ในหนังสือธรรมะ กล่าวว่า “จากการศึกษาบางตอนในพระสูตร กุมารปาล จิรายุวัฒนสูตร (rพระวิศวภร แซ่เกี๊ยก วัดเทพพุทธาราม แปล) เกี่ยวกับบาปจากการทำแท้ง ไม่ว่าหญิงหรือชายที่มีส่วนในกรรมชนิดนี้ จะต้องได้รับวิบากกรรมอย่างร้ายแรง ส่งผลให้มีอายุขัยสั้น มีโรคประหลาด และต้องไปเกิดในอเวจี มีความทุกข์ทรมานยากหลุดพ้น มีเพียงการสำนึกละอายในความผิดที่ผ่านมาด้วยความจริงใจ ขอขมากรรมต่อบุตรที่ได้ทำแท้ง ตั้งใจสร้างบุญกุศลอุทิศให้วิญญาณพ้นจากความทุกข์ทรมาน และพิมพ์หนังสือธรรมะที่เกี่ยวกับวิบากกรรม จากการทำแท้งเป็นธรรมทาน ยังให้มนุษย์หญิงชายได้รับรู้เรื่องราว ให้เขาได้เกิดความสำนึกผิดเกรงกลัวและละอายใจต่อบาปที่ตนก่อขึ้น และไม่เกี่ยกรรมกับการทำแท้งขึ้นมาอีก เมื่อมนุษย์มีจิตเมตตากรุณา มนุษย์ก็จะรอดพ้นจากเคราะห์ภัย ”
“ผลในทางโลก หรือผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งให้กับผู้เป็นมารดาที่ได้กระทำแล้วไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม จะก่อผลกระทบทางสุขภาพต่อมาอีกหลายประการ บริเวณมดลูกและปากมดลูก เช่นอาการอักเสบติดเชื้อต่างๆตามมาต้องทำการรักษาหากทำแท้งนั้นไม่ถูกวิธีหรือโดยผู้ไม่ชำนาญ และอาจกลายเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งมดลูกที่ต้องถูกตัดมดลูกทิ้ง นอกจากนั้นยังสร้างผลกระทบทางจิตใจ คือ ก่อให้เกิดความรู้สึกเสียใจและเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งให้กับหญิงที่ได้ทำแท้งไปแล้วกลายเป็นความรู้สึกผิดบาปอยู่ในใจไปตลอดชีวิตซึ่งบางรายอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้
ผลในทางธรรม แม้ว่าการทำแท้งเราอาจมองในมุมวิทยาศาสตร์ว่าเป็นการทำลายสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ทรายว่าจะเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งในทางธรรมแล้วไม่ใช่แค่การทำลายชีวิตที่เป็นเลือดเนื้อ แต่เป็นการทำให้จิตวิญญาณเด็กที่ตายนั้นเขาไปไหนไม่ได้ และดวงวิญญาณจะอยู่กับแม่ตลอดซึ่งเขาจะทนทุกข์ทรมาน…ต้องเร่รอนไป โดยที่ผลบุญไม่ปรากฏ และผลบาปก็ไม่ปรากฏเพราะเขาไม่มีโอกาสจะได้ทำการใดๆทั้งสิ้น หากว่ากันตามหลักของ วัตถุกรรม นั้นคือเด็กท่จะมาเกิดเป็นลูกเราบังเอิญเป็นผู้มีภูมิธรรมขั้นสูงมาเกิด หรืออาจจะเป็นพระโพธิสัตว์ที่จะมาเกิดเสวยชาติ หรือเป็นอภิชาตบุตร บาปจะยิ่งหนักมากขึ้น ถ้าว่ากันด้วยหลักของ ประโยคกรรม หรือความพยายาม มีความพยายามมากเท่าใด กรรมหนักก็จะยิ่งหนักขึ้นไปตามความพยายามที่จะทำแท้งให้สำเร็จมากเท่านั้น และถ้าจะว่ากันด้วยหลักของ เจตนากรรม คือ ถ้าเจตนามากต้องการให้เด็กตายโดยไม่สำนึกเสียใจเลย กรรมหนักก็จะมากดังนี้เป็นต้น กรรมที่จะตกกับผู้เป็นแม่ (เนื่องจากทุกศาสนาหลักของโลกห้ามและได้บอกถึงผลกรรมไว้มากมาย แม้แต่รายการทีวีดังๆจำนวนมาก มีผู้กล้าหาญเสียสละเวลา หน้าตาชื่อเสียง และตราบาปในอดีต มาเล่าให้คนทั้งประเทศฟัง เพื่อเจตนารมณ์สร้างวิทยาธรรมเป็นทาน ดิฉันจึงไม่ขอพิมพ์ละเอียดเช่นในหนังสือนะคะ เพราะสามารถอ่านจากหนังสือนี้ได้หรือได้เห็นจากประสบการณ์คนเหล่านั้นทางสื่อต่างๆ เช่นรายการเลขอวดกรรม มูไนท์ เป็นต้น)ขณะมีชีวิตอยู่ผู้เป็นมารดาอาจจะได้รับผลกรรมสนองจากโรคร้ายต่างๆ เช่นมีอาการป่วยหนักหรือมีอาการป่วยแบบแปลกๆ มักไม่เคยเป็นมาก่อน เช่นมักจะปวดเมื่อยตามลำคอ ตามแขน บ่า ตัวผู้เป็นแม่อาจจะประสบเคราะห์กรรมต่างๆได้อย่างไม่คาดฝันนอกจากจะมีโรคร้ายคุกคามแล้ว ชีวิตส่วนตัวหน้าที่การงานอาจจะประสบความยากลำบากไปด้วย หรือมีผลต่อบุตรที่มาเกิดเป็นลูกที่อาจเกิดมาพิการ ดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง ไม่แข็งแรง และคอยสร้างปัญหาให้กับผู้เป็นแม่อยู่ตลอด เป็นต้น แม้จะกล่าวว่าผลกรรมอาจตกอยู่กับผู้เป็นแม่มากกว่า แต่คนที่เป็นพ่อนั้นก็ถือว่าเป็นผู้ได้สร้างกรรมร่วมกันมาไม่อาจจะปฏิเสธความจริงในข้อนี้ได้ คนเป็นพ่ออย่าได้คิดย่ามใจเพียงเพราะว่าตนไม่ได้เป็นฝ่ายตั้งครรภ์รับภาระเช่นเดียวกับฝ่ายหญิงที่ไม่มีโอกาสที่วิญญาณจะตามติดเหมือนผู้เป็นแม่แต่อย่างไรก็ตามต้องได้รับผลกรรมที่ตนเองกระทำไปเช่นเดียวกัน…..อาจส่งผลให้อายุสั้นกว่าวัยอันควร มีโรคร้ายรุมเร้า ถูกขัดขวางไม่ให้พบความเจริญ นำความหายนะมาสู่จนอย่างหาสาเหตุไม่ได้ กลายเป็นคนที่ไม่มีใครเชื่อถือ ทำงานอะไรก็จะพบกับความยากลำบาก ถ้าสำเร็จได้ก็เพราะบุญเก่าตอบสนองเท่านั้น และอาจจะต้องมีเหตุให้พบกับเรื่องที่ทำให้เสียเงินโดยไม่คาดคิดอยู่เสมอ หรือชีวิตครอบครัวมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา และยิ่งถ้าหากจิตวิญญาณของเด็กที่ผู้ตายมีจิตอาฆาตรุนแรงด้วยแล้วยิ่งลำบากหนัก เพราะจิตอาฆาตนั้นจะเฝ้าจองเวรกันทุกลมหายใจเข้าออก ทำให้ชีวิตไม่เป็นสุข หรือบางท่านก็ต้องพบความทุกข์ระทมล้มละลายทั้งชีวิตการงานและครอบครัวหาความสุขได้ยาก ต้องชดใช้กรรมกันไปอย่างยาวนานจนกว่าแรงกรรมนั้นจะได้ชำระกันหมดสั้น หรือจนกว่าจะเป็นที่พึงพอใจของจิตวิญญาณนั้น จนในที่สุดก็จะยกให้เป็นอโหสิกรรม ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า ทำแท้งมาหนึ่งครั้ง ชีวิตตกต่ำไปอย่างน้อยอีก 7ปี จึงไม่ใช่คำพูดลอยๆ ที่ให้กลัวหรือเป็นคำพูดไร้สาระแม้แต่น้อย ”
ผลกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนร่วมในการทำแท้ง กรรมนี้ใช่ว่าจะตกอยู่กับพ่อแม่เด็กฝ่ายเดียว แต่ผู้ที่ให้ความร่วมมือ ผู้ช่วยออกเงินค่าทำแท้งรวมไปถึง แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยทั้งหลายที่มีส่วน หรือเรียกรวมว่า ผู้อยู่ในวงจรการทำแท้ง ทุกคนต่างก็มีส่วนในการรับผลกรรมด้วยทั้งสิ้น หากจะเปรียบเทียบให้ชัดเจนก็คือ เวลาเราไปตลาดแล้วจะไปซื้อปลาสดมาทำอาหาร ผู้ที่ได้รับบาปมากที่สุดก็คือ ผู้ที่เป็นผู้สั่งให้ฆ่าปลาก็คือคนซื้อ ส่วนแม่ค้าที่จับปลามาตามคำสั่งจะเป็นผู้ลงมือฆ่าปลาก็ต้องได้รับผลแห่งกรรมปาณาติปาตาไปด้วยเช่นกัน แต่ได้รับผลในระดับที่ต่างกันเพราะจัดเป็นกรรมที่สักแต่ทำ (กตัตตากรรม) มีเจตนาอ่อนกว่าคือทำเพราะเป็นอาชีพหาเลี้ยงตัวเท่านั้น แต่ก็มีผลกรรมที่หนักกว่าการฆ่าสัตว์เดรัจฉานอย่างมากมายยิ่งนัก….
