**ควรใช้วิจารณญานก่อนอ่านกระทู้นี้ **
ไหนๆ ก็มีเวลาเหลือจากการ Work from Home แล้วนั้น เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ตัวเองกับเพื่อนๆ ...
ว่าเราพบรักกับสามี จาก tinder ปัจจุบันแต่งงานและมีพยานรักด้วยกัน
ผู้ชายดีดีในทินเดอร์ยังมีอยู่จริงน๊ะ อย่าเพิ่งท้อกันนะคะ สาวๆๆ
อย่าเพิ่ง ดราม่านะคะ สำหรับคนโลกสวย หรือคนที่อาจจะคิดว่าแอพ หาคู่พวกนี้ มันดูเหมือน มีแต่คน ที่จะนัด .. กันอย่างเดียว ไม่คิดอะไรจริงจัง เราคนนึงละค่ะ ที่จะบอกว่า เราเล่น เพราะหา serious relationship จริงๆ และเชื่อว่าผช.และผญ. หลายๆ คนในนี้ก็เล่นเพราะหาแฟนเหมือนกับเรา .. มาดูสาเหตุกันว่าทำไม เราถึงเลือกที่จะเล่นแอพหาคู่ หรือ ทินเดอร์นี้ ..
เกริ่นเรื่องของเราคร่าวๆก่อนนะคะ .. เราอายุ 29 จะเข้า 30 โสดมาพอประมาณ เป็นคนไทย เชื้อสายจีน เรียก อาม่า อากง .. หมวย แต่ไม่ขาว อ่ะ งงใช่ไม๊ 55 ส่วนสูงแค่ 158 นน. 50 ไม่อ้วน ไม่ผอม ออกกำลังกายเป็นประจำ .. เอาเป็นว่าเราไม่ใช่typical type ของผช.ไทยเท่าไร ไม่ได้จะบอกว่าเราไม่ชอบผช.คนไทยนะคะ แต่เค้ามักไม่ค่อยชอบเรา 555 หรืออาจจะเป็นเพราะเรา อาจจะนิสัย ห้าวๆ อ่อ ลืมบอกค่ะ เราเรียนจบที่ไทยค่ะ (คณะพยาบาล) แต่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา มาหลายปี เลยอาจจะติดนิสัยพูดตรงไปตรงมาแบบฝรั่ง .
เรารู้จักทินเดอร์ มาจริงๆนานนะคะ หลายปี แต่ไม่ได้สมัครเล่น เมื่อปีก่อนเราเลิกกับแฟนที่คบมาประมาณ 4 ปี นานนะคะ แต่เลิกเพราะมันไม่เห็นอนาคตร่วมกัน ก็อย่างที่บอก ดูจากอายุเราสิคะ คือ เราก็เริ่มอยากจะสร้างครอบครัวกับใครสักคน มีลูก (เราชอบเด็กมากก คือเคยฝันว่าอยากมีลูกก่อน อายุ 30) แต่แฟนเรา (เขาเป็นคนไทยนะคะ) เขามีภาระครอบครัวหลายอย่าง มีคุณแม่ที่ต้องดูแล เพราะเป็นเคสติดเตียง .. ซึ่งตรงนี้เราก็เข้าใจเขามาโดยตลอดตั้งแต่คบกัน แต่เขาก็สัญญาว่าจะทำให้อะไรๆดีขึ้น จริงๆ คือเขาเป็นคนดีมากนะคะ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน เก็บเงินเก่ง เรื่องบนเตียงปกติดีไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ปีสุดท้ายที่ก่อนเลิกกัน เหมือนเราไม่ค่อย connect กันเหมือนเดิม คุยกันทุกวัน แต่ไม่ค่อยได้เจอ เจอกันอาทิตย์ละครั้ง บางทีก็เว้นอาทิตย์ (เราไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ) จนพอมานั่งคุยกันเขาก็บอกว่า เขาร็ว่าเราอยากมีครอบครัว อยากมีลูก แต่ตอนนี้คือเขายังเคลียตัวเองไม่ได้ และก็สงสาร อยากให้เราไปมีชีวิตที่ดี ไปเจอคนที่พร้อมกว่าเขา..
สรุปคือเราก็เลิกกันโดยดี มียังติดต่อกัน คุยกันเป็นพี่น้อง ไว้มีเรื่องอะไร คอยปรึกษากันได้
แล้วด้วยงานที่เราทำ มันก็ไม่ได้เจอคนเยอะแยะมากมาย เป็นสังคมเดิมๆ เจอแต่คนเดิมๆ คือจะให้ไปนั่งอ่อย ตามร้านกาแฟ ตลอดก็ไม่ไหวเน๊าะ ... เราก็เลยโหลดแอพมาใช้ แต่แบบ ว่างก็เล่น ไม่ว่างก็ไม่เล่นน ไม่ได้เล่นจริงจัง หรือแบบต้องเสียตังค์ไรงี้ รุ้สึกเสียดาย 5555 ทีนี้มาดูคนแต่ละแบบ ที่เราเจอ ยอมรับ ว่าเราแทบ ไม่ได้ปัดถูกใจ คนไทย เลยนะคะ แต่ก็มีที่ปัด เพราะดูเป็นผู้ใหญ่ แต่พอคุยด้วยแล้วก็เฉยๆ เลิกคุยกันไป ทีนี้มาดูฝ. แต่ละแบบที่เราเจอ .. บางคนนี่เค้าจะเขียนที่ profile ไว้เลย แนะนำว่าให้อ่านก่อนปัด ถ้าไม่อยากเสียเวลา เช่น..
