ก่อนอื่นผมแนะนำตัวก่อนครับ
ปัจจุบันอายุ 22 ปี ทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งครับ ผมเรียนจบมหาวิทยาลัยปีที่แล้ว
เรื่องคือผมเป็นลูกคนเดียว ถูกเลี้ยงมาโดยคุณแม่ตลอด คุณพ่อเสียตั้งแต่ผม 7 ขวบครับ (ผมไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคุณพ่อเลย)
ครอบครัวผมค่อนไปทางลำบาก เพราะแม่ก็ขายของเล็กๆน้อยๆในบ้าน แม่เลี้ยงผมมาคนเดียวตลอด ตั้งแต่เด็กจนโต
ไปไหนมาไหนก็ไปกับคุณแม่ แม่รักผมมาก คอยเอาใจใส่ทุกอย่าง ตามใจจนผมเสียคนเลยก็ว่าได้
จริงๆผมก็ทำงานมาตั้งแต่เด็กนะครับ ม.ต้นจนจบมหาวิทยาลัยก็ช่วยแบ่งเบาภาระแม่มาตลอด
แต่เมื่อต้นปี คุณแม่ปวดหลังและมีอาการไอมาตลอด (มันเป็นความผิดผมเองที่ผมไม่พาแม่ไปตรวจร่างกายตอนนั้น)
จนต้นเดือนมีนาคุณแม่หายใจไม่ออก ต้องพาเข้าโรงพยาบาล แม่ใส่ท่อช่วยหายใจครับ
โรงพยาบาลแรกที่ไปบอกแม่เป็นปอดอักเสบ นำ้ท่วมปอด อยู่มาได้กว่า 1 อาทิตย์ (ใช้สิทบัตรทอง)
ผมพาแม่ย้ายไปโรงพยาบาลใหม่เพราะอาการแย่ลง (โรงพยาบาลเอกชนครับ โรงพยาบาลรัฐเตียงเต็มหมดเลย)
คุณหมอโรงพยาบาลนี้บอกคุณแม่เป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย และมะเร็งก็ลามไปที่ตับ
ตอนแรกก็ตกใจ ช็อคทำไอะไรไม่ถูก คุณหมอก็มานั่งคุยและก็ให้ผมทำใจ (ผมเข้าใจหมอนะเพราะหมอก็ช่วยชีวิตแม่ผมเต็มที่)
หมอบอกว่าร่างกายแม่ไม่ไหวแล้วและแม่อาจหัวใจวายได้ พยาบาลก็บอกว่าให้แกไปอย่างสบายไม่อยากให้ปั๊มหัวใจ (ผมเข้าใจพยาบาลนะ)
จากนั้นผมก็โทรไปปรึกษากับญาติ และพยาบาลหลาย ๆ ที่ ผมก็ตัดสินใจปล่อยให้คุณแม่ไปอย่างสงบ
จำได้ว่าตัวเองทนไม่ไหวเลยครับ ร้องไห้ในห้อง ICU แทบตาย กอดแม่จนชีพจรเป็นศูนย์ เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนี้
หลังจากจบงานศพ เคลียอะไรหลายๆอย่าง ก็มานั่งคิดวันเก่า ๆ ร้องไห้ทุกคืนเลยครับ เหมือนชีวิตทุกอย่างพัง
จริงๆผมก็พยายามไม่เครียดนะครับ หาเพื่อนคุย คุยกับญาติ พยายามมองโลกให้กว้างขึ้นว่ายังมีคนอื่นที่ลำบากกว่าเรา และเผชิญความเจ็บปวด
มากกว่าเรา
แต่เวลาอยู่คนเดียวนำ้ตาก็ไหลออกมา บ่อยครั้งที่คุมไม่อยู่ครับ นำ้ตาไหลไปปวดหัวไป นั่ง ๆ ทำงานก้ไม่มีสมาธิ
ตื่นมาก็เรียกหาแม่ครับ เหมือนคนเป็นบ้า (หลัง ๆ ผมคุมตัวเองไม่อยู่เลยไปหาหมอจิตแพทย์ และก็ได้รับยามา)
