เธอ เขา และเพลงของเรา

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ จขกท ไม่ได้หวังให้ใครมาสนใจ หรือเข้ามาอ่านมากนัก (เรายืมหมายเลขสมาชิกคนอื่นมาใช้นะคะ)
เพียงแต่อยากระบาย บางอย่างที่หนักอึ้งในใจ ซึ่งมันผ่านมาเกือบนานเหลือเกิน 
ใช่ค่ะ เวลาไม่เคยช่วยอะไรอย่างที่ใครบอกไว้จริงๆ 
 
โดยเฉพาะ เรื่องของหัวใจ จริงไหมคะ?
..
..
หลายปีก่อน จขกท เก็บเงินก้อนนึง ไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ (ออสเตรเลีย)
เราเลือกเมือง ที่ใครๆบอกว่าเปรียบได้กับ จังหวัดทางภาคเหนือของไทย
 
จริงๆก่อนย้ายถิ่นฐาน(ชั่วคราว) เรามีคนรักอยู่แล้ว  โดยสายตาคนนอกเราดูรักกันมาก ก็ถูกค่ะ... เค้ารักเรามาก!!
ทุกเทศกาล เค้าไม่เคยลืมที่จะอะไรให้เรารู้สึกดี ยิ่งวันคบรอบกัน ไม่ต้องพูดถึงดอกไม้เอย เค้กเอย ไม่เคยขาดมือ
แม้กระทั่งวันธรรมดา .. เค้าจะซื้อกาแฟมาให้เราเกือบทุกวัน เพราะเค้ารู้เราติดกาแฟมาก (ความเข้ม ความหวานรู้หมดเหมือนเราสั่งเอง)
จนพี่ที่ทำงานแซวบ่อยๆว่า"กินกาแฟซองไเพลม่เป็นหรือไง" .... น่าอิจฉาเนอะ 
 
ไม่ใช่แค่นั้น อะไรที่เราอยากทาน ก็คือได้ทานไม่เคยขาด แล้วไม่ใช่ซื้อมาให้นะคะ
แต่ เค้าจะทำให้ทานเสมอ ด้วยสูตรที่เค้าไปหามาจากGoogle บ้าง Youtubeบ้าง
 
..... เหมือนฝนตก ตอนหน้าแร้ง เหมือนเห็นสายรุ้งขึ้นกลางแจ้ง เหมือนลมหนาวเดือนเมษา 
เหมือนหัวใจที่อ่อนล้ากับแข็งแกร่ง ..... 
 
บทเพลงนี้มันดังขึ้นมาเสมอเวลาเราได้เห็นหน้าเค้าค่ะ
 
ความสัมพันธ์ของเรามันดูดีมากในสายตาใครต่อใคร เค้าดี เสมอต้นเสมอปลาย .. แล้วอะไรคือความผิดพลาด อ๋อ  เราเองค่ะ เราเอง
ทุกอย่างPerfect อย่างที่ผู้หญิงคนนึงต้องการจากผู้ชายที่คนรัก
 
จนกระทั่ง ... ทุกอย่างเปลี่ยนไป ในวันที่เราเริ่มเดินทาง 
 
ในวันเดินทาง เราไม่แม้แต่กอดเค้าหรือเอ่ยคำลาเป็นพิเศษ อาจเพราะเพื่อนเราก็มายืนส่งอย่างอุ่นหนาฝาคลั่ง
เราอาย ที่จะแสดงออกความรักตรงนั้น เวลานั้น อาจเพราะเรากับเค้า เป็นเพื่อนกันมาก่อน
กลุ่มเดียวกัน เรียนด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน เมาด้วยกัน ก่อนเราจะสปาร์คจอยกัน มันเลยกระอักกระอ่วนใจบ้างที่จะแสดงความรักต่อหน้าเพื่อน
ที่รู้จักเราทั้งคู่เป็นอย่างดี แม้พวกมันจะรู้ว่าเราคบกันแล้ว
"เดี๋ยวกูเอาผัวฝรั่งมาฝาก" เราพูดแบบทำทีเป็นผู้หญิงก๋ากั๋น ทั้งที่ในใจยังไม่รู้สี่รู้แปดว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
 
เราร้องไห้ตลอดทางเกือบ 8 ชั่วโมง ที่อยู่บนเครื่อง  (ก่อนหน้านี้ยังซ่าอย่เลย)
เราถามตัวเองตลอดว่า ... กูมาทำอะไรวะ // หน้าที่การงานกูก็ดี //โอ๊ย อิบ้า หื้อออออ ร้องแมร่งเลย
 
แรกๆเราย้ายเข้าไปอยู่บ้าน host ซึ่งเป็นคนออสซี่ (จะอยู่ต่อก็ได้ หรือจะสาระแน่ไปหาห้องอยู่เองก็แล้วแต่)
แรกๆก็แปลก ทั้งวัฒนธรรมแล้วก็การกินอยู่ มื้อเช้าเราคือโจ๊ก คือข้าวต้ม ข้าวไข่เจียว ฟาด ฟาด ฟาดไปเลย แต่ที่นี้คือ นม ซีเรียล มันบ่คือ
พอไปถึงเรารีบจัดการเรื่องsim มือถือ ต่างๆจบก็รีบติดต่อที่บ้านกับแฟนทันที แล้วก็วางแแผนหางาน ซึ่งเอาจริง เราเตรียมก่อนมาจากไทย
จะสมัครอย่างไง ที่ไหนเปิดรับ ส่งจดหมายสมัครงาน อิชั้น เตรียมมาพร้อมค่ะ! จนค่ะ! ...
 
