(อัพภาพจากโทรศัพท์ ขออภัยที่รูปเอียงค่ะ จะพยายามแก้ไขในโอกาสต่อไป)
มือใหม่หัดเขียน : เรื่องเล่าจากครูเคย 'ใหม่' (๒)
#การปรับตัวครั้งใหญ่
หกล้มครั้งแรก
กินทุเรียนครั้งแรก
และคงเป็นครั้งสุดท้าย
ทะเลาะกับน้องสาวครั้งแรก
ขโมยเงินบนหลังตู้เย็นครั้งแรก
แล้วโดนแม่จับได้
ทุกอย่างย่อมมี'ครั้งแรก'เสมอ แต่หากถามว่าเราจำพฤติกรรมหรือเรื่องราวในอดีตอันเป็น 'ครั้งแรก' ของเราได้มากน้อยเพียงใด คงต้องมานั่งคิด นอนคิดข้ามวันข้ามคืนกันบ้างล่ะนะ
แต่สำหรับเรื่องราว 'ครั้งแรก' ของ คุณครู'ใหม่' ในวันนี้ สำหรับเธอแล้ว คงจะเป็นการยากที่จะลืมได้ทีเดียว
"ครู้วววววคร้าบบบ~ ...ผมฮู่แล้วว่าครู... ว่าครูซือใหม่...ครูใหม่ N-e-w แมนบ่?...แม่นบ่ครับ?"
"แม่นแล้วเด้อ"
นั่นคือ'ครั้งแรก'ที่ นภารัตน์ พูดภาษาอีสาน หญิงสาวแทบจะตะโกนตอบเด็กชายที่วิ่งกระหืดกระหอบจากสนามฟุตบอลมาหาเธอทันควัน เพราะเกรงว่าเด็กชาย 'อุดมโชค' จะล้มหน้าคว่ำไปเสียก่อน
เธอเดาว่า...คิดว่า...และหวังว่า...มันคงไม่แย่เกินไปนัก สำหรับการพูดภาษาอีสาน 'ครั้งแรก' ของเธอ เพราะผลตอบรับที่ได้คือเสียงหัวเราะคิกคักของเด็ก ๆ รอบข้าง
จะด้วยความขบขันหรือเอ็นดูจากกลุ่มนักเรียนในบริเวณนั้น ทั้งจากภารโรงที่กำลังพะวงกับการตีเส้นสนามอยู่ไม่ไกลนัก นภารัตน์ถือว่ามันคือการปรับตัวที่เธอต้องทำความคุ้นเคยให้ได้
จะไม่ให้เสียชื่อที่ได้เกิดเป็นลูกครึ่งอีสาน-เหนือเด็ดขาด!
"น้องใหม่...ปะ ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน"
พ่อเคยบอกเธอว่าคนอีสานค่อนข้างอัธยาศัยดี เป็นมิตร และก็เป็นไปตามที่พ่อบอก เธอค่อนข้างทึ่งที่ได้ยินคำชวนจากพี่ 'กิ่ง' คุณครูธุรการประจำโรงเรียนที่ดูร่าเริงอยู่เสมอ
สำหรับคนโลกส่วนตัวสูงอย่างนภารัตน์ เป็นเรื่องยากที่จะเข้าหาใครอย่างสนิทสนมเช่นนั้น ต่อให้เขา(ใครก็ตาม)ที่รู้จักเธอ แต่หากไม่ใช่เพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวก็ยากที่จะเข้าถึงตัวตนของเธอ และยากที่จะทำให้เธอ 'ไว้ใจ' ใครได้
นี่จึงเป็นครั้งแรกของการ 'ทานข้าวเที่ยงกับคนแปลกหน้า'
"หนูจะสั่งอะไร เขียนใส่โน๊ตตรงนี้ให้แม่พรเลยนะ...วันนี้พ่อนึกเลี้ยงเอง"
นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน สำหรับ 'คนเมืองบน' อย่างเธอ ที่ใช้ชีวิตกว่าค่อนชีวิตอยู่ในเมืองหลวงของประเทศ เธอเติบโตและถูกสอนให้เอาตัวรอดและอยู่อย่างระมัดระวัง
เธอแทบจะไม่เคยเรียกหรือได้ยินคนเมืองแทนตัวเองว่า 'พ่อ' หรือ 'แม่' มาก่อน นภารัตน์คุ้นเคยกับ 'ลุง' 'ป้า' 'น้า' 'อา' 'พี่' หรือ 'หนู' มากกว่า
แน่นอนว่าคนอีสานมักจะแทนตัวเองว่า 'พ่อ' และ 'แม่' สำหรับผู้อาวุโส แต่คนละความหมายกับคำว่า (ตัว)พ่อ หรือ (ตัว)แม่ ในแบบฉบับของคนรุ่นใหม่
เธอไม่แน่ใจว่าเช่นเดียวกันกับคนเหนือหรือไม่ แต่สำหรับคนที่นี่ มันชวนอบอุ่นหัวใจจนบอกไม่ถูก
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราต้องปรับตัวเหมือนกันสินะ
"หนูเป็นมังสวิรัติค่ะคุณน้า หนูขอเป็นผัดกะเพราไข่ใส่ซีอิ๊ว ... หรือข้าวไข่เจียวไม่ใส่เนื้อ ไม่ใส่น้ำปลา จะรบกวนคุณน้าเกินไปไหมคะ"
ริมฝีปากหนาเผลอเม้มด้วยความเคยชิน เป็นเช่นนี้เสมอในยามที่นภารัตน์กังวล ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หรือเธอกำลังตัดสินใจพลาด!
ใช่แล้ว เธอไม่ทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงปลา เครื่องปรุงรสที่ถูกผลิตจากสัตว์ทุกประเภท เธอรู้ว่านี่คือความเสี่ยง ความเสี่ยงที่จะเผยตัวตนให้โลกที่ไม่ใช่ครอบครัว หรือคนสนิท ได้รู้จัก 'ตัวตน' ของเธอ
แต่ถ้ามันเร็วเกินไปสำหรับโลกที่จะเรียนรู้เธอให้มากขึ้น เธอยังมีแผนสำรอง ยังมี 'ข้าวกล่องน้อย' ที่เธอเตรียมไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
ชั่วอึดใจที่ความคิดต่าง ๆ ทั้งดี ไม่ดีผสมปนเปจนเหมือนชั่วข้ามคืน ถ้าทั้งร้านไม่เงียบกริบ ไร้เสียงใด ๆ ก็เป็นเธอเองที่หูอื้ออึงไปชั่วขณะ
เธอพยายามอ่านปาก 'แม่พร' เจ้าของร้านข้าวหน้าโรงเรียนบ้านท่าคุ้มสาม และจับใจความได้ว่า "...ครูคนใหม่กินเจตั้วะหนิ...บ่ยาก ๆ เฮ็ดบ่โดน แซบบ่ต่างจากกรุงเทพฯ ไป ๆ พากันไปนั่งเลยค่าคุณครู"
จำไม่ได้ว่ามีมือใครสักคนมาจูงมือของนภารัตน์ไปนั่งที่โต๊ะใกล้ ๆ ทุกคนต่างแปลกใจและสอบถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคุณครู'คนใหม่'ถึงสาเหตุในการ 'กินเจ' ของเธอ
เป็น 'ครั้งแรก' ของเธอที่กำลังทำสิ่งใหม่ ทั้งปรับตัว รวมทั้งเผยตัวตนของเธอที่อาจจะแตกต่างจากคนอื่น คนที่ไม่เคยรู้จักเธอ คนแปลกหน้า ให้เขาเหล่านั้นได้ปรับ...ปรับภาพของเธอให้เป็นแบบที่เป็นเธอไม่มากก็น้อย
นภารัตน์ไม่ได้คาดหวังให้ใครเข้าใจ เห็นใจ หรือต้องรับรู้ทุกเรื่องราว ทุกแง่มุม ถึงเหตุผลที่เธอแตกต่าง
แต่ตราบใดที่เธอ'รู้' และ'ตระหนัก'ว่าสิ่งที่เธอเคยทำ กำลังทำ และจะทำต่อไปเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ ไม่ได้ทำร้ายใคร นั่นก็เพียงพอแล้ว
จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหักล้าง ทำให้เธอไม่ทำ หรือเสียความเป็นตัวเอง
แค่ยืนหยัดต่อไปในแบบของเรา
อย่างที่บอกไว้ เธอแค่ลองเสี่ยงดู
และมันได้ผล
เธอบอกกับตัวเองเช่นนั้น
จบตอน ๒
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ ๑
ขอบคุณที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณหากมีคำยินดีให้พัฒนา
ขอบคุณคำติชม คำกล่าวว่า
พร้อมศึกษาพัฒนาเพื่อเหล่านักเรียน
ขอบคุณค่ะ
มือใหม่หัดเขียน : เรื่องเล่าจากครูเคย 'ใหม่' (2)
(อัพภาพจากโทรศัพท์ ขออภัยที่รูปเอียงค่ะ จะพยายามแก้ไขในโอกาสต่อไป)
มือใหม่หัดเขียน : เรื่องเล่าจากครูเคย 'ใหม่' (๒)
#การปรับตัวครั้งใหญ่
หกล้มครั้งแรก
กินทุเรียนครั้งแรก และคงเป็นครั้งสุดท้าย
ทะเลาะกับน้องสาวครั้งแรก
ขโมยเงินบนหลังตู้เย็นครั้งแรก แล้วโดนแม่จับได้
ทุกอย่างย่อมมี'ครั้งแรก'เสมอ แต่หากถามว่าเราจำพฤติกรรมหรือเรื่องราวในอดีตอันเป็น 'ครั้งแรก' ของเราได้มากน้อยเพียงใด คงต้องมานั่งคิด นอนคิดข้ามวันข้ามคืนกันบ้างล่ะนะ
แต่สำหรับเรื่องราว 'ครั้งแรก' ของ คุณครู'ใหม่' ในวันนี้ สำหรับเธอแล้ว คงจะเป็นการยากที่จะลืมได้ทีเดียว
"ครู้วววววคร้าบบบ~ ...ผมฮู่แล้วว่าครู... ว่าครูซือใหม่...ครูใหม่ N-e-w แมนบ่?...แม่นบ่ครับ?"
"แม่นแล้วเด้อ"
นั่นคือ'ครั้งแรก'ที่ นภารัตน์ พูดภาษาอีสาน หญิงสาวแทบจะตะโกนตอบเด็กชายที่วิ่งกระหืดกระหอบจากสนามฟุตบอลมาหาเธอทันควัน เพราะเกรงว่าเด็กชาย 'อุดมโชค' จะล้มหน้าคว่ำไปเสียก่อน
เธอเดาว่า...คิดว่า...และหวังว่า...มันคงไม่แย่เกินไปนัก สำหรับการพูดภาษาอีสาน 'ครั้งแรก' ของเธอ เพราะผลตอบรับที่ได้คือเสียงหัวเราะคิกคักของเด็ก ๆ รอบข้าง
จะด้วยความขบขันหรือเอ็นดูจากกลุ่มนักเรียนในบริเวณนั้น ทั้งจากภารโรงที่กำลังพะวงกับการตีเส้นสนามอยู่ไม่ไกลนัก นภารัตน์ถือว่ามันคือการปรับตัวที่เธอต้องทำความคุ้นเคยให้ได้
จะไม่ให้เสียชื่อที่ได้เกิดเป็นลูกครึ่งอีสาน-เหนือเด็ดขาด!
"น้องใหม่...ปะ ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน"
พ่อเคยบอกเธอว่าคนอีสานค่อนข้างอัธยาศัยดี เป็นมิตร และก็เป็นไปตามที่พ่อบอก เธอค่อนข้างทึ่งที่ได้ยินคำชวนจากพี่ 'กิ่ง' คุณครูธุรการประจำโรงเรียนที่ดูร่าเริงอยู่เสมอ
สำหรับคนโลกส่วนตัวสูงอย่างนภารัตน์ เป็นเรื่องยากที่จะเข้าหาใครอย่างสนิทสนมเช่นนั้น ต่อให้เขา(ใครก็ตาม)ที่รู้จักเธอ แต่หากไม่ใช่เพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวก็ยากที่จะเข้าถึงตัวตนของเธอ และยากที่จะทำให้เธอ 'ไว้ใจ' ใครได้
นี่จึงเป็นครั้งแรกของการ 'ทานข้าวเที่ยงกับคนแปลกหน้า'
"หนูจะสั่งอะไร เขียนใส่โน๊ตตรงนี้ให้แม่พรเลยนะ...วันนี้พ่อนึกเลี้ยงเอง"
นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน สำหรับ 'คนเมืองบน' อย่างเธอ ที่ใช้ชีวิตกว่าค่อนชีวิตอยู่ในเมืองหลวงของประเทศ เธอเติบโตและถูกสอนให้เอาตัวรอดและอยู่อย่างระมัดระวัง
เธอแทบจะไม่เคยเรียกหรือได้ยินคนเมืองแทนตัวเองว่า 'พ่อ' หรือ 'แม่' มาก่อน นภารัตน์คุ้นเคยกับ 'ลุง' 'ป้า' 'น้า' 'อา' 'พี่' หรือ 'หนู' มากกว่า
แน่นอนว่าคนอีสานมักจะแทนตัวเองว่า 'พ่อ' และ 'แม่' สำหรับผู้อาวุโส แต่คนละความหมายกับคำว่า (ตัว)พ่อ หรือ (ตัว)แม่ ในแบบฉบับของคนรุ่นใหม่
เธอไม่แน่ใจว่าเช่นเดียวกันกับคนเหนือหรือไม่ แต่สำหรับคนที่นี่ มันชวนอบอุ่นหัวใจจนบอกไม่ถูก
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราต้องปรับตัวเหมือนกันสินะ
"หนูเป็นมังสวิรัติค่ะคุณน้า หนูขอเป็นผัดกะเพราไข่ใส่ซีอิ๊ว ... หรือข้าวไข่เจียวไม่ใส่เนื้อ ไม่ใส่น้ำปลา จะรบกวนคุณน้าเกินไปไหมคะ"
ริมฝีปากหนาเผลอเม้มด้วยความเคยชิน เป็นเช่นนี้เสมอในยามที่นภารัตน์กังวล ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หรือเธอกำลังตัดสินใจพลาด!
ใช่แล้ว เธอไม่ทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงปลา เครื่องปรุงรสที่ถูกผลิตจากสัตว์ทุกประเภท เธอรู้ว่านี่คือความเสี่ยง ความเสี่ยงที่จะเผยตัวตนให้โลกที่ไม่ใช่ครอบครัว หรือคนสนิท ได้รู้จัก 'ตัวตน' ของเธอ
แต่ถ้ามันเร็วเกินไปสำหรับโลกที่จะเรียนรู้เธอให้มากขึ้น เธอยังมีแผนสำรอง ยังมี 'ข้าวกล่องน้อย' ที่เธอเตรียมไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
ชั่วอึดใจที่ความคิดต่าง ๆ ทั้งดี ไม่ดีผสมปนเปจนเหมือนชั่วข้ามคืน ถ้าทั้งร้านไม่เงียบกริบ ไร้เสียงใด ๆ ก็เป็นเธอเองที่หูอื้ออึงไปชั่วขณะ
เธอพยายามอ่านปาก 'แม่พร' เจ้าของร้านข้าวหน้าโรงเรียนบ้านท่าคุ้มสาม และจับใจความได้ว่า "...ครูคนใหม่กินเจตั้วะหนิ...บ่ยาก ๆ เฮ็ดบ่โดน แซบบ่ต่างจากกรุงเทพฯ ไป ๆ พากันไปนั่งเลยค่าคุณครู"
จำไม่ได้ว่ามีมือใครสักคนมาจูงมือของนภารัตน์ไปนั่งที่โต๊ะใกล้ ๆ ทุกคนต่างแปลกใจและสอบถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคุณครู'คนใหม่'ถึงสาเหตุในการ 'กินเจ' ของเธอ
เป็น 'ครั้งแรก' ของเธอที่กำลังทำสิ่งใหม่ ทั้งปรับตัว รวมทั้งเผยตัวตนของเธอที่อาจจะแตกต่างจากคนอื่น คนที่ไม่เคยรู้จักเธอ คนแปลกหน้า ให้เขาเหล่านั้นได้ปรับ...ปรับภาพของเธอให้เป็นแบบที่เป็นเธอไม่มากก็น้อย
นภารัตน์ไม่ได้คาดหวังให้ใครเข้าใจ เห็นใจ หรือต้องรับรู้ทุกเรื่องราว ทุกแง่มุม ถึงเหตุผลที่เธอแตกต่าง
แต่ตราบใดที่เธอ'รู้' และ'ตระหนัก'ว่าสิ่งที่เธอเคยทำ กำลังทำ และจะทำต่อไปเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ ไม่ได้ทำร้ายใคร นั่นก็เพียงพอแล้ว
จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหักล้าง ทำให้เธอไม่ทำ หรือเสียความเป็นตัวเอง แค่ยืนหยัดต่อไปในแบบของเรา
อย่างที่บอกไว้ เธอแค่ลองเสี่ยงดู
และมันได้ผล
เธอบอกกับตัวเองเช่นนั้น
จบตอน ๒
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้
ขอบคุณหากมีคำยินดีให้พัฒนา
ขอบคุณคำติชม คำกล่าวว่า
พร้อมศึกษาพัฒนาเพื่อเหล่านักเรียน
ขอบคุณค่ะ