ขอคำแนะนำเรื่องการซื้อบ้าน และการเงิน

ขอความคิดเห็นหน่อยครับ ผมมีแผนเรื่องการงาน และ อยากซื้อบ้านครับ
1.อายุงาน + เงินเดือน
2.การแบ่งบัญชี หรือ การทำรายการเดินบัญชีสวยๆ เพื่อยื่นกู้บ้าน
--------------------------------------------------------------------------------
ผมทำงานมาประมาณ 3 ปีแล้วครับ ปัจจุบัน อายุ 26 ปี
ผมเรียนจบปี 2561 ก็เริ่มทำงานเลย ได้งานทันทีเลย และจากที่เรียนจบ ถึง ปัจจุบันก็ยังทำงานอยู่ที่เดิม
2561 จากเงินเดือนเข้าไป ปีแรก 16,500 + On Call 2500.-
2562 ปีที่ 2 ขยับมาเป็น 23,500 + On Call 4000.- สาเหตุที่ปีนี้ เงินเดือนขยับขึ้นเยอะผิดปกติเพราะว่า มีข่าวการยื่นเรื่องลาออกภายในทีม แล้วเจ้านายรู้ว่าผมก็มีแนวโน้มเช่นกัน จึง Offcer เงินเดือนมาให้ ผมจึงยังไม่ตัดสินใจอะไรในปีนี้
2563 ปีที่ 3 มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้ผมเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น หัวหน้าแบบกระทันหัน และ เจ้านาย เสนอปรับเงินเดือนให้อีก เป็น Base 27000.- + ค่าตำแหน่ง 3000.- + ค่า On call  5000.- 
   - แต่ในปีนี้ ผมก็ มีแผนจะย้ายงานครับ เนื่องจากผมมองว่า อนาคตไม่โต ผมยังอยากได้สกิลในสายงานที่เกี่ยวข้องมากกว่านี้ อ้อ ผมทำงานเกี่ยวกับ Network Eignieer Soulution คือทุกอย่าง ทุกงานในองค์กรนั้นกระจ่างรู้หมดแล้ว จึงไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นอีก + กับพี่ ๆ ที่เคยลาออกไป ทำงาน บ.ใหญ่ ๆ ได้จับ ได้เล่น อุปกรณ์ในเกรด Enterprise เยอะมาก ผมจึงคิดหนัก
--------------------------------------------------------------------------------
เรื่องบ้าน
  เนื่องจาก ผมก็อยากซื้อบ้าน ผมจึงช่างใจระหว่างย้ายงาน กับ เรื่องบ้านมากขึ้น แต่ผมก็คงจะตัดสินใจว่าจะเอาบ้านก่อน ดังนั้นผมจึงมีคำถามเกี่ยวกับบ้านดังต่อไปนี้ครับ
1.ผมเงินเดือน ณ ปัจจุบัน 36,000 โดยประมาณ ผมจะสามารถยื่นกู้บ้านในราคาได้เท่าไหร่บ้าง (ความสามารถในการผ่อนสัก 20000-25000 กำลังดี)
2.การแบ่งสัดส่วนเงิน ทำแบบนี้โอเคหรือยัง
  -ผมไม่มีภาระผ่อนอะไรทั้งสิ้นเลย มีบัตรเครดิต 3 ใบ แบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน
  - SCB = บัญชีรับเงินเดือน 
  - Kbank = บัญชีใช้จ่ายประจำวัน/เดือน , มีบัตรเครดิตด้วย ใบที่1
  - CitiBank = บัตรเครดิตไว้ใช้เติมน้ำมันรถ ใบที่2
  - TMB = บัญชีเงินฝากไม่ประจำ , มีบัตรเครดิต ไม่ได้ใช้เก็บไว้ฉุกเฉิน ใบที่3
    -เวลาเงินเดือนเข้า ผมจะโอนออกจาก SCB หมดเลย ไปใส่ Kbank ทั้งหมด เช่น เงินเดือน 36,000 ก็ใส่ Kbank หมดและจากนั้น Kbank ผมก็จะโอนไปใส่ TMB เงินฝากไม่ประจำ (โดยให้เหลือติด Kbank ไว้ 5หมื่น เพื่อใช้จ่าย อื่น ๆ)
    -รายจ่ายแบบ FixCost ผมน่าจะมีประมาณ 6-7 พันบาท เช่น ให้พ่อ ให้แม่ ใช้จ่ายในบ้าน ค่าอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ เป็นต้น
3.ปัจจุบันผมมีเงินเก็บแค่ประมาณ 150,000 บาท พึ่งเริ่มเก็บได้ 1 ปี (ผมเสียดายเวลา 2 ปี ที่ผ่านมามาก ถ้าเริ่มเก็บแต่แรกคงได้มากกว่านี้)
--------------------------------------------------------------------------------
ขอคำแนะนำจาก พี่ ๆ ผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์หน่อยครับ ขอบพระคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
แนะนำว่า หาจำนวนเงินที่คุณอยากผ่อนหรือผ่อนไหวต่อเดือนออกมาก่อนค่ะ แล้วค่อยเลือกราคาบ้าน โดยคำนวนให้ เงินจำนวนที่คุณคิดไว้ตอนแรกเป็น 1.5 เท่าของค่าผ่อนบ้านขั้นต่ำ
ดาวน์โหลดตาราง Excel ไปคำนวณเล่นๆค่ะ แล้วคุณจะเห็นว่าการผ่อนบ้านเพิ่มจากขั้นต่ำ 25 ถึง 50% ทุกเดือนจะทำให้คุณประหยัดดอกเบี้ยและผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นได้มากเป็นทวีคูณ แล้วคุณจะมีเงินเหลือไปใช้ทำอย่างอื่นในอนาคตด้วย หรือถ้าต่อไปมีสถานการณ์อะไรรุนแรงแบบโควิด-19 ขึ้นมาอีก ก็จะไม่เดือดร้อนมาก
มีประเด็นนึงนะที่เรางงสงสัยมานานแล้ว หลายๆคนผ่อนรถราคาล้านกว่าได้ใน 5-6 ปีแต่ผ่อนบ้าน 15-20 ปีไม่หมดสักที  ฝากไว้ให้คิดค่ะว่ามันยังไง และจะนำไปปรับใช้ยังไง อมยิ้ม16