จนตอนนี้อาการก็ดีขึ้นแล้ว กินยาสมำ่เสมอ
แต่พอกลับมานั่งคิดก็ทั้งเสียดายกับเจ็บใจตัวเองครับ ยังคิดไม่ออกเลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไปโดยไม่มีแม่ เพราะเราก็พึ่งอายุ 22 เอง
เจ็บใจตัวเองที่ทำไมไม่ดูแลแม่ดี ๆ ทำไมๆๆๆ ที่ร้องไห้หนักๆก็เพราะน้อยใจตัวเองครับว่าแม่จากผมไปเร็วเกินไป ผมเข้าใจว่าการตายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ
เอาจริง ๆ จากแต่ก่อนผมเป็นคนกลัวการตายมาก ๆ เลย ปัจจุบันก็คือเฉย ๆ แล้วครับ ตายก็ตายแค่นั้น คนตายคงไม่เจ็บนะครับ ถ้าจะเจ็บก็อาจจะเจ็บก่อนตาย แต่คนอยู่หน่ะสิครับ เหมือนตายทั้งเป็น มันเหมือนเราสูญเสียคนที่รักที่สุดในชีวิตไปแล้ว สูญเสียทุกอย่าง
การสูญเสียครั้งนี้คงเป็นที่สุดในชีวิตผมแล้ว ถ้าจะเจออะไรลำบากกว่านี้ก็คงไม่มีแล้วครับ
ที่เล่ามาทั้งหมดก็อยากถามว่า ผมควรทำอย่างไรกับชีวิตต่อจากนี้ดีครับ พอจะมีใครให้คำแนะนำได้บ้างไหม
หรือใครเคยมีประสบการณ์จากการสูญเสียคนที่เรารัก แล้วอยากจะแชร์ให้ฟัง ผมยินดีรับฟังครับ
สูญเสียพ่อแม่ ชีวิตต่อไปควรทำอย่างไร
ปัจจุบันอายุ 22 ปี ทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งครับ ผมเรียนจบมหาวิทยาลัยปีที่แล้ว
เรื่องคือผมเป็นลูกคนเดียว ถูกเลี้ยงมาโดยคุณแม่ตลอด คุณพ่อเสียตั้งแต่ผม 7 ขวบครับ (ผมไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคุณพ่อเลย)
ครอบครัวผมค่อนไปทางลำบาก เพราะแม่ก็ขายของเล็กๆน้อยๆในบ้าน แม่เลี้ยงผมมาคนเดียวตลอด ตั้งแต่เด็กจนโต
ไปไหนมาไหนก็ไปกับคุณแม่ แม่รักผมมาก คอยเอาใจใส่ทุกอย่าง ตามใจจนผมเสียคนเลยก็ว่าได้
จริงๆผมก็ทำงานมาตั้งแต่เด็กนะครับ ม.ต้นจนจบมหาวิทยาลัยก็ช่วยแบ่งเบาภาระแม่มาตลอด
แต่เมื่อต้นปี คุณแม่ปวดหลังและมีอาการไอมาตลอด (มันเป็นความผิดผมเองที่ผมไม่พาแม่ไปตรวจร่างกายตอนนั้น)
จนต้นเดือนมีนาคุณแม่หายใจไม่ออก ต้องพาเข้าโรงพยาบาล แม่ใส่ท่อช่วยหายใจครับ
โรงพยาบาลแรกที่ไปบอกแม่เป็นปอดอักเสบ นำ้ท่วมปอด อยู่มาได้กว่า 1 อาทิตย์ (ใช้สิทบัตรทอง)
ผมพาแม่ย้ายไปโรงพยาบาลใหม่เพราะอาการแย่ลง (โรงพยาบาลเอกชนครับ โรงพยาบาลรัฐเตียงเต็มหมดเลย)