ทำแท้ง พุทธะกลัวเหตุ ปุถุชนกลัวผล
“ผลในทางโลก หรือผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งให้กับผู้เป็นมารดาที่ได้กระทำแล้วไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม จะก่อผลกระทบทางสุขภาพต่อมาอีกหลายประการ บริเวณมดลูกและปากมดลูก เช่นอาการอักเสบติดเชื้อต่างๆตามมาต้องทำการรักษาหากทำแท้งนั้นไม่ถูกวิธีหรือโดยผู้ไม่ชำนาญ และอาจกลายเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งมดลูกที่ต้องถูกตัดมดลูกทิ้ง นอกจากนั้นยังสร้างผลกระทบทางจิตใจ คือ ก่อให้เกิดความรู้สึกเสียใจและเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งให้กับหญิงที่ได้ทำแท้งไปแล้วกลายเป็นความรู้สึกผิดบาปอยู่ในใจไปตลอดชีวิตซึ่งบางรายอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้
ผลในทางธรรม แม้ว่าการทำแท้งเราอาจมองในมุมวิทยาศาสตร์ว่าเป็นการทำลายสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ทรายว่าจะเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งในทางธรรมแล้วไม่ใช่แค่การทำลายชีวิตที่เป็นเลือดเนื้อ แต่เป็นการทำให้จิตวิญญาณเด็กที่ตายนั้นเขาไปไหนไม่ได้ และดวงวิญญาณจะอยู่กับแม่ตลอดซึ่งเขาจะทนทุกข์ทรมาน…ต้องเร่รอนไป โดยที่ผลบุญไม่ปรากฏ และผลบาปก็ไม่ปรากฏเพราะเขาไม่มีโอกาสจะได้ทำการใดๆทั้งสิ้น หากว่ากันตามหลักของ วัตถุกรรม นั้นคือเด็กท่จะมาเกิดเป็นลูกเราบังเอิญเป็นผู้มีภูมิธรรมขั้นสูงมาเกิด หรืออาจจะเป็นพระโพธิสัตว์ที่จะมาเกิดเสวยชาติ หรือเป็นอภิชาตบุตร บาปจะยิ่งหนักมากขึ้น ถ้าว่ากันด้วยหลักของ ประโยคกรรม หรือความพยายาม มีความพยายามมากเท่าใด กรรมหนักก็จะยิ่งหนักขึ้นไปตามความพยายามที่จะทำแท้งให้สำเร็จมากเท่านั้น และถ้าจะว่ากันด้วยหลักของ เจตนากรรม คือ ถ้าเจตนามากต้องการให้เด็กตายโดยไม่สำนึกเสียใจเลย กรรมหนักก็จะมากดังนี้เป็นต้น กรรมที่จะตกกับผู้เป็นแม่ (เนื่องจากทุกศาสนาหลักของโลกห้ามและได้บอกถึงผลกรรมไว้มากมาย แม้แต่รายการทีวีดังๆจำนวนมาก มีผู้กล้าหาญเสียสละเวลา หน้าตาชื่อเสียง และตราบาปในอดีต มาเล่าให้คนทั้งประเทศฟัง เพื่อเจตนารมณ์สร้างวิทยาธรรมเป็นทาน ดิฉันจึงไม่ขอพิมพ์ละเอียดเช่นในหนังสือนะคะ เพราะสามารถอ่านจากหนังสือนี้ได้หรือได้เห็นจากประสบการณ์คนเหล่านั้นทางสื่อต่างๆ เช่นรายการเลขอวดกรรม มูไนท์ เป็นต้น)ขณะมีชีวิตอยู่ผู้เป็นมารดาอาจจะได้รับผลกรรมสนองจากโรคร้ายต่างๆ เช่นมีอาการป่วยหนักหรือมีอาการป่วยแบบแปลกๆ มักไม่เคยเป็นมาก่อน เช่นมักจะปวดเมื่อยตามลำคอ ตามแขน บ่า ตัวผู้เป็นแม่อาจจะประสบเคราะห์กรรมต่างๆได้อย่างไม่คาดฝันนอกจากจะมีโรคร้ายคุกคามแล้ว