่างกันค่อนข้างเยอะ
(ต่างกัน 15 บาทต่อแก้ว) ถ้าใครได้กินบ่อยๆ กินทุกวัน แล้วมีเวลาว่างในการ เลือกกลิ่นเอง
บดกาแฟ ใส่กาแฟ แปะสติ๊กเกอร์ ล้างถ้วยหลังใช้ (กากกาแฟสามารถเอาไปใส่เป็นปุ๋ยต้นไม้ได้นะคะ)
ถือเป็นอีกทางเลือกนึงที่สามารถทำให้เราสนุกไปกับการกินกาแฟในแต่ละวันอีกด้วย
จบละค่า^^ รีวิวช่วงกักตัว
[SR] รีวิว Nespresso refillable pods (แคปซูล nespresso แบบนำกลับมาใช้ได้)
เลยตัดสินใจกดสั่งซื้อ Nespresso refillable pods (ถ้วยกาแฟที่สามารถนำกลับมาใช้ได้) (ช่วยลดขยะด้วยเนอะ)
แต่ในเน็ทมันดันมีหลายแบบ มีทั้งที่เป็นสแตนเลสแบบมีสติ๊กเกอร์ติด กับแบบที่ไม่ต้องติดสติ๊กเกอร์
--> เราตัดสินใจไม่ได้เลยลองสั่งมา 2 แบบสะเลย
นอกจากนี้ สิ่งที่จะต้องมี ในการทำ Nespresso refillable pods เองคือ
1. ที่บดกาแฟ ของเราใช้เฟืองบดสแตนเลส ราคาเลยแพงหน่อยอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท
สามารถบดระเอียดได้ดี สามารถชง espresso (เบอร์ 0) แต่ในการบดกาแฟใส่ Nespresso refillable pods
เราจะใช้เบอร์ 1-2 (เฟืองเซรามิกก็มีนะคะ ถูกลงเยอะเลย)
2. เมล็ดกาแฟ เราเลือกๆมาก่อนเพื่อมาลองเครื่องบด ไม่น่าเชื่อว่าแอบช้ได้เลยเมื่อเทียบกับ Nespresso เอง
250 กรัม ราคาประมาณ 150 บาท
3. เครื่องชงกาแฟ Nespresso
จะมารีวิวให้ดูว่า ใช้แบบไหน ต่างกันที่เรื่องอะไรบ้าง
1. Nespresso refillable pods ยี่ห้อ i Cafilas
ตัวนี้เป็นตัวแรกที่มองหาเลย เพราะว่าไม่ต้องซื้อสติ๊กเกอร์แปะ เพียงแค่ บด ใส่ ปิดฝา หยอดลงในเครื่องก็จบเลย
เหมือนเสียเงินทีเดียว กล่องนี้เราสั่งจาก ลาซาด้าราคา 488 ในกล่องจะมีตัวกดกาแฟมาให้
ถ้าเลือกแบบที่ไม่มีที่กด ราคาก็จะถูกลงไปอีก (จริงๆไม่ต้องมีตัวกดก็ได้นะคะ ใช้ตูดถ้วยตักที่แถมมาให้กดได้เหมือนกัน)
ส่วนใหญ่จะใช้ได้กับ Nespresso ทุกรุ่น แต่ต้องดูด้วยนะคะว่ารุ่นที่บ้านเราใช้สามารถใช้ได้หรือเปล่า
2. Nespresso refillable pods ยี่ห้อ sealpod
เราซื้อมา 1 set จะมีถ้วยตัก, แปรงปัด, สติ๊กเกอร์ 24 แผ่น และ Nespresso refillable pods พร้อมแท่นตั้งถ้วยเพื่อไม่ให้อากาศเข้า
เราซื้อในไทยอยู่ที่ 650 บาท กรณีซื้อแผ่นแปะฝาในไทยเพิ่ม ยี่ห้อนี้จะตกที่ 100 แผ่น 400 บาท จะมีกาวตรงขอบๆเพื่อปิด seal ถ้วย
(สติ๊กเกอร์ยี่ห้ออื่นก็มีนะคะ แต่ยี่ห้อนี้เค้าการันตีว่ากาวแปะขอบที่ใช้นั้นสามารถทานได้)
(ถ้าใครไปใต้หวัน สามารถไปซื้อได้ราคาจะต่างกับที่ไทยค่อนข้างเยอะ หรือสั่งเองจากเน็ตจะถูกกว่านี้)
ข้อเปรียบเทียบ
ขนาด Nespresso refillable pods จะไม่ต่างกันมาก เมื่อเราใส่กาแฟในปริมาณที่เท่าๆกัน อยู่ที่ประมาณ 3 กรัม
