ฮาบีเลีย ออปตาตา
นักล่าหัวมีดพับแห่งท้องทะเล
Cr: Joanna Liang. Copyright: Royal Ontario Museum / Jean-Bernard Caron. Copyright: Royal Ontario Museum
ในยุคแคมเบรียน (Cambrian) เมื่อ 507–500 ล้านปีที่แล้ว มีเกิดเหตุการณ์ใหญ่ที่เรียกว่า แคมเบรียน เอ็กโพลชั่น (Cambrian explosion) เป็นปรากฏการณ์ทางชีวภาพที่จู่ๆสิ่งมีชีวิตหลายชนิดอุบัติขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน แต่มีสัตว์ชนิดหนึ่งที่นักบรรพชีวินวิทยาศึกษามาอย่างยาวนาน คือกลุ่มสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในไฟลัมอาร์โธรพอดส์ (Arthropods) หรือสัตว์ขาปล้องมีรยางค์ต่อกันเป็นข้อๆ โดยชนิดที่พวกเขาสนใจคือฮาบีเลีย ออปตาตา (Habelia optata) อายุ 508 ล้านปี ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต และพิพิธภัณฑ์รอยัล ออนทาริโอ เมืองโตรอนโต ในแคนาดา เผยว่า ซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลของฮาบีเลีย ออปตาตา ถูกค้นพบครั้งแรกมานานกว่า 100 ปี ที่เบอร์เจสส์ เชล แหล่งขุดค้นฟอสซิลในรัฐบริติชโคลัมเบียแห่งแคนาดา ซากมีขนาด 2 เซนติเมตร หางยาว เป็นญาติกับพวกแมงมุม, แมลง, ล็อปสเตอร์และปู แต่ฮาบีเลีย ออปตาตา กลับไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกาย แขนขา ข้อต่อ รวมถึงการล่าเหยื่อและการกินอาหาร ทว่าการวิเคราะห์โครงสร้างร่างกายของสัตว์ดึกดำบรรพ์ชนิดนี้ล่าสุดพบว่าอวัยวะที่เรียกว่าเคลิเซอรา (chelicerata) อยู่ด้านหน้าของปาก มีไว้เพื่อตัดฉีกอาหาร
ทั้งนี้ ได้มีการจำลองภาพที่สมบูรณ์ของฮาบีเลีย ออปตาตา ที่แสดงให้เห็นว่าร่างกายมีเกราะหุ้มและปกคลุมไปด้วยเงี่ยงที่แตกต่างกัน ลำตัวแบ่งเป็นปล้องรยางค์พร้อมขาเดิน 5 คู่ ส่วนหัวมีพัฒนาการที่ซับซ้อนแปลกประหลาด ส่วนที่ยื่นออกมาจากร่างกายนั้นมีฟันสำหรับเค้ียว ขายาวเรียวมีขนแข็งและมีประสาทสัมผัส ซึ่งนักบรรพชีวินวิทยาเชื่อว่าฮาบีเลีย ออปตาตา นั้นเป็นนักล่าที่ดุร้ายอย่างยิ่งแม้จะมีขนาดตัวเล็กกระจ้อยร่อย.
Cr.
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1167712
อิกทิโอซอรัส
ฟอสซิลสัตว์ประหลาดทะเล 152 ล้านปี กลางทะเลทรายในอินเดีย / news.nationalgeographic.com
เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2560 คณะนักวิทยาศาสตร์ในอินเดียค้นพบฟอสซิลอายุเก่าแก่กว่า 152 ล้านปี ของ “อิกทิโอซอรัส” สัตว์เลื้อยคลานทะเลในวงศ์อิกทิโอซอร์ (Ichthyosaur) ฉายาว่า ซี มอนสเตอร์ หรือสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้ว
การค้นพบฟอสซิลนี้ในทะเลทรายคุตช์ รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย เผยแพร่ในนิตยสารวิทยาศาสตร์ พล็อส วัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฟอสซิลอิกทิโอซอรัสพบในอินเดีย ฟอสซิลดังกล่าวอยู่ภายในก้อนหินจากมหายุคมีโซโซอิก (ช่วง 252 ถึง 66 ล้านปีก่อนคริสตกาล)
ศ.กันตุปัลลี วีอาร์ ประสาท ผู้นำการวิจัยครั้งนี้ กล่าวว่า ฟอสซิลอิกทิโอซอรัสที่ค้นพบมีความยาว 5.5 เมตร อยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ มีเพียงส่วนของกะโหลกศีรษะและกระดูกหางที่พบว่าหายไป คณะสำรวจประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์จากอินเดียและเยอรมนี เชื่อว่าสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบล่าสุดนี้ สามารถระบุได้ว่าเป็น ออพธัลโมเซาริแด Ophthalmosauridae ซึ่งเป็นตระกูลของอิกทิโอซอรัส โดยอาศัยอยู่ในมหาสมุทรระหว่าง 165-90 ล้านปีก่อนคริสต์กาล
คณะสำรวจระบุว่า การชันสูตรของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่นี้อาจไขกุญแจหาคำตอบว่า อัตลักษณ์ของสายพันธุ์ใหม่อาจเชื่อมโยงทางทะเลระหว่างอินเดียและอเมริกาใต้เมื่อ 150 ล้านปีก่อนหรือไม่ นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบฟันของฟอสซิลแสดงให้เห็นว่า อิกทิโอซอรัสเป็นสัตว์นักล่าชั้นยอดในระบบนิเวศน์ของมัน
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
ที่มา
https://th.wikipedia.org/wiki
Cr.