คุณหมอโรงพยาบาลนี้บอกคุณแม่เป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย และมะเร็งก็ลามไปที่ตับ
ตอนแรกก็ตกใจ ช็อคทำไอะไรไม่ถูก คุณหมอก็มานั่งคุยและก็ให้ผมทำใจ (ผมเข้าใจหมอนะเพราะหมอก็ช่วยชีวิตแม่ผมเต็มที่)
หมอบอกว่าร่างกายแม่ไม่ไหวแล้วและแม่อาจหัวใจวายได้ พยาบาลก็บอกว่าให้แกไปอย่างสบายไม่อยากให้ปั๊มหัวใจ (ผมเข้าใจพยาบาลนะ)
จากนั้นผมก็โทรไปปรึกษากับญาติ และพยาบาลหลาย ๆ ที่ ผมก็ตัดสินใจปล่อยให้คุณแม่ไปอย่างสงบ
จำได้ว่าตัวเองทนไม่ไหวเลยครับ ร้องไห้ในห้อง ICU แทบตาย กอดแม่จนชีพจรเป็นศูนย์ เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนี้
หลังจากจบงานศพ เคลียอะไรหลายๆอย่าง ก็มานั่งคิดวันเก่า ๆ ร้องไห้ทุกคืนเลยครับ เหมือนชีวิตทุกอย่างพัง
จริงๆผมก็พยายามไม่เครียดนะครับ หาเพื่อนคุย คุยกับญาติ พยายามมองโลกให้กว้างขึ้นว่ายังมีคนอื่นที่ลำบากกว่าเรา และเผชิญความเจ็บปวด
มากกว่าเรา
แต่เวลาอยู่คนเดียวนำ้ตาก็ไหลออกมา บ่อยครั้งที่คุมไม่อยู่ครับ นำ้ตาไหลไปปวดหัวไป นั่ง ๆ ทำงานก้ไม่มีสมาธิ
ตื่นมาก็เรียกหาแม่ครับ เหมือนคนเป็นบ้า (หลัง ๆ ผมคุมตัวเองไม่อยู่เลยไปหาหมอจิตแพทย์ และก็ได้รับยามา)
จนตอนนี้อาการก็ดีขึ้นแล้ว กินยาสมำ่เสมอ
แต่พอกลับมานั่งคิดก็ทั้งเสียดายกับเจ็บใจตัวเองครับ ยังคิดไม่ออกเลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไปโดยไม่มีแม่ เพราะเราก็พึ่งอายุ 22 เอง
เจ็บใจตัวเองที่ทำไมไม่ดูแลแม่ดี ๆ ทำไมๆๆๆ ที่ร้องไห้หนักๆก็เพราะน้อยใจตัวเองครับว่าแม่จากผมไปเร็วเกินไป ผมเข้าใจว่าการตายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ
เอาจริง ๆ จากแต่ก่อนผมเป็นคนกลัวการตายมาก ๆ เลย ปัจจุบันก็คือเฉย ๆ แล้วครับ ตายก็ตายแค่นั้น คนตายคงไม่เจ็บนะครับ ถ้าจะเจ็บก็อาจจะเจ็บก่อนตาย แต่คนอยู่หน่ะสิครับ เหมือนตายทั้งเป็น มันเหมือนเราสูญเสียคนที่รักที่สุดในชีวิตไปแล้ว สูญเสียทุกอย่าง
การสูญเสียครั้งนี้คงเป็นที่สุดในชีวิตผมแล้ว ถ้าจะเจออะไรลำบากกว่านี้ก็คงไม่มีแล้วครับ
ที่เล่ามาทั้งหมดก็อยากถามว่า ผมควรทำอย่างไรกับชีวิตต่อจากนี้ดีครับ พอจะมีใครให้คำแนะนำได้บ้างไหม
หรือใครเคยมีประสบการณ์จากการสูญเสียคนที่เรารัก แล้วอยากจะแชร์ให้ฟัง ผมยินดีรับฟังครับ