ข้อแตกต่างเรื่องแรกเลยที่เห็นก่อนชิมคือ
** 1. Sealpod มีการปิดที่มิดชิด สามารถใส่กาแฟที่บดแล้วทิ้งไว้ได้โดยกลิ่นไม่ออก
เนื่องจากตูดของ Sealpod มีฐานตั้งที่เป็นยาง ทำให้อากาศไม่สามารถเข้าทาง
ส่วนด้านบนเราใช้สติ๊กเกอร์แปะ ทำให้เก็บได้โดยไม่มีความชื้นเพิ่มเติม
** 2. Nespresso เอง มีการปิดที่มิดชิดอยู่แล้ว
** 3. i Cafilas มีรูทั้งบนและล่าง แต่เป็นรูเล็กๆ ถ้าทำทิ้งไว้ อาจทำให้กลิ่นจางลงได้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาทดสอบกันเลย
1. sealpod เมื่อใส่เครื่องเข้าไป กดปริมาณน้ำ (มาก)
ปริมาณน้ำ : 4 / 5
ปริมาณ Crema : 4 / 5
กลิ่น : 4 / 5 แต่ยังแพ้ Nespresso เรื่องกลิ่นต้องยกให้ Nespresso กลิ่นเค้าหอม แต่ของเราสามารถเลือกเมล็ดกาแฟเองได้ตามใจชอบ
เรื่องกลิ่นนี้ sealpod ถือว่าอยู่ในขั้นที่ดีมากอยู่ ทำออกมาหอมใช้ได้
รสชาติ : 4 / 5 มีความละมุนอยู่ในตัว
ราคา : แผ่นแปะ 4 บาท ค่ากาแฟประมาณ 1.8 บาท รวมราคาต่อแก้ว 5.8 บาท (เฉพาะกาแฟต่อแก้วเท่านั้น)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. i Cafilas เมื่อใส่เครื่องเข้าไป กดปริมาณน้ำ (มาก)
ปริมาณน้ำ : 3.5 / 5 ปริมาณน้ำได้น้อยสุด อาจจะเป็นเพราะรูที่เล็ก เข็มเครื่องเจาะรูด้านหน้าไม่ได้ น้ำที่ออกมาเลยน้อยกว่าชาวบ้าน
ปริมาณ Crema : 2 / 5 ตอนน้ำออกมาเหมือนจะมี crema แต่ไม่มีอ่ะ -*-
กลิ่น : 4.5 / 5 กลิ่นความเข้มกาแฟ กลิ่นเข้มสุดมาเลย
รสชาติ : 2.5 / 5 อาจเป็นเพราะไม่มี crema ทั้งๆที่กาแฟตัวเดียวกัน ทำให้ความละมุนหายไปหมดเลย รสชาติแทบไม่ต่างจากกาแฟชงสำเร็จทั่วไป
ราคา : ค่ากาแฟประมาณ 1.8 บาท (เฉพาะกาแฟต่อแก้วเท่านั้นเพราะไม่มีค่าแผ่นแปะ)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. Nespresso เมื่อใส่เครื่องเข้าไป กดปริมาณน้ำ (มาก)
ปริมาณน้ำ : 4.5 / 5 น้ำได้เยอะกว่านิดหน่อย
ปริมาณ Crema : 4.5 / 5 สีสวยด้วย
กลิ่น : 5 / 5 ชนะเรื่องกลิ่นไปเลย
รสชาติ : 4 / 5 รสชาติเราให้เท่า sealpod
ราคา : 19-30 บาท
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อเปรียบเทียบ 3 อัน
จะเห็นได้ว่า sealpod กับ Nespresso สูสีกันใช้ได้ ในราคาที่ต่างกันค่อนข้างเยอะ
(ต่างกัน 15 บาทต่อแก้ว) ถ้าใครได้กินบ่อยๆ กินทุกวัน แล้วมีเวลาว่างในการ เลือกกลิ่นเอง
บดกาแฟ ใส่กาแฟ แปะสติ๊กเกอร์ ล้างถ้วยหลังใช้ (กากกาแฟสามารถเอาไปใส่เป็นปุ๋ยต้นไม้ได้นะคะ)
ถือเป็นอีกทางเลือกนึงที่สามารถทำให้เราสนุกไปกับการกินกาแฟในแต่ละวันอีกด้วย
จบละค่า^^ รีวิวช่วงกักตัว
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้