https://www.prachachat.net/foreign-soft-news/news-60958
Anomalocaridid
นักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียค้นพบซากฟอสซิลดวงตาคู่หนึ่งที่คล้ายแมลง ซึ่งเป็นของสัตว์นักล่ารูปร่างแปลกประหลาดยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่หากินอยู่ในทะเลเมื่อกว่า 515 ล้านปีมาแล้ว การพบโดยบังเอิญดังกล่าวซึ่งเผยแพร่ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ "เนเจอร์" ระบุว่า ดวงตาดังกล่าวมีขนาดเส้นรอบวง 3 เซนติเมตร ประกอบด้วยเลนส์ 16,000 ชิ้น ซึ่งเป็นของสัตว์ในตระกูลหอยขนาดใหญ่
ที่เรียกว่า อโนมาโลคาริส สัตว์ที่มีลักษณะคล้ายกุ้งขนาดใหญ่ที่อาศัยร่วมกับตัวไทรโลไบท์ หรือแมลงทะเล ที่สูญพันธุ์ไปแล้วสมัยดึกดำบรรพ์ ที่มีรูปร่างแบนเป็นวงรี แต่ตาของมันสามารถมองเห็นภาพต่างๆได้เพียงลางๆเท่านั้น โดยสามารถแยกความมืดและความสว่างได้ แต่ไม่สามารถแยกรูปร่างของสิ่งใดๆได้ ซากดังกล่าวพบอยู่ในหินบนเกาะแกงการูของออสเตรเลีย
อโนมาโลคาริสเมื่อโตขึ้นจะมีความยาวถึง 1 เมตร ได้รับการขนานนามว่าเป็นเหมือนฉลามขาวยักษ์แห่งท้องทะเลในยุคแคมเบรียน ซึ่งอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารในทะเลยุคโบราณ
ดร.จิม จาโก ผู้ศึกษาซากดึกดำบรรพ์ จากสถาบัน UniSA กล่าวว่า ระหว่างที่เขาทำการจัดระบบซากฟอสซิลประเภทอื่นอยู่นั้น เขาบังเอิญสังเกตเห็นซากดึกดำบรรพ์ดังกล่าว และเห็นว่ามันมีความซับซ้อนมากกว่าซากประเภทเดียวกันที่เขาเคยพบ...
ภาพของสัตว์จำพวกอาร์โทปอดที่เป็นนักล่าตัวแรกของโลก (ที่มา : viralnova )
นักวิทยาศาสตร์ประหลาดใจกับจำนวนเลนส์ที่อยู่ในดวงตาของสัตว์ชนิดนี้ เพราะมีจำนวนเป็นรองเพียงเลนส์ดวงตาของแมลงปอในยุคปัจจุบันซึ่งมีประมาณ 30,000 ชิ้น
การค้นพบครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า อโนมาโลคาริสมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วมากในด้านการมอง น่าจะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดการวิวัฒนาการในบรรดาสัตว์ชนิดอื่น ๆ ด้วย และยืนยันว่า อโนมาโลคาริสเป็นบรรพบุรุษของสัตว์จำพวกอาร์โทรพอดยุคใหม่จำพวกแมงมุม แมงป่อง กุ้ง ปู และแมลงต่าง ๆ
ฟอสซิลนี้ถูกฝังอยู่ในโคลนก้นทะเลเมื่อประมาณ 500 ล้านปีที่แล้วของออสเตรเลีย ซึ่งในยุคนั้นออสเตรเลียเป็นส่วนหนึ่งของมหาทวีปกอนด์วานา ที่ตั้งอยู่ในน่านน้ำเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร
เขียนโดย menmen
Cr.