เราใช้เวลาช่วงนึงในการปรับตัว 5-7 วัน อาจดูเร็ว แต่เราเป็นคนปรับตัวเร็วมาก
แหละก็ตามประสาเด็กไปอยู่ต่างประเทศจุดหมายแรกของเราคือการไปเรียนภาษาอังกฤษ แต่อย่างว่า ค่าใช้จ่ายมันเยอะเหลือเกิน
เราตัดสินใจสมัครงานไปที่ร้านอาหารนึง ในเมืองที่เราไปอยู่ เพื่อไม่รบกวนที่บ้านมาก  ส่วนกับแฟนเราก็ยังติดต่อกันปรกติ
ถ้าถามว่าค่าใช้จ่ายสูงขนาดไหนก็ น้ำเปล่า 1 ขวด ซื้อ ข้าวได้1 มื้อที่ไทยเลยหล่ะค่ะ
 
"ตึ่ง! ... พรุ่งนี้ ก่อน9 โมงเช้า เจอกันที่ร้านนะคะ เดี๋ยวพี่บอกอีกทีว่าให้ทำอะไร รายละเอียดพี่ส่งให้นะคะ"  ข้อความขึ้นโชว์  พร้อมร้อยยิ้มเรา
Shit!! เราได้งานทันทีเราไปอยู่ต่างประเทศภายใน3วัน ใช่ค่ะ 3วัน (ได้ไหม ไม่รู้ดีใจก่อน)
 
แล้วก็นั้นแหละค่ะ จุดเริ่มต้นของอีก1 ความสัมพันธ์ ที่มันไม่ควรเกิดขึ้น
 
9.00 น.
เรา... ยืนเก้ๆ กังๆ หน้าร้านที่สมัครทำงาน กับภาษาที่below Zero
จนกระทั่งประตูร้านถุกเปิดออก โดยพนักงานท่านนึง
"มาลองงานเหรอน้อง ... อะ เข้ามา"  เค้าไม่ได้รอเราตอบอะไรมากนัก ก็รีบชวนเข้ามาในส่วนครัวของร้าน ด้วยเพราะงานที่รอและอากาศที่มันเริ่มหนาว ไม่พอให้ยืนอยู่ตากลม ตากอากาศนานๆ
 
ในครัว ..  เราเห็นสภาพในครัว ซึ่งเป็นทรงตัว L ส่วนกว้างสุดเป็นที่ยืนservice ทำอาหารให้ลูกค้า ส่วนแคบเป็นที่เตรียมงานในวันนั้นและวันต่อไป
ทุกคนดูวุ่นวาย อาจเพราะเป็นเช้าวันจันทร์ ที่ของทุกอย่างเริ่มถูกจัดส่งให้ร้านอาหาร(ก่อนเที่ยงคือช่วงเวลาเตรียมของให้ใช้ขายพอทั้งเช้าและเย็น หรือวันต่อไป)
"เดี๋ยวน้อง ลองหั่นผักนะ แบบที่สอนแหละ " พี่ผู้หญิงคนเดิมเอ่ย พร้อมหยิบมีดกับเคียงให้เราอย่างพร้อมมือ และชี้ให้ดูว่าถุงมือกับผ้ากันเปื้อนอยู่ตรงไหน
เธอหันมาสอนแต่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรต่อกันมากนัก ด้วยภาระงานและเหมือนเธอจะเริ่มเหนื่อยจึงเอ่ยปาก 
"พี่อาท ช่วยสอนน้องมันหน่อยดิ"  เธอหันไปพูดกับพี่ผู้ชาย ที่ยืนอยู่ด้านขวามือ อย่างสนิทสนม
เราหันไปมองตามของเค้า เอาจริงแทบจะไม่รุ้ว่าเค้ายืนอยู่นั้น ตอนไหน เมื่อไร 
 
"ไม่เอาอะ ไม่อยากสอน ขี้เกียจ ไม่รู้จะอยู่นานไหม เสียเวลาว่ะ"
พี่ผู้ชายที่ยืนอยู่มุมสุดของห้องครัวเอ่ยขึ้น พร้อมสบตากับเรา โดยที่มือเค้าไม่ได้หยุดทำงาน//ตัดมาที่เราค่ะ ยืนยิ้มแห้งเลยกู 
 
"ถ้าพี่สอน80%หนูอาจทำได้ แต่ถ้าพี่ไม่สอน หนูอาจทำไม่ได้เลย แล้วแต่พี่เลยค่ะ หนูเคารพการตัดสินใจของพี่" เสียงนังเด็กห้าวเป้งไม่ใช้ใคร เราเองค่ะ
เราไม่ได้พูดเปล่าๆนะ เรายังหยักคิ้วให้เค้าอีก โดยไม่รู้ว่าเค้าเป็นรองหัวหน้าเชฟของร้าน
 
อิบ้าาาาาาา
... ตกลงว่าเธอจะเอายังไงกับฉัน ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่