- looking for fun , netflix and chill , no strings / hooked up / holiday gf มาหมด อันนี้ก็แล้วแต่ดุลพินิจ ของสาวๆแต่ละท่านด้วยว่าท่านโอเคกับแบบไหน แต่สำหรับเราปัดทิ้งหมด เพระาถ้าคนพวกนี้ เค้า มี mind set แล้วว่า
เค้ายังไม่พร้อมกับการมี serious relationship ต่อให้ท่านสวยแค่ไหนนน เค้าก็ไม่พร้อมที่จะคบค่าาาาาา
- looking for serious relationship ส่วนใหญ่ในกรุปนี้คือจะมีอายุหน่อย แบบพวกการงานชีวิตเริ่มมั่นคงอายุ 35 ขึ้นไป (เราเซทอายุไว้ช่วงระหว่าง 29- 45 เราชอบคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าค่ะ) ย้ำกว่าก่อนที่จะปัด เราจะอ่าน profile ของทุกคน คือถ้าไม่เขียนอะไรเลย เราก็ไม่ปัดนะ 555 คือการที่เค้าเขียนอะไรไว้ มันก็มีอะไรให้ได้ถาม ให้ได้คุยยย อันนี้ตามความรู้สึกเราน๊าาา อย่าว่ากันน ..
- ประเภท not sure , go with the flow คือ พวกที่แบบ ไม่ได้ set goal ไว้ อนาคตจะเป็นยังไง ค่อยว่ากัน เคสพวกนี้คือต้องไปเจอ ไปเดท แล้วค่อยว่ากัน ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ในที่นี้ คือ มีโอกาส จะพัฒนาไป เป็น gf , / friend with benefit
คือ ก่อนจะเจอเค้า เราก็เจอทั้งคนดี ไม่ดี ปะปน กันไปป มีที่แบบ ถูกใจ เริ่มคบกันแต่ก็ไม่ไปถึงไหนนน มีที่เรายอมมแม้กระทั่งให้เป็น friend with benefit เพราะคิดว่าเราจะเปลี่ยนใจเค้าได้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ ก็อย่างที่บอกในตอนแรกอะคะ ว่าคนพวกนี้ ต่อให้ทำแทบตาย ถ้าเค้าไม่พร้อม เราก็ทำอะไรไม่ได้เน๊าะ
อ่ะ นอกเรื่อง เกริ่นมาเยอะแล้ววว อยากรู้หรือยังคะ ว่าเราเจอกับสามี ได้ยังไง..
เริ่มแรก เราเห็นเค้า ในทิน เราก็นั่งอ่าน ที่เค้าเขียน รูปที่เค้าโพส เค้าเป็นคนอังกฤษ ดูสะอาดสะอ้าน มีรอยสัก (ส่วนตัวเรามองผช.มีรอยสักคือ sexy นะ ) ตัวเราเองก็มีรอยสักเหมือนกัน เค้าทำงานที่ไทยมาหลายปี ด้าน hospitality ดูน่าจะมีเรื่องให้คุยไปในทิศทางเดียวกัน (แต่ก็อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรเยอะ ) เราก็ปัดถูกใจเค้า เพิ่งเห็นตอน match ว่าเค้ามา superlikeเรา หลังจากนั้นเค้าก็เริ่มชวนคุย เคยเป็นไหมคะ เวลาเราคุยกับใคร แล้ววรู้สึกว่ามันมีความต่อเนื่อง มันมีเรื่องให้คุย ตอนนั้นยังไม่ได้แอดไลน์กัน ก็ยังคุยกันในทินเดอร์ปกติ เราก็คุยกันถูกคอ ผ่านไปได้ 2-3 วัน เค้าก็ขอแอดไลน์ หลังจากนั้น ประมาณอาทิตย์นึง เราก็นัดเจอกัน ที่ร้านอาหารแห่งนึงย่านเอกมัย .. คือจริงๆ เราสองคนอยู่ห่างกันแค่ 3 สถานีรถไฟฟ้าเองค่ะ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เราก็อยากลองเชิงเค้า ไม่อยากให้ดุว่าเรารีบร้อนอยากเจออะไรมากมายขนาดนั้น เด่วเค้าจะได้ใจ 555 เล่นตัวเองไปอี๊กกก
ยอมรับเลยค่ะว่าประหม่า คือ ไม่เคยเดทกับคนอังกฤษ ปกติเราถนัดแนวเมกันมากกว่า เพราะเราเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นน คิดไม่ออกเลย ว่าแบบจะแนวไหนน
น้าาา แต่สุดท้าย จะบอกตรงนี้เลย ว่า สาวๆ ไม่ว่าเค้าจะเป็นชาติไหน แนวไหน
เราควรเป็นตัวของตัวเราเองดีที่สุดค่ะ เพราะการที่เราต้องแกล้งเป็นคนอื่นให้เค้าประทับใจ มันจะไม่ยั่งยืน เราเองก็เหนื่อย สุดท้ายก็จะอยากเป็นตัวของตัวเองเหมือนเดิม มันจะไม่ดีต่อความสัมพันธ์ของเรา ถ้าเค้าจะชอบเรา เค้าก็ต้องชอบเราที่เราเป็นตัวของตัวเอง ถ้าเค้าไม่ชอบ ก็คือเค้าเข้ากับเราไม่ได้ แค่นั้นเองค่าาาา... อย่ามัวแต่เสียดายน้าาา ถ้าเค้าไม่ใช่ก็หาใหม่โล้ดดด
(มาถึงตรงนี้ขออนุญาตเรียกแทนสามี ว่า นาง นะคะ)
อ่ะ นอกเรื่องอีกละ .. พอมาเจอกันนน คือก็ดูรู้ว่านางเองก็ประหม่า 555 แต่หลังจากการสัมภาษณ์ นางก็เคยมีแฟนเป็นคนไทยเยอะพอสมควรอยู่ ( เอ.. นางจะเจ้าชุ้หรือเปล่าวะเนี่ย ) คือนางอยู่ที่ไทยมาเกือบสิบปี มันก็ไม่แปลกก กินอาหารไทยได้ ชอบบอาหารอีสานมากโดยเฉพาะ ส้มตำปูปลาร้า ซุปหน่อไม้ ชอบกินเผ็ดมากๆ ถ้าไม่เผ็ดไม่กิน ( โห ช่างตรงข้ามกับตรูสะจิงๆๆ กินเผ็ดได้นิดเดียว ปลาร้าก็กินไม่เป็น ไม่ได้กระแดะแต่อย่างใด แต่คือที่บ้านเราเป็นคนจีน เค้าไม่กินกัน เราเลยกินไม่เป็น ) นางก็เล่าเรื่องชีวิตของนาง มาเริ่มทำงานที่ไทยได้ยังไง เราก็เล่าชีวิตเรา คือต่างคนต่างเล่า นั่งคุยไปๆมาๆ เผลอแป๊บเดียวเที่ยงคืนนนนจ้า (เจอกันตอนทุ่มนึง) ตอนที่นั่งคุยกันที่คือ นางเองก็วางตัวมากพอสมควรนั่งตรงข้ามกันปกติ ไม่มีแตะเนื้อต้องตัว หรือมาโดนตัวเราอย่างใด มีแค่ตอนที่เจอกันและหอมกันเป็นธรรมเนียมแค่นั้นเอง โดยรวมคือนางก็สุภาพบุรุษใช้ได้ (แต่เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ นางอาจจะแค่วางมาดก็เป็นไปได้ เราบอกตัวเอง 555) สุดท้ายก็ตัดสินใจแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ก่อนกลับ นางก็บอกเราว่า หวังว่าจะได้เจอยูอีกน้าา ..
เราเองก็เฉยๆนะ คือนางน่ารัก สุภาพ ดูอบอุ่น ไม่สูบบุหรี่ (ตรงสเปค เราไม่ชอบคนสูบบุหรี่ เพราะเองเป็นภูมิแพ้ ถ้าเจอควัน คือจะจามหนักมาก ) และที่สำคัญรักสัตว์ คือ เรามีแมวที่เลี้ยงไว้ มาสองปี ..ถ้าจะคบใครก็ต้องดูด้วยเนาะว่า เค้าจะใช้ชีวิตกับเราได้ไหม ถ้าเริ่มมาบอกเกลียดแมวนี่ก็จบกัน5555 เราเลยมักจะถามทุกคนในเดทแรกเสมอ ว่า "are you a pet lover ?"
แต่..ด้วยความที่นาง friendly เกิน เราก็แอบกลัวว่านางจะเจ้าชู้ บอกตรงๆ คือตอนนั้นมีที่คุยอยู่หลายคน ไม่ได้บอกว่าตัวเองเจ้าชู้หรืออะไร แต่ตราบใดที่เราโสด เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเรา จริงไหมคะ อีกอย่างเราจะ 30 แล้วว จะเริ่มต้นกับใครใหม่ก็ ไม่อยากจะเสียเวลาไปเปล่าๆ ยังเข็ดกับ สี่ปีที่ผ่านมาไม่หาย .. เอาเป้นว่าสุดท้ายเราก็เก็บนางไว้ในลิส แล้วหลังจากนั้น เราก็คุยกันมาเรื่อยๆๆ
ด้วยความที่ต่างคนต่างทำงาน นางเองมีงานที่ต้องไปถ่ายทีหัวหินแล้วต้องค้างคืน เลยทำให้ เดทที่สองของเรา ห่างหายไปจากเดทแรก ระยะนึง ประมาณสักเดือน แต่ที่หายๆไปก็คือคุยกันตลอด เราเองเป็นคนไม่ค่อย chit chat เยอะ ไม่ชอบถามจู้จี้ หรือซีเรียสว่าจะต้องมานั่งอัพเดทชีวิตกันตลอด เช่น ตื่นแล้ว กินข้าวแล้ว อะไรพวกนั้น เอาเป็นว่า คุยกันแค่ กินข้าวด้วย เทคแคร์นะ ต้องไปทำงานไว้มาคุยใหม่ อะไรประมาณนี้มากกว่า .. ซึ่ง มันมีอะไรให้คุยกันเยอะขึ้น ตอนที่เจอกัน สรุปคือ เรา concern ตอนที่เจอหน้ากัน แล้วมีเรื่องให้คุยกันมากกว่า ..
ผ่านไป เดือนนึง ก็มาเจอกัน เดท สอง ... คราวนี้ร้าน อาหาร ญี่ปุ่น เป็นร้าน Izakaya ย่านพร้อมพงษ์ ซึ่งปรากฏว่าเป็นร้านโปรดเราทั้งคู่ แล้วเค้ายังมีเมนูโปรดที่ชอบกินหลายๆอย่างเหมือนกัน (เอาละวะ คราวนี้ มีเหมือนตรูบ้างละ) วันนี้เราจำได้แม่น นางใส่เสื้อเชิท สีชมพูหวานมาเชียว พอมาเจอ นางก็ขอโทษก่อนเลย ที่ทำให้เดทที่สองต้องรอนานขนาดนี้ .. จากนั้นก็อัพเดทชีวิตปกติทั่วไป คราวนี้ที่สัมผัสได้ คือรู้สึกว่า เออ นาง real ว่ะ นางเป็นคนอ่อนโยน โรแมนติค แอบปากหวานนิดๆ .. แล้วก็แยกย้ายกลับบ้านปกติ
มีอยู่ช่วงที่นางงานยุ่งมาก จนแทบไม่ได้คุยกัน แล้วก็ไม่ได้เจอกันเลย หลังจากเดทสอง จนเราเกือบจะถอดใจ เพราะเราเองร็สึกว่า ถ้าใครสักคนเค้าอยากจะเจอเรา หรืออยากคุยกับเราจริงๆ เค้า ต้อง make it happen ไม่ใช่มีแต่เราฝ่ายเดียวที่เป็นฝ่ายชวนคุยย จนนางเหมือนรู้ ว่าถ้านางไม่พยายามมาเจอเรา นางคงจะไม่ได้เจอเราอีก
จนช่วงคริสต์มาส เราก็ได้เจอกันอีกครั้ง เราได้ช่วยกันจัดต้นคริสต์มาส ไปช่วยกันเลือกของขวัญที่นางจะเอาไปงานจัดเลี้ยงในกลุ่มเพื่อนอังกฤษด้วยกัน
ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากขึ้นน เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเรามากขึ้น นางพิสูจน์อะไรหลายๆอย่างให้เราเห็น เพราะเราบอกนางแต่แรกแล้วว่า เราเป็นคนไม่ง้อนะ ถ้าเรารู้สึกว่าว่าเราต้องง้อใคร แล้วทำให้ตัวเองมีคุณค่าลดลง เราจะเดินจากไปทันที .. เราไม่ได้อยากให้เค้าเปลี่ยนอะไรเพื่อเรา เพราะเราเองก็ไม่อยากเปลี่ยน แล้วเราสองคนก็ชอบที่ต่างคนก็เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ แล้วก็มีความสุขที่เป็นแบบนี้ .. ตอนนั้นเราเหลือคุยกับนางแค่คนเดียวนะคะ
ปีใหม่ นางชวนเราไป countdown ด้วยกันกับกลุ่มเพื่อนๆของนาง เพราะอยากให้เรารู้จักเพื่อนนาง อยากให้เราเห็นว่าใช้ชีวิตยังไง ชอบทำอะไร อยู่แบบไหน ให้ดูรูปภาพครอบครัว แลกเปลี่ยนเล่าเรื่องราวครอบครัวให้กันและกันฟัง จากนั้น เราก็แนะนำนางให้กลุ่มเพื่อนสนิทเรารู้จัก ( ถ้าเราชอบใคร แล้วไม่ผ่านเพื่อนน นี่ก็อีกเรื่อง 555 เพราะฉะนั้นจึงเป็นกฏเหล็กของกลุ่ม ว่า ควรพามาให้เพื่อนๆเจอ)
หลังจากช่วงปีใหม่ จำได้ว่า เจอกันอีกครั้งวันที่ 8 .. นางบอกเราว่า " i already deleted Tinder " (คือถ้าเค้าพูดมาแบบนี้มันก็ชัดเจนแล้วล่ะค่ะ ว่าเค้าจริงจังกับเรานะ เค้าไม่อยากคุยกับคนอื่นอีก) แต่นางก็ไม่ได้ขอให้เราลบนะ (เพราะเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน) แค่บอกเฉยๆ ว่าไอ ไม่ได้อยากคุยกับใครแล้ว ไอแค่อยากคุยกับยูคนเดียว รู้นะว่ามันอาจจะรู้สึกว่าเร็วไป แต่สำหรับเค้าทุกอย่างมันรู้สึกว่าใช่หมด ไม่อยากเสียเราให้คนอื่น มาถึงจุดนี้เราเองก็รู้สึกเหมือนกัน มันรู้สึกว่ากับคนๆนี้มันเพียงพอแล้ว อยากให้เค้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา .. วันเดียวกันนั้นเองที่เราลบแอพต่อหน้านางให้ดูว่าเราเองก็ "ลบ"แล้วนะ ^^
ใช่ค่ะ แล้วนางก็ขอเราเป็น "แฟน"
เด่วมาต่อนะคะ
พบรักกับสามีจาก "Tinder "
ไหนๆ ก็มีเวลาเหลือจากการ Work from Home แล้วนั้น เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ตัวเองกับเพื่อนๆ ...
ว่าเราพบรักกับสามี จาก tinder ปัจจุบันแต่งงานและมีพยานรักด้วยกัน
ผู้ชายดีดีในทินเดอร์ยังมีอยู่จริงน๊ะ อย่าเพิ่งท้อกันนะคะ สาวๆๆ
อย่าเพิ่ง ดราม่านะคะ สำหรับคนโลกสวย หรือคนที่อาจจะคิดว่าแอพ หาคู่พวกนี้ มันดูเหมือน มีแต่คน ที่จะนัด .. กันอย่างเดียว ไม่คิดอะไรจริงจัง เราคนนึงละค่ะ ที่จะบอกว่า เราเล่น เพราะหา serious relationship จริงๆ และเชื่อว่าผช.และผญ. หลายๆ คนในนี้ก็เล่นเพราะหาแฟนเหมือนกับเรา .. มาดูสาเหตุกันว่าทำไม เราถึงเลือกที่จะเล่นแอพหาคู่ หรือ ทินเดอร์นี้ ..
เกริ่นเรื่องของเราคร่าวๆก่อนนะคะ .. เราอายุ 29 จะเข้า 30 โสดมาพอประมาณ เป็นคนไทย เชื้อสายจีน เรียก อาม่า อากง .. หมวย แต่ไม่ขาว อ่ะ งงใช่ไม๊ 55 ส่วนสูงแค่ 158 นน. 50 ไม่อ้วน ไม่ผอม ออกกำลังกายเป็นประจำ .. เอาเป็นว่าเราไม่ใช่typical type ของผช.ไทยเท่าไร ไม่ได้จะบอกว่าเราไม่ชอบผช.คนไทยนะคะ แต่เค้ามักไม่ค่อยชอบเรา 555 หรืออาจจะเป็นเพราะเรา อาจจะนิสัย ห้าวๆ อ่อ ลืมบอกค่ะ เราเรียนจบที่ไทยค่ะ (คณะพยาบาล) แต่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา มาหลายปี เลยอาจจะติดนิสัยพูดตรงไปตรงมาแบบฝรั่ง .
เรารู้จักทินเดอร์ มาจริงๆนานนะคะ หลายปี แต่ไม่ได้สมัครเล่น เมื่อปีก่อนเราเลิกกับแฟนที่คบมาประมาณ 4 ปี นานนะคะ แต่เลิกเพราะมันไม่เห็นอนาคตร่วมกัน ก็อย่างที่บอก ดูจากอายุเราสิคะ คือ เราก็เริ่มอยากจะสร้างครอบครัวกับใครสักคน มีลูก (เราชอบเด็กมากก คือเคยฝันว่าอยากมีลูกก่อน อายุ 30) แต่แฟนเรา (เขาเป็นคนไทยนะคะ) เขามีภาระครอบครัวหลายอย่าง มีคุณแม่ที่ต้องดูแล เพราะเป็นเคสติดเตียง .. ซึ่งตรงนี้เราก็เข้าใจเขามาโดยตลอดตั้งแต่คบกัน แต่เขาก็สัญญาว่าจะทำให้อะไรๆดีขึ้น จริงๆ คือเขาเป็นคนดีมากนะคะ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน เก็บเงินเก่ง เรื่องบนเตียงปกติดีไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ปีสุดท้ายที่ก่อนเลิกกัน เหมือนเราไม่ค่อย connect กันเหมือนเดิม คุยกันทุกวัน แต่ไม่ค่อยได้เจอ เจอกันอาทิตย์ละครั้ง บางทีก็เว้นอาทิตย์ (เราไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ) จนพอมานั่งคุยกันเขาก็บอกว่า เขาร็ว่าเราอยากมีครอบครัว อยากมีลูก แต่ตอนนี้คือเขายังเคลียตัวเองไม่ได้ และก็สงสาร อยากให้เราไปมีชีวิตที่ดี ไปเจอคนที่พร้อมกว่าเขา.. สรุปคือเราก็เลิกกันโดยดี มียังติดต่อกัน คุยกันเป็นพี่น้อง ไว้มีเรื่องอะไร คอยปรึกษากันได้
แล้วด้วยงานที่เราทำ มันก็ไม่ได้เจอคนเยอะแยะมากมาย เป็นสังคมเดิมๆ เจอแต่คนเดิมๆ คือจะให้ไปนั่งอ่อย ตามร้านกาแฟ ตลอดก็ไม่ไหวเน๊าะ ... เราก็เลยโหลดแอพมาใช้ แต่แบบ ว่างก็เล่น ไม่ว่างก็ไม่เล่นน ไม่ได้เล่นจริงจัง หรือแบบต้องเสียตังค์ไรงี้ รุ้สึกเสียดาย 5555 ทีนี้มาดูคนแต่ละแบบ ที่เราเจอ ยอมรับ ว่าเราแทบ ไม่ได้ปัดถูกใจ คนไทย เลยนะคะ แต่ก็มีที่ปัด เพราะดูเป็นผู้ใหญ่ แต่พอคุยด้วยแล้วก็เฉยๆ เลิกคุยกันไป ทีนี้มาดูฝ. แต่ละแบบที่เราเจอ .. บางคนนี่เค้าจะเขียนที่ profile ไว้เลย แนะนำว่าให้อ่านก่อนปัด ถ้าไม่อยากเสียเวลา เช่น..
- looking for fun , netflix and chill , no strings / hooked up / holiday gf มาหมด อันนี้ก็แล้วแต่ดุลพินิจ ของสาวๆแต่ละท่านด้วยว่าท่านโอเคกับแบบไหน แต่สำหรับเราปัดทิ้งหมด เพระาถ้าคนพวกนี้ เค้า มี mind set แล้วว่า เค้ายังไม่พร้อมกับการมี serious relationship ต่อให้ท่านสวยแค่ไหนนน เค้าก็ไม่พร้อมที่จะคบค่าาาาาา
- looking for serious relationship ส่วนใหญ่ในกรุปนี้คือจะมีอายุหน่อย แบบพวกการงานชีวิตเริ่มมั่นคงอายุ 35 ขึ้นไป (เราเซทอายุไว้ช่วงระหว่าง 29- 45 เราชอบคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าค่ะ) ย้ำกว่าก่อนที่จะปัด เราจะอ่าน profile ของทุกคน คือถ้าไม่เขียนอะไรเลย เราก็ไม่ปัดนะ 555 คือการที่เค้าเขียนอะไรไว้ มันก็มีอะไรให้ได้ถาม ให้ได้คุยยย อันนี้ตามความรู้สึกเราน๊าาา อย่าว่ากันน ..
- ประเภท not sure , go with the flow คือ พวกที่แบบ ไม่ได้ set goal ไว้ อนาคตจะเป็นยังไง ค่อยว่ากัน เคสพวกนี้คือต้องไปเจอ ไปเดท แล้วค่อยว่ากัน ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ในที่นี้ คือ มีโอกาส จะพัฒนาไป เป็น gf , / friend with benefit
คือ ก่อนจะเจอเค้า เราก็เจอทั้งคนดี ไม่ดี ปะปน กันไปป มีที่แบบ ถูกใจ เริ่มคบกันแต่ก็ไม่ไปถึงไหนนน มีที่เรายอมมแม้กระทั่งให้เป็น friend with benefit เพราะคิดว่าเราจะเปลี่ยนใจเค้าได้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ ก็อย่างที่บอกในตอนแรกอะคะ ว่าคนพวกนี้ ต่อให้ทำแทบตาย ถ้าเค้าไม่พร้อม เราก็ทำอะไรไม่ได้เน๊าะ
อ่ะ นอกเรื่อง เกริ่นมาเยอะแล้ววว อยากรู้หรือยังคะ ว่าเราเจอกับสามี ได้ยังไง..
เริ่มแรก เราเห็นเค้า ในทิน เราก็นั่งอ่าน ที่เค้าเขียน รูปที่เค้าโพส เค้าเป็นคนอังกฤษ ดูสะอาดสะอ้าน มีรอยสัก (ส่วนตัวเรามองผช.มีรอยสักคือ sexy นะ ) ตัวเราเองก็มีรอยสักเหมือนกัน เค้าทำงานที่ไทยมาหลายปี ด้าน hospitality ดูน่าจะมีเรื่องให้คุยไปในทิศทางเดียวกัน (แต่ก็อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรเยอะ ) เราก็ปัดถูกใจเค้า เพิ่งเห็นตอน match ว่าเค้ามา superlikeเรา หลังจากนั้นเค้าก็เริ่มชวนคุย เคยเป็นไหมคะ เวลาเราคุยกับใคร แล้ววรู้สึกว่ามันมีความต่อเนื่อง มันมีเรื่องให้คุย ตอนนั้นยังไม่ได้แอดไลน์กัน ก็ยังคุยกันในทินเดอร์ปกติ เราก็คุยกันถูกคอ ผ่านไปได้ 2-3 วัน เค้าก็ขอแอดไลน์ หลังจากนั้น ประมาณอาทิตย์นึง เราก็นัดเจอกัน ที่ร้านอาหารแห่งนึงย่านเอกมัย .. คือจริงๆ เราสองคนอยู่ห่างกันแค่ 3 สถานีรถไฟฟ้าเองค่ะ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เราก็อยากลองเชิงเค้า ไม่อยากให้ดุว่าเรารีบร้อนอยากเจออะไรมากมายขนาดนั้น เด่วเค้าจะได้ใจ 555 เล่นตัวเองไปอี๊กกก
ยอมรับเลยค่ะว่าประหม่า คือ ไม่เคยเดทกับคนอังกฤษ ปกติเราถนัดแนวเมกันมากกว่า เพราะเราเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นน คิดไม่ออกเลย ว่าแบบจะแนวไหนน
น้าาา แต่สุดท้าย จะบอกตรงนี้เลย ว่า สาวๆ ไม่ว่าเค้าจะเป็นชาติไหน แนวไหน เราควรเป็นตัวของตัวเราเองดีที่สุดค่ะ เพราะการที่เราต้องแกล้งเป็นคนอื่นให้เค้าประทับใจ มันจะไม่ยั่งยืน เราเองก็เหนื่อย สุดท้ายก็จะอยากเป็นตัวของตัวเองเหมือนเดิม มันจะไม่ดีต่อความสัมพันธ์ของเรา ถ้าเค้าจะชอบเรา เค้าก็ต้องชอบเราที่เราเป็นตัวของตัวเอง ถ้าเค้าไม่ชอบ ก็คือเค้าเข้ากับเราไม่ได้ แค่นั้นเองค่าาาา... อย่ามัวแต่เสียดายน้าาา ถ้าเค้าไม่ใช่ก็หาใหม่โล้ดดด
(มาถึงตรงนี้ขออนุญาตเรียกแทนสามี ว่า นาง นะคะ)
อ่ะ นอกเรื่องอีกละ .. พอมาเจอกันนน คือก็ดูรู้ว่านางเองก็ประหม่า 555 แต่หลังจากการสัมภาษณ์ นางก็เคยมีแฟนเป็นคนไทยเยอะพอสมควรอยู่ ( เอ.. นางจะเจ้าชุ้หรือเปล่าวะเนี่ย ) คือนางอยู่ที่ไทยมาเกือบสิบปี มันก็ไม่แปลกก กินอาหารไทยได้ ชอบบอาหารอีสานมากโดยเฉพาะ ส้มตำปูปลาร้า ซุปหน่อไม้ ชอบกินเผ็ดมากๆ ถ้าไม่เผ็ดไม่กิน ( โห ช่างตรงข้ามกับตรูสะจิงๆๆ กินเผ็ดได้นิดเดียว ปลาร้าก็กินไม่เป็น ไม่ได้กระแดะแต่อย่างใด แต่คือที่บ้านเราเป็นคนจีน เค้าไม่กินกัน เราเลยกินไม่เป็น ) นางก็เล่าเรื่องชีวิตของนาง มาเริ่มทำงานที่ไทยได้ยังไง เราก็เล่าชีวิตเรา คือต่างคนต่างเล่า นั่งคุยไปๆมาๆ เผลอแป๊บเดียวเที่ยงคืนนนนจ้า (เจอกันตอนทุ่มนึง) ตอนที่นั่งคุยกันที่คือ นางเองก็วางตัวมากพอสมควรนั่งตรงข้ามกันปกติ ไม่มีแตะเนื้อต้องตัว หรือมาโดนตัวเราอย่างใด มีแค่ตอนที่เจอกันและหอมกันเป็นธรรมเนียมแค่นั้นเอง โดยรวมคือนางก็สุภาพบุรุษใช้ได้ (แต่เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ นางอาจจะแค่วางมาดก็เป็นไปได้ เราบอกตัวเอง 555) สุดท้ายก็ตัดสินใจแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ก่อนกลับ นางก็บอกเราว่า หวังว่าจะได้เจอยูอีกน้าา ..
เราเองก็เฉยๆนะ คือนางน่ารัก สุภาพ ดูอบอุ่น ไม่สูบบุหรี่ (ตรงสเปค เราไม่ชอบคนสูบบุหรี่ เพราะเองเป็นภูมิแพ้ ถ้าเจอควัน คือจะจามหนักมาก ) และที่สำคัญรักสัตว์ คือ เรามีแมวที่เลี้ยงไว้ มาสองปี ..ถ้าจะคบใครก็ต้องดูด้วยเนาะว่า เค้าจะใช้ชีวิตกับเราได้ไหม ถ้าเริ่มมาบอกเกลียดแมวนี่ก็จบกัน5555 เราเลยมักจะถามทุกคนในเดทแรกเสมอ ว่า "are you a pet lover ?"
แต่..ด้วยความที่นาง friendly เกิน เราก็แอบกลัวว่านางจะเจ้าชู้ บอกตรงๆ คือตอนนั้นมีที่คุยอยู่หลายคน ไม่ได้บอกว่าตัวเองเจ้าชู้หรืออะไร แต่ตราบใดที่เราโสด เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเรา จริงไหมคะ อีกอย่างเราจะ 30 แล้วว จะเริ่มต้นกับใครใหม่ก็ ไม่อยากจะเสียเวลาไปเปล่าๆ ยังเข็ดกับ สี่ปีที่ผ่านมาไม่หาย .. เอาเป้นว่าสุดท้ายเราก็เก็บนางไว้ในลิส แล้วหลังจากนั้น เราก็คุยกันมาเรื่อยๆๆ
ด้วยความที่ต่างคนต่างทำงาน นางเองมีงานที่ต้องไปถ่ายทีหัวหินแล้วต้องค้างคืน เลยทำให้ เดทที่สองของเรา ห่างหายไปจากเดทแรก ระยะนึง ประมาณสักเดือน แต่ที่หายๆไปก็คือคุยกันตลอด เราเองเป็นคนไม่ค่อย chit chat เยอะ ไม่ชอบถามจู้จี้ หรือซีเรียสว่าจะต้องมานั่งอัพเดทชีวิตกันตลอด เช่น ตื่นแล้ว กินข้าวแล้ว อะไรพวกนั้น เอาเป็นว่า คุยกันแค่ กินข้าวด้วย เทคแคร์นะ ต้องไปทำงานไว้มาคุยใหม่ อะไรประมาณนี้มากกว่า .. ซึ่ง มันมีอะไรให้คุยกันเยอะขึ้น ตอนที่เจอกัน สรุปคือ เรา concern ตอนที่เจอหน้ากัน แล้วมีเรื่องให้คุยกันมากกว่า ..
ผ่านไป เดือนนึง ก็มาเจอกัน เดท สอง ... คราวนี้ร้าน อาหาร ญี่ปุ่น เป็นร้าน Izakaya ย่านพร้อมพงษ์ ซึ่งปรากฏว่าเป็นร้านโปรดเราทั้งคู่ แล้วเค้ายังมีเมนูโปรดที่ชอบกินหลายๆอย่างเหมือนกัน (เอาละวะ คราวนี้ มีเหมือนตรูบ้างละ) วันนี้เราจำได้แม่น นางใส่เสื้อเชิท สีชมพูหวานมาเชียว พอมาเจอ นางก็ขอโทษก่อนเลย ที่ทำให้เดทที่สองต้องรอนานขนาดนี้ .. จากนั้นก็อัพเดทชีวิตปกติทั่วไป คราวนี้ที่สัมผัสได้ คือรู้สึกว่า เออ นาง real ว่ะ นางเป็นคนอ่อนโยน โรแมนติค แอบปากหวานนิดๆ .. แล้วก็แยกย้ายกลับบ้านปกติ
มีอยู่ช่วงที่นางงานยุ่งมาก จนแทบไม่ได้คุยกัน แล้วก็ไม่ได้เจอกันเลย หลังจากเดทสอง จนเราเกือบจะถอดใจ เพราะเราเองร็สึกว่า ถ้าใครสักคนเค้าอยากจะเจอเรา หรืออยากคุยกับเราจริงๆ เค้า ต้อง make it happen ไม่ใช่มีแต่เราฝ่ายเดียวที่เป็นฝ่ายชวนคุยย จนนางเหมือนรู้ ว่าถ้านางไม่พยายามมาเจอเรา นางคงจะไม่ได้เจอเราอีก
จนช่วงคริสต์มาส เราก็ได้เจอกันอีกครั้ง เราได้ช่วยกันจัดต้นคริสต์มาส ไปช่วยกันเลือกของขวัญที่นางจะเอาไปงานจัดเลี้ยงในกลุ่มเพื่อนอังกฤษด้วยกัน
ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากขึ้นน เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเรามากขึ้น นางพิสูจน์อะไรหลายๆอย่างให้เราเห็น เพราะเราบอกนางแต่แรกแล้วว่า เราเป็นคนไม่ง้อนะ ถ้าเรารู้สึกว่าว่าเราต้องง้อใคร แล้วทำให้ตัวเองมีคุณค่าลดลง เราจะเดินจากไปทันที .. เราไม่ได้อยากให้เค้าเปลี่ยนอะไรเพื่อเรา เพราะเราเองก็ไม่อยากเปลี่ยน แล้วเราสองคนก็ชอบที่ต่างคนก็เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ แล้วก็มีความสุขที่เป็นแบบนี้ .. ตอนนั้นเราเหลือคุยกับนางแค่คนเดียวนะคะ
ปีใหม่ นางชวนเราไป countdown ด้วยกันกับกลุ่มเพื่อนๆของนาง เพราะอยากให้เรารู้จักเพื่อนนาง อยากให้เราเห็นว่าใช้ชีวิตยังไง ชอบทำอะไร อยู่แบบไหน ให้ดูรูปภาพครอบครัว แลกเปลี่ยนเล่าเรื่องราวครอบครัวให้กันและกันฟัง จากนั้น เราก็แนะนำนางให้กลุ่มเพื่อนสนิทเรารู้จัก ( ถ้าเราชอบใคร แล้วไม่ผ่านเพื่อนน นี่ก็อีกเรื่อง 555 เพราะฉะนั้นจึงเป็นกฏเหล็กของกลุ่ม ว่า ควรพามาให้เพื่อนๆเจอ)
หลังจากช่วงปีใหม่ จำได้ว่า เจอกันอีกครั้งวันที่ 8 .. นางบอกเราว่า " i already deleted Tinder " (คือถ้าเค้าพูดมาแบบนี้มันก็ชัดเจนแล้วล่ะค่ะ ว่าเค้าจริงจังกับเรานะ เค้าไม่อยากคุยกับคนอื่นอีก) แต่นางก็ไม่ได้ขอให้เราลบนะ (เพราะเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน) แค่บอกเฉยๆ ว่าไอ ไม่ได้อยากคุยกับใครแล้ว ไอแค่อยากคุยกับยูคนเดียว รู้นะว่ามันอาจจะรู้สึกว่าเร็วไป แต่สำหรับเค้าทุกอย่างมันรู้สึกว่าใช่หมด ไม่อยากเสียเราให้คนอื่น มาถึงจุดนี้เราเองก็รู้สึกเหมือนกัน มันรู้สึกว่ากับคนๆนี้มันเพียงพอแล้ว อยากให้เค้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา .. วันเดียวกันนั้นเองที่เราลบแอพต่อหน้านางให้ดูว่าเราเองก็ "ลบ"แล้วนะ ^^
ใช่ค่ะ แล้วนางก็ขอเราเป็น "แฟน"
เด่วมาต่อนะคะ