https://generalmenmen.blogspot.com/2016/06/515.html
eolarva kuanchuanpuensis
ภาพของฟอสซิลในยุคแคมเบรียน (ช่วง 542-488 ล้านปีก่อน) ซึ่งเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น แบคทีเรีย ไปสู่โครงสร้างหลายเซลล์ มีตา แขนขา และลำตัวแข็ง ซากฟอสซิลตัวอ่อนที่พบในจีนมีชีวิตอยู่ช่วงเริ่มต้นของยุคนี้
นักวิทยาศาสตร์จีนค้นพบซากฟอสซิลของสัตว์ ซึ่งมีกายวิภาคประหลาดพิสดารไม่เหมือนใคร บ่งชี้ว่า เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่โตเต็มวัย มันน่าจะเป็นตัวอ่อน
( larva) จากการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน พบว่า มันไม่มีปากสำหรับกินอาหาร หรือ รูทวารสำหรับขับถ่ายของเสีย นอกจากนั้นยังมีอายุย้อนไปไกลถึง 535 ล้านปีก่อน
การศึกษาซากฟอสซิลนี้เป็นการค้นคว้าวิจัยร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยปักกิ่งกับสถาบันวิทยาศาสตร์จีน โดยในรายงานผลการค้นคว้า ซึ่งศาสตราจารย์ตง ซีผิง และศาสตราจารย์จ้วง หวาเฉียว เขียนลงในวารสาร ไซเอนซ์ บูลเลตินเจอร์นัล (Science Bulletinjournal) ประจำเดือนธ.ค.2558 ระบุว่า ลักษณะรูปร่างของมันแตกต่างจากไฟลัมใด ๆ ในอาณาจักรสัตว์ ที่รู้จักกันมา
ตัวประหลาดนี้เรียกว่า เอียวลาร์วา ควนชวนพูเอ็นซิส ( eolarva kuanchuanpuensis) โดยนักวิทยาศาสตร์คณะนี้พบซากฟอสซิลของเจ้าเอียวลาร์วาหลายซากถูกฝังอยู่ภายในก้อนหินปูนในมณฑลส่านซี ภาคตะวันตกของจีน แต่มีฟอสซิลเพียง 2 ซากเท่านั้นที่ยังคงสภาพดีพอสำหรับให้ได้ศึกษา
โดยแต่ละซากมีขนาดกว้างราว 1 มิลลิเมตร
จากลักษณะทางกายวิภาค คณะนักวิทยาศาสตร์จึงลงความเห็นว่า มันน่าจะดำรงชีวิตด้วยการดูดสารอินทรีย์จากสิ่งแวดล้อมผ่านทางผิวหนัง นอกจากนั้น มันยังมีสมองและระบบประสาท รวมทั้งมีหนวด 3 คู่ยื่นออกมาด้านข้างตัว ซึ่งอาจใช้สำหรับว่ายน้ำ หรือป้องกันตัว
Cr.
https://mgronline.com/china/detail/9580000135534 / โดย MGR Online
Sollasina Cthulhu
Heropyrgus disterminus. Cr: (c) Proceedings of the Royal Society B: Biological Sciences (2017). DOI:10.1098/rspb.2017.1189
ฟอลซิลของสัตว์ทะเลหนวดยาวตัวนี้ถูกพบที่ เฮียร์ฟอร์ดเชอร์, สหราชอาณาจักร นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า หนวดของมันยาวกว่าลำตัวเสียอีก
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากอังกฤษและสหรัฐอเมริกาได้ค้นพบซากดึกดำบรรพ์เอคไคโนเดิร์ม (Echinoderm) หรือสัตว์ทะเลสายพันธุ์เดียวกับปลาดาว หอยเม่น และพลับพลึงทะเล ซึ่งจัดเป็นไฟลัมหนึ่งของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
สัตว์ทะเลตัวนี้ได้รับการขนานนามว่า Sollasina Cthulhu ซึ่งมาจากสัตว์ในนิยายของ H.P. Lovecraft นักเขียนชาวอเมริกัน ซึ่งถึงแม้ว่าสัตว์ตัวนี้จะมีขนาดที่เล็กกว่าสัตว์ในเนื้อเรื่องของ Lovecraft แต่ตัวจริงของมันก็มีรูปร่างน่ากลัวพอไม้แพ้กับสัตว์ประหลาดตัวอื่น ๆ ในยุคเดียวกันเลยแม้แต่น้อย
ลักษณะรูปร่างของสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้ปกติแล้วจะมีความสมมาตรแบบทรงรัศมี 5 แฉก เป็นท่อยื่นออกมาเพื่อช่วยเคลื่อนไหว กินอาหาร แลกเปลี่ยนออกซิเจน จริงๆแล้วนักวิทยาศาสตร์สงสัยมานานว่าเอคไคโนเดิร์มโบราณจะมีโครงสร้างระบบท่อคล้ายกับพวกดาวทะเลในปัจจุบันหรือไม่ เนื่องจากพบร่องรอยที่เชื่อว่าระบบท่อในซาก Heropyrgus disterminus เช่นกัน แต่หายไปเพราะความบอบบาง
ภาพตัวอย่างแบบตัดขวางและภาพ 3 มิติของซากดึกดำบรรพ์ทั้งหมดของ Heropyrgus disterminus
Cr.
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1079434
“อีฟ”
คณะนักโบราณคดีเปิดเผยว่า ซากของ “สัตว์ประหลาดใต้ทะเล” ยุคจูราสสิคที่พบในมณฑลเคมบริดจ์เชียร์ อาจเป็นสัตว์เลื้อยคลานทะเลดึกดำบรรพ์ (พลีซิโอซอร์) สายพันธุ์ใหม่ ทั้งนี้ ดร. คาร์ล แฮร์ริสันกับคณะนักโบราณคดีจากออกซ์ฟอร์ดได้ขุดพบกระดูกกว่า 600 ชิ้น รวมทั้งกะโหลกของสัตว์เลื้อยคลานดังกล่าวซึ่งมีอายุ 165 ล้านปี ที่เหมืองหินมัสต์ฟาร์ม ใกล้เมืองวิตเทิลซี พวกเขาพบว่าซากดึกดำบรรพ์นี้ยังถูกเก็บรักษาไว้ในชั้นดินเหนียว
ซากนี้ถูกเรียกว่า “อีฟ” เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่น่าทึ่ง ชิ้นส่วนที่พบมีเกือบครบทั้งตัว ขาดไปเพียงครีบหลังและบางส่วนของครีบหน้า คณะนักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าอีฟมีลำตัวยาว 6 เมตร หนัก 300 กิโลกรัม
พลีซิโอซอร์อยู่ในยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีความยาวตั้งแต่ประมาณ 2 เมตรถึง 15 เมตร และมีลำคอที่ยาวมาก มันกินสัตว์ทะเล เช่น ปลาและหอยเป็นอาหาร เวลาอยู่ในน้ำ สามารถว่ายน้ำได้ด้วยความเร็ว 8.2 กม.ต่อชั่วโมง แต่ได้สูญพันธุ์ไปเมื่อ 66 ล้านปีก่อน
ที่มา BBC Thailand
Cr.