ชีวิตส่วนตัวหน้าที่การงานอาจจะประสบความยากลำบากไปด้วย หรือมีผลต่อบุตรที่มาเกิดเป็นลูกที่อาจเกิดมาพิการ ดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง ไม่แข็งแรง และคอยสร้างปัญหาให้กับผู้เป็นแม่อยู่ตลอด เป็นต้น แม้จะกล่าวว่าผลกรรมอาจตกอยู่กับผู้เป็นแม่มากกว่า แต่คนที่เป็นพ่อนั้นก็ถือว่าเป็นผู้ได้สร้างกรรมร่วมกันมาไม่อาจจะปฏิเสธความจริงในข้อนี้ได้ คนเป็นพ่ออย่าได้คิดย่ามใจเพียงเพราะว่าตนไม่ได้เป็นฝ่ายตั้งครรภ์รับภาระเช่นเดียวกับฝ่ายหญิงที่ไม่มีโอกาสที่วิญญาณจะตามติดเหมือนผู้เป็นแม่แต่อย่างไรก็ตามต้องได้รับผลกรรมที่ตนเองกระทำไปเช่นเดียวกัน…..อาจส่งผลให้อายุสั้นกว่าวัยอันควร มีโรคร้ายรุมเร้า ถูกขัดขวางไม่ให้พบความเจริญ นำความหายนะมาสู่จนอย่างหาสาเหตุไม่ได้ กลายเป็นคนที่ไม่มีใครเชื่อถือ ทำงานอะไรก็จะพบกับความยากลำบาก ถ้าสำเร็จได้ก็เพราะบุญเก่าตอบสนองเท่านั้น และอาจจะต้องมีเหตุให้พบกับเรื่องที่ทำให้เสียเงินโดยไม่คาดคิดอยู่เสมอ หรือชีวิตครอบครัวมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา และยิ่งถ้าหากจิตวิญญาณของเด็กที่ผู้ตายมีจิตอาฆาตรุนแรงด้วยแล้วยิ่งลำบากหนัก เพราะจิตอาฆาตนั้นจะเฝ้าจองเวรกันทุกลมหายใจเข้าออก ทำให้ชีวิตไม่เป็นสุข หรือบางท่านก็ต้องพบความทุกข์ระทมล้มละลายทั้งชีวิตการงานและครอบครัวหาความสุขได้ยาก ต้องชดใช้กรรมกันไปอย่างยาวนานจนกว่าแรงกรรมนั้นจะได้ชำระกันหมดสั้น หรือจนกว่าจะเป็นที่พึงพอใจของจิตวิญญาณนั้น จนในที่สุดก็จะยกให้เป็นอโหสิกรรม ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า ทำแท้งมาหนึ่งครั้ง ชีวิตตกต่ำไปอย่างน้อยอีก 7ปี จึงไม่ใช่คำพูดลอยๆ ที่ให้กลัวหรือเป็นคำพูดไร้สาระแม้แต่น้อย ”
ผลกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนร่วมในการทำแท้ง กรรมนี้ใช่ว่าจะตกอยู่กับพ่อแม่เด็กฝ่ายเดียว แต่ผู้ที่ให้ความร่วมมือ ผู้ช่วยออกเงินค่าทำแท้งรวมไปถึง แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยทั้งหลายที่มีส่วน หรือเรียกรวมว่า ผู้อยู่ในวงจรการทำแท้ง ทุกคนต่างก็มีส่วนในการรับผลกรรมด้วยทั้งสิ้น หากจะเปรียบเทียบให้ชัดเจนก็คือ เวลาเราไปตลาดแล้วจะไปซื้อปลาสดมาทำอาหาร ผู้ที่ได้รับบาปมากที่สุดก็คือ ผู้ที่เป็นผู้สั่งให้ฆ่าปลาก็คือคนซื้อ ส่วนแม่ค้าที่จับปลามาตามคำสั่งจะเป็นผู้ลงมือฆ่าปลาก็ต้องได้รับผลแห่งกรรมปาณาติปาตาไปด้วยเช่นกัน แต่ได้รับผลในระดับที่ต่างกันเพราะจัดเป็นกรรมที่สักแต่ทำ (กตัตตากรรม) มีเจตนาอ่อนกว่าคือทำเพราะเป็นอาชีพหาเลี้ยงตัวเท่านั้น แต่ก็มีผลกรรมที่หนักกว่าการฆ่าสัตว์เดรัจฉานอย่างมากมายยิ่งนัก….