ส่วนข้อคิดที่เราได้จาก ประสบการณ์ตัวเองนะคะ
1. เลือกให้เหมาะสมกับสถานะในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องเลือกที่ดีที่สุดหรือแพงที่สุดที่ผ่อนไหว อย่าคิดว่าจะเป็นบ้านหลังสุดท้ายในชีวิต ถ้าในอนาคตรายได้เพิ่มขึ้น มันไม่ยากหรอกค่ะที่จะหาบ้านหลังใหญ่ขึ้น ส่วนที่ผ่อนไปในบ้านหลังเก่า ก็เปลี่ยนเป็นเงินเป็นค่าเช่า มาซัพพอร์ตตอนซื้อหลังใหม่ได้
2. การเลือกบ้านหลังใหญ่เกินไปบางทีก็เป็นภาระค่ะ ทั้งการทำความสะอาด การดูแล การตกแต่งซ่อมแซม เห็นมาเยอะที่เลือกบ้านหลังใหญ่แล้วสุดท้ายก็อยู่แต่ในห้อง เพราะส่วนอื่นๆของบ้านไม่ได้ทำความสะอาด กลายเป็นภาพรกตาเวลาเดินผ่านไปมาด้วยซ้ำ
3. ที่จอดรถสำคัญค่ะ จอดในบ้านตัวเองได้จะตัดปัญหาได้เยอะเลย
4. เพื่อนบ้าน และนิติสำคัญมากค่ะ เหตุผลนี้เป็นเหตุผลนึงที่เราเลือกซื้อบ้านมือสอง
5. ทำเลเป็นสิ่งสำคัญค่ะ และต้องเป็นทำเลเฉพาะหมู่บ้านนั้นๆเลยนะ ไม่ใช่ดูแค่โซนไหน ย่านไหน ก่อนที่จะซื้อบ้านลองไปสำรวจดูก่อน ขับรถเข้าออกในช่วงเวลาที่คุณเดินทางประจำ สำรวจเส้นทางซอยและโครงการก่อสร้างที่จะมีเพิ่มขึ้น เพราะมันจะเป็นสิ่งที่กำหนดว่าการจราจรจะแย่สักแค่ไหน  ทั้งเซอร์เวย์เอง แล้วก็จิ้ม Google Map ดูสักพักนึงนะคะ ว่าแต่ละช่วงเวลาการจราจรเป็นยังไง ถ้าไปเจอรถติดหรือใช้เวลามากขึ้นแม้แต่นิดเดียว มันจะมีผลกระทบกับชีวิตมากๆเลยค่ะ จะกระทบมาถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ต้องเพิ่มขึ้นด้วย เห็นมาเยอะแล้วคนที่ซื้อบ้านไกลๆเพราะอยากได้บ้านหลังใหญ่ขึ้น ในงบเท่าเดิม แล้วก็ต้องมาเสียค่าเดินทางค่าทางด่วน คิดไปคิดมาเงินจำนวนนั้นน่าจะพอผ่อนบ้านหลังใหญ่ในเมืองได้แล้ว

ตอนนี้นึกออกแค่นี้นะเดี๋ยวมีอะไรจะมาเพิ่มเติมให้ ออกตัวก่อนว่าเราก็ไม่ได้ มีความรู้อะไรมากมายในเรื่องอสังหานะคะ อันนี้จากประสบการณ์ และความเห็นส่วนตัวล้วนๆ

เจ้าของกระทู้ ดูเป็นคนมีวินัยสูง ขอให้วางแผนดีๆและประสบความสำเร็จตามที่คิดไว้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่