https://grabyourfins.wordpress.com/2016/01/23/พบสัตว์ประหลาดใต้ทะเลใ/
ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา
ฟอสซิล “สัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล” นักล่าดึกดำบรรพ์
ในยุคแคมเบรียน (Cambrian) เมื่อ 507–500 ล้านปีที่แล้ว มีเกิดเหตุการณ์ใหญ่ที่เรียกว่า แคมเบรียน เอ็กโพลชั่น (Cambrian explosion) เป็นปรากฏการณ์ทางชีวภาพที่จู่ๆสิ่งมีชีวิตหลายชนิดอุบัติขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน แต่มีสัตว์ชนิดหนึ่งที่นักบรรพชีวินวิทยาศึกษามาอย่างยาวนาน คือกลุ่มสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในไฟลัมอาร์โธรพอดส์ (Arthropods) หรือสัตว์ขาปล้องมีรยางค์ต่อกันเป็นข้อๆ โดยชนิดที่พวกเขาสนใจคือฮาบีเลีย ออปตาตา (Habelia optata) อายุ 508 ล้านปี ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต และพิพิธภัณฑ์รอยัล ออนทาริโอ เมืองโตรอนโต ในแคนาดา เผยว่า ซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลของฮาบีเลีย ออปตาตา ถูกค้นพบครั้งแรกมานานกว่า 100 ปี ที่เบอร์เจสส์ เชล แหล่งขุดค้นฟอสซิลในรัฐบริติชโคลัมเบียแห่งแคนาดา ซากมีขนาด 2 เซนติเมตร หางยาว เป็นญาติกับพวกแมงมุม, แมลง, ล็อปสเตอร์และปู แต่ฮาบีเลีย ออปตาตา กลับไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกาย แขนขา ข้อต่อ รวมถึงการล่าเหยื่อและการกินอาหาร ทว่าการวิเคราะห์โครงสร้างร่างกายของสัตว์ดึกดำบรรพ์ชนิดนี้ล่าสุดพบว่าอวัยวะที่เรียกว่าเคลิเซอรา (chelicerata) อยู่ด้านหน้าของปาก มีไว้เพื่อตัดฉีกอาหาร
ทั้งนี้ ได้มีการจำลองภาพที่สมบูรณ์ของฮาบีเลีย ออปตาตา ที่แสดงให้เห็นว่าร่างกายมีเกราะหุ้มและปกคลุมไปด้วยเงี่ยงที่แตกต่างกัน ลำตัวแบ่งเป็นปล้องรยางค์พร้อมขาเดิน 5 คู่ ส่วนหัวมีพัฒนาการที่ซับซ้อนแปลกประหลาด ส่วนที่ยื่นออกมาจากร่างกายนั้นมีฟันสำหรับเค้ียว ขายาวเรียวมีขนแข็งและมีประสาทสัมผัส ซึ่งนักบรรพชีวินวิทยาเชื่อว่าฮาบีเลีย ออปตาตา นั้นเป็นนักล่าที่ดุร้ายอย่างยิ่งแม้จะมีขนาดตัวเล็กกระจ้อยร่อย.
Cr.https://www.thairath.co.th/news/foreign/1167712
เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2560 คณะนักวิทยาศาสตร์ในอินเดียค้นพบฟอสซิลอายุเก่าแก่กว่า 152 ล้านปี ของ “อิกทิโอซอรัส” สัตว์เลื้อยคลานทะเลในวงศ์อิกทิโอซอร์ (Ichthyosaur) ฉายาว่า ซี มอนสเตอร์ หรือสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้ว
การค้นพบฟอสซิลนี้ในทะเลทรายคุตช์ รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย เผยแพร่ในนิตยสารวิทยาศาสตร์ พล็อส วัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฟอสซิลอิกทิโอซอรัสพบในอินเดีย ฟอสซิลดังกล่าวอยู่ภายในก้อนหินจากมหายุคมีโซโซอิก (ช่วง 252 ถึง 66 ล้านปีก่อนคริสตกาล)
ศ.กันตุปัลลี วีอาร์ ประสาท ผู้นำการวิจัยครั้งนี้ กล่าวว่า ฟอสซิลอิกทิโอซอรัสที่ค้นพบมีความยาว 5.5 เมตร อยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ มีเพียงส่วนของกะโหลกศีรษะและกระดูกหางที่พบว่าหายไป คณะสำรวจประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์จากอินเดียและเยอรมนี เชื่อว่าสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบล่าสุดนี้ สามารถระบุได้ว่าเป็น ออพธัลโมเซาริแด Ophthalmosauridae ซึ่งเป็นตระกูลของอิกทิโอซอรัส โดยอาศัยอยู่ในมหาสมุทรระหว่าง 165-90 ล้านปีก่อนคริสต์กาล
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki
Cr.https://www.prachachat.net/foreign-soft-news/news-60958
นักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียค้นพบซากฟอสซิลดวงตาคู่หนึ่งที่คล้ายแมลง ซึ่งเป็นของสัตว์นักล่ารูปร่างแปลกประหลาดยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่หากินอยู่ในทะเลเมื่อกว่า 515 ล้านปีมาแล้ว การพบโดยบังเอิญดังกล่าวซึ่งเผยแพร่ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ "เนเจอร์" ระบุว่า ดวงตาดังกล่าวมีขนาดเส้นรอบวง 3 เซนติเมตร ประกอบด้วยเลนส์ 16,000 ชิ้น ซึ่งเป็นของสัตว์ในตระกูลหอยขนาดใหญ่
ที่เรียกว่า อโนมาโลคาริส สัตว์ที่มีลักษณะคล้ายกุ้งขนาดใหญ่ที่อาศัยร่วมกับตัวไทรโลไบท์ หรือแมลงทะเล ที่สูญพันธุ์ไปแล้วสมัยดึกดำบรรพ์ ที่มีรูปร่างแบนเป็นวงรี แต่ตาของมันสามารถมองเห็นภาพต่างๆได้เพียงลางๆเท่านั้น โดยสามารถแยกความมืดและความสว่างได้ แต่ไม่สามารถแยกรูปร่างของสิ่งใดๆได้ ซากดังกล่าวพบอยู่ในหินบนเกาะแกงการูของออสเตรเลีย
อโนมาโลคาริสเมื่อโตขึ้นจะมีความยาวถึง 1 เมตร ได้รับการขนานนามว่าเป็นเหมือนฉลามขาวยักษ์แห่งท้องทะเลในยุคแคมเบรียน ซึ่งอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารในทะเลยุคโบราณ
ดร.จิม จาโก ผู้ศึกษาซากดึกดำบรรพ์ จากสถาบัน UniSA กล่าวว่า ระหว่างที่เขาทำการจัดระบบซากฟอสซิลประเภทอื่นอยู่นั้น เขาบังเอิญสังเกตเห็นซากดึกดำบรรพ์ดังกล่าว และเห็นว่ามันมีความซับซ้อนมากกว่าซากประเภทเดียวกันที่เขาเคยพบ...
การค้นพบครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า อโนมาโลคาริสมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วมากในด้านการมอง น่าจะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดการวิวัฒนาการในบรรดาสัตว์ชนิดอื่น ๆ ด้วย และยืนยันว่า อโนมาโลคาริสเป็นบรรพบุรุษของสัตว์จำพวกอาร์โทรพอดยุคใหม่จำพวกแมงมุม แมงป่อง กุ้ง ปู และแมลงต่าง ๆ
ฟอสซิลนี้ถูกฝังอยู่ในโคลนก้นทะเลเมื่อประมาณ 500 ล้านปีที่แล้วของออสเตรเลีย ซึ่งในยุคนั้นออสเตรเลียเป็นส่วนหนึ่งของมหาทวีปกอนด์วานา ที่ตั้งอยู่ในน่านน้ำเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร
เขียนโดย menmen
Cr.https://generalmenmen.blogspot.com/2016/06/515.html
ภาพของฟอสซิลในยุคแคมเบรียน (ช่วง 542-488 ล้านปีก่อน) ซึ่งเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น แบคทีเรีย ไปสู่โครงสร้างหลายเซลล์ มีตา แขนขา และลำตัวแข็ง ซากฟอสซิลตัวอ่อนที่พบในจีนมีชีวิตอยู่ช่วงเริ่มต้นของยุคนี้
นักวิทยาศาสตร์จีนค้นพบซากฟอสซิลของสัตว์ ซึ่งมีกายวิภาคประหลาดพิสดารไม่เหมือนใคร บ่งชี้ว่า เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่โตเต็มวัย มันน่าจะเป็นตัวอ่อน
( larva) จากการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน พบว่า มันไม่มีปากสำหรับกินอาหาร หรือ รูทวารสำหรับขับถ่ายของเสีย นอกจากนั้นยังมีอายุย้อนไปไกลถึง 535 ล้านปีก่อน
การศึกษาซากฟอสซิลนี้เป็นการค้นคว้าวิจัยร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยปักกิ่งกับสถาบันวิทยาศาสตร์จีน โดยในรายงานผลการค้นคว้า ซึ่งศาสตราจารย์ตง ซีผิง และศาสตราจารย์จ้วง หวาเฉียว เขียนลงในวารสาร ไซเอนซ์ บูลเลตินเจอร์นัล (Science Bulletinjournal) ประจำเดือนธ.ค.2558 ระบุว่า ลักษณะรูปร่างของมันแตกต่างจากไฟลัมใด ๆ ในอาณาจักรสัตว์ ที่รู้จักกันมา
ตัวประหลาดนี้เรียกว่า เอียวลาร์วา ควนชวนพูเอ็นซิส ( eolarva kuanchuanpuensis) โดยนักวิทยาศาสตร์คณะนี้พบซากฟอสซิลของเจ้าเอียวลาร์วาหลายซากถูกฝังอยู่ภายในก้อนหินปูนในมณฑลส่านซี ภาคตะวันตกของจีน แต่มีฟอสซิลเพียง 2 ซากเท่านั้นที่ยังคงสภาพดีพอสำหรับให้ได้ศึกษา
โดยแต่ละซากมีขนาดกว้างราว 1 มิลลิเมตร
Cr.https://mgronline.com/china/detail/9580000135534 / โดย MGR Online
Heropyrgus disterminus. Cr: (c) Proceedings of the Royal Society B: Biological Sciences (2017). DOI:10.1098/rspb.2017.1189
ฟอลซิลของสัตว์ทะเลหนวดยาวตัวนี้ถูกพบที่ เฮียร์ฟอร์ดเชอร์, สหราชอาณาจักร นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า หนวดของมันยาวกว่าลำตัวเสียอีก
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากอังกฤษและสหรัฐอเมริกาได้ค้นพบซากดึกดำบรรพ์เอคไคโนเดิร์ม (Echinoderm) หรือสัตว์ทะเลสายพันธุ์เดียวกับปลาดาว หอยเม่น และพลับพลึงทะเล ซึ่งจัดเป็นไฟลัมหนึ่งของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
สัตว์ทะเลตัวนี้ได้รับการขนานนามว่า Sollasina Cthulhu ซึ่งมาจากสัตว์ในนิยายของ H.P. Lovecraft นักเขียนชาวอเมริกัน ซึ่งถึงแม้ว่าสัตว์ตัวนี้จะมีขนาดที่เล็กกว่าสัตว์ในเนื้อเรื่องของ Lovecraft แต่ตัวจริงของมันก็มีรูปร่างน่ากลัวพอไม้แพ้กับสัตว์ประหลาดตัวอื่น ๆ ในยุคเดียวกันเลยแม้แต่น้อย
ลักษณะรูปร่างของสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้ปกติแล้วจะมีความสมมาตรแบบทรงรัศมี 5 แฉก เป็นท่อยื่นออกมาเพื่อช่วยเคลื่อนไหว กินอาหาร แลกเปลี่ยนออกซิเจน จริงๆแล้วนักวิทยาศาสตร์สงสัยมานานว่าเอคไคโนเดิร์มโบราณจะมีโครงสร้างระบบท่อคล้ายกับพวกดาวทะเลในปัจจุบันหรือไม่ เนื่องจากพบร่องรอยที่เชื่อว่าระบบท่อในซาก Heropyrgus disterminus เช่นกัน แต่หายไปเพราะความบอบบาง
คณะนักโบราณคดีเปิดเผยว่า ซากของ “สัตว์ประหลาดใต้ทะเล” ยุคจูราสสิคที่พบในมณฑลเคมบริดจ์เชียร์ อาจเป็นสัตว์เลื้อยคลานทะเลดึกดำบรรพ์ (พลีซิโอซอร์) สายพันธุ์ใหม่ ทั้งนี้ ดร. คาร์ล แฮร์ริสันกับคณะนักโบราณคดีจากออกซ์ฟอร์ดได้ขุดพบกระดูกกว่า 600 ชิ้น รวมทั้งกะโหลกของสัตว์เลื้อยคลานดังกล่าวซึ่งมีอายุ 165 ล้านปี ที่เหมืองหินมัสต์ฟาร์ม ใกล้เมืองวิตเทิลซี พวกเขาพบว่าซากดึกดำบรรพ์นี้ยังถูกเก็บรักษาไว้ในชั้นดินเหนียว
ซากนี้ถูกเรียกว่า “อีฟ” เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่น่าทึ่ง ชิ้นส่วนที่พบมีเกือบครบทั้งตัว ขาดไปเพียงครีบหลังและบางส่วนของครีบหน้า คณะนักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าอีฟมีลำตัวยาว 6 เมตร หนัก 300 กิโลกรัม
พลีซิโอซอร์อยู่ในยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีความยาวตั้งแต่ประมาณ 2 เมตรถึง 15 เมตร และมีลำคอที่ยาวมาก มันกินสัตว์ทะเล เช่น ปลาและหอยเป็นอาหาร เวลาอยู่ในน้ำ สามารถว่ายน้ำได้ด้วยความเร็ว 8.2 กม.ต่อชั่วโมง แต่ได้สูญพันธุ์ไปเมื่อ 66 ล้านปีก่อน
Cr.https://grabyourfins.wordpress.com/2016/01/23/พบสัตว์ประหลาดใต้ทะเลใ/
ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา