เริ่มต้นเรื่องคือ...
ผมมีเพื่อนสนิทสมัยมัยมอยู่คนหนึ่ง มันชื่อว่าแม็ค ถึงจะสนิทกันแต่นิสัยของเราค่อนข้างจะแตกต่างกันมากๆ คือมันจะเป็นเสือผู้หญิงมาตั้งแต่มัธยม ส่วนตัวผมถึงจะอยู่กลุ่มเดียวกันแต่ก็ไม่เคยจะมีความสามารถในการจีบหญิงแบบมันเลย วันๆคือสนใจแต่กิจกรรม กับเรื่องเรียน เล่นเกมส์ก็หมดเวลาชีวิตล่ะ แต่ที่เหมือนกันคือเรามีความสัมพันธ์แบบเฟรนโซนเหมือนกัน คือมันชอบเพื่อนในห้องชื่อ ดิว ที่ความน่ารักจัดว่าอยู่ระดับต้นๆในโรงเรียน ส่วนผมก็แอบชอบ พิม เพื่อนในห้องเหมือนกัน ส่วนตัวไม่ได้จะเกทับนะ แต่คิดว่าพิมน่ารักกว่าดิวอยู่นิดหน่อย แต่ส่วนที่ต่างกันของผมกับมันคือ ไอ้แม็คมันข้ามเฟรนโซนไปได้ ส่วนผมคงไม่ต้องพูดถึงติดอยู่อย่างนั้นจนจบมัธยม จะไปชอบใครก็ทำใจไม่ได้ แถมใครจะมาชอบก็ไม่ใช่แบบที่ใจอยากได้ ที่แย่ที่สุดคือ มันไม่รู้ตัวเลยเว้ยว่าเราแอบชอบ และด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกัน มันชอบเอาเรื่องรุ่นพี่ผู้ชาย ไอ้พี่แชมป์ มาปรึกษาไปอีก แถมเราก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีจนเค้าสองคนได้คบกันไป ถึงใจจะอยากแช่งให้เลิกกันอยู่ทุกวัน แต่พอเอาเข้าจริงเวลาเห็นมันเสียใจเวลาทะเลาะกับพี่แชมป์ ก็กลายเป็นผมก็ต้องคอยปลอบมันทุกที ตัดภาพไปที่ไอ้แม็ค นอกจากมันจะข้ามความเฟรนโซนได้แล้ว มันยังชอบแอบไปกิ๊กกับน้องที่เข้ามาใหม่ทุกปี คนไหนที่ว่าแจ่มแมวเป็นต้องมีไอ้แม็คเป็นเพื่อนร่วมกันในเฟสบุ๊ค เป็นอันให้ต้องทะเลาะกับดิวอยู่บ่อยๆ และถึงแม้ดิวจะประกาศออกมาว่าจะเลิกกับไอ้แม็คทีไร ผมก็เห็นว่าไอ้แม็คก็จะมีวิธีง้อดิวทุกครั้ง จนกลายเป็นไม่กี่คู่ที่คบกันไปจนจบมัธยม เเล้วช่วงอาทิตย์สุดท้ายที่จะเรียนจบมัธยมแล้วทุกคนจะเเยกย้าย ผมก็พึ่งทะลึ่งคิดได้ว่าเราควรจะได้บอกชอบพิมสักครั้ง ก่อนจะไม่มีโอกาสแล้ว ด้วยความที่ไม่มีเเนวทางใดๆที่จะคิดจังหวะบอกเเบบดีๆ ก็เลยก็อปปี้ตามหนังเรื่องเพื่อนสนิทเลย คือทุกวันนี้ผ่านมาหลายปีเเล้วยังจำได้เเม่น ตอนนั้นตอนเที่ยง ก่อนจะสอบวิชาช่วงบ่าย เราเดินไปบอกพิมว่า สอบเสร็จมาเจอกันที่สวนพรรณไม้หลังโรงเรียนนะ ในใจคิดเป็นภาพเลย พอพิมเดินมา เรายืนตรงข้ามกันแบบในหนังเลย มองหน้ากันเเล้วก็บอกว่า พิม เราชอบแกวะ เเบบนี้เลย เเต่ทุกอย่างจบลงทันทีที่พิม ตอบกลับมาว่า เมิงบ้าป่าว ไปทำอะไรที่สวนหลังโรงเรียน เเล้วเย็นนี้กุก็ไม่ว่างด้วย มีนัดกับพี่เเชมป์แล้ว คือจังหวะนั้นจำได้เลยว่าบอกปัดเเบบตลกๆไป เเต่ในใจคือไม่ไหวเเล้ว ทำกันขนาดนี้มันเกินไป ผมเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้จนการสอบช่วงบ่ายผ่านไป เเละวันนั้นคือผมกลับบ้านทันที สิ่งเเรกที่ทำคือตรงไปที่ห้องน้ำ กำหมัดแล้วเอามือยันกำแพงไว้ อีกมือเปิดฝักบัว เเล้วก็ร้องไห้ เเต่ถ้าวันนี้มองย้อนกลับไปก็ตลกตัวเองว่าทำไปได้ไงจริงๆ เเต่คือตอนนั้นรู้สึกพ่ายแพ้มาก เเล้วคือโอกาศที่จะได้บอกชอบยังไม่มีเลย แล้วก็เเพ้แบบยังไม่ได้ลงเเข่ง เเพ้ตั้งเเต่วันที่รู้จักมันในฐานะเพื่อนล่ะ แต่จุดเริ่มต้นมันของความรักจริงๆมันต่อจากนี้ คือช่วงเวลาที่เริ่มต้นเป็นนักศึกษาปีหนึ่งพร้อมกันกับไอ้เเม็ค ที่สอบติดที่เดียวกัน เเล้วจับคู่มาเป็นรูมเมทร่วมหอกันในที่สุด ไอ้เเม็คมันเรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์ คณะที่ได้ชื่อว่าหญิงเยอะสุดล่ะในมหาลัย ที่รวบรวมผลงานดีดี เอาไว้มากมาย มองไปทางไหนก็มีจุดพักสายตา ตัดภาพกลับมาคณะผมคือวิศวกรรมศาสตร์ ความเเห้งเเล้งเหมือนมาเยือนทันที ปริมาณสัดส่วนภาคผมคือผู้หญิงนับคนได้ เเถมบางคนออกจะเเมนว่าผมด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ช่วงเเรกที่เข้ามหาลัยเเล้วยังไม่สนิทกับเพื่อนในภาค ก็จะไปกินข้าวอยู่ที่ตึกวิทยากับไอ้เเม็คอยู่บ่อยๆ จนได้เพื่อนใหม่ๆวิทยามาก็หลายคน เเละผมก็เจอกับผู้สาวคนหนึ่งที่โรงอาหารวิทยา ที่ทำใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะบางมุมมันมีส่วนคล้ายพิม เพื่อนสมัยมัธยมอยู่มาก โดยเฉพาะเวลายิ้ม เห็นเเบบนี้ตายๆ อย่าว่าเเต่เข้าไปคุยเลย เเค่เห็นไกลๆใจยังสั่นเลย ได้เเต่เก็บไว้เหมือนคณิตคิดในใจ คนที่รู้ก็น่าจะมีเเค่ไอ้เเม็ค เเละเเล้วมีอยู่คืนหนึ่งผมกับไอ้เเม็คลงไปซื้อของที่ 7-11 หน้าปากซอย เเล้วผมก็เจอผู้หญิงคนนั้นอีกระยะเเบบเผาขน เค้ามายืนเลือกของอยู่ข้างๆ เเละในขณะที่ผมยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ ไอ้เเม็คเดินตามหลังผมมาเเล้วเข้าไปทักทายผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทีสนิทพอสมควร เเละเเนะนำเราให้รู้จักว่าผมเป็นรูมเมท วันนั้นผมพูดได้เเค่ว่า ครับๆ เเละที่จับใจความได้ก็คือเธอชื่อ พิม อยู่ภาคเคมีเหมือนไอ้เเม็ค เเละชอบตีแบต หลังจากนั้นผมรักการออกกำลังกายเเละตีเเบตอย่างมาก ถ้าหาผมได้เจอ ไปเจอได้เลยที่คอร์ดเเบต เเละพอได้ใช้เวลาสักระยะ ผมก็สามารถพูดคุยกับพิมได้เเบบปกติ เเละค่อยพัฒนาความสนิทระดับที่นัดตีเเบตกันบ่อยๆ กับกลุ่มเพื่อนๆของเธอ ถือว่า เเต่พอผ่านมาสักระยะด้วยความเป็นผู้ชายด้วยกันถึงมองออกว่ามันมีไอ้เเว่นคนหนึ่ง ที่ดูจะไม่ชอบหน้าผมเท่าไหร่ เเละผมก็ไม่ชอบมันเท่าไหร่ เพราะลึกๆก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบพิมเหมือนกัน ได้เลยเเว่น ยังไงทางนี้พี่ก็มีไอ้เเม็คเพื่อนรักอยู่ สายนักเลงอ่ะ พี่เดินมาก่อน ถึงจะไม่เก่งตั้งเเต่เกิด เเต่เป็นตัวเปิดตั้งเเต่เด็ก และเเล้วไอ้เเม็คเพื่อนรักก็สอนเทคนิคเเรกให้กับผม ทฤษฏีสามเดือน ตั้งเเต่คบกันมาตั้งเเต่เด็กๆ เห็นทีว่ามันจะมีประโยชน์สุดก็วันนี้ มันเล่าว่าช่วงเวลาที่ดีสร้างความทรงจำคือ3เดือน ในระหว่าง3เดือนนี้ก็ให้จีบพิมปกติไป ในเเบบที่เป็นเมิงเลย เเล้วพอครบ3เดือนเมิงลองหายไปเลยดู เเล้วดูทีท่าเค้าอีกที ถ้าเค้ามีใจให้เมิง เค้าจะติดต่อกลับมาหาเมิงเอง เเล้วก็ค่อยขอเค้าเป็นแฟนดู เห้ย ฟังดูเเล้วมันเยี่ยมเลยนิว่า เอาเป็นตามนั้น หลังจากนั้นผมเริ่มต้นจากการพูดกับพิมตรงๆว่าอยากเริ่มต้นทำความรู้จัก เเละได้เบอร์มือถือเธอมาในที่สุด ผมเลือกที่จะโทรไปด้วยการโทรเบอร์ปกติ ด้วยเหตุผลที่ผมคิดว่ามันดูคลาสสิคกว่า เเละจะโทรเป็นเวลาประมาน 3 ทุ่มในทุกๆวัน วันละ 10-15นาที พอได้คุยในเรื่องที่ถามเพื่อให้รู้จักกันมากขึ้นทีล่ะนิด เเละผมก็ชอบที่จะให้มันมีความรู้สึกอยากคุยกับเราในวันพรุ่งนี้อยู่เสมอ จนในเวลาผ่านไปร่วมเดือน ผมออกปากชวนเธอเดท ด้วยหนังที่เธอเคยบอกว่าถ้ามันเข้าฉายเเล้ว เธออยากจะไปดูเรื่องนี้ เเละในระหว่าง1เดือนที่ผ่านมาผมก็คิดค้นท้าไม้ตายใหม่ได้ นั้นคือstepดาดฟ้าคณะ มันเป็นสถานที่ที่เคยลองขึ้นมากับเพื่อนในคณะเเล้วว่าบรรยากาศดาดฟ้าในตอนกลางคืน ที่มองเป็นมหาลัยจากมุมสูง มันดีเเค่ไหน เเล้วถ้าเปลี่ยนเป็นพาคนที่ชอบมาที่นี้ เเล้วบอกชอบจริงๆสักครั้ง ถึงจะอาจจะไม่เข้าเป้า เเต่มันก็ต้องได้คะเเนนพิเศษอยู่เเหละ ไม่มากก็น้อยอ่ะ และเดทวันนั้นจบลงที่ดาดฟ้าคณะตามเเผนที่วางเอาไว้เป็นอย่างดี ผมบอกชอบเธอจากใจจริงครั้งเเรก เเละเธอเปิดใจกับผมเรื่องความรักครั้งเเรกของเธอกับรุ่นพี่พึ่งจบไป เป็นเเผลที่ยังไม่หายดี ถึงเเม้ว่าเธอรู้สึกดีกับผมมากๆเเละขอเวลาอีกสักนิด ดังนั้นผมจึงรู้สึกดีอย่างมากถ้าการที่อยู่กับผมมันจะทำให้เธอสุขใจ เเละถ้าเป็นไปได้ก็จะขออยู่ข้างตรงนี้ไปก่อน คือรู้สึกว่าคำพูดตอนนั้นทำไมมันเข้ม หน้ามันตึงเหมือนดึงเอา อาจจะอิทธิพลจากละครหลังข่าว เเต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำไป ทำให้ผมเป็นม้ามืดตัวเต่งที่คะเเนนนำใครๆ เเต่ถึงคะเเนนนำยังไง เก่งกว่าคนอื่นยังไง เเต่เวลาพอตัวจริงในใจเค้ามา ผมเหมือนกลายเป็นฝุ่นไปทันที ถึงจะทำใจไว้เเล้วว่าอาจจจะต้องเจอเหตุการณ์เเบบนี้ สัมผัสได้ถึงความต่างชั้นว่าน่าจะเเพ้อีกเเล้ว ถึงขนาดที่ไอ้เเม็คเดินมาตบไหล่เบาๆ เเละก็คบระยะเวลา3เดือน เเละเราเป็นฝ่ายต้องถอยออกมา บังเอิญไปตรงกับเเผนสะงั้น เเต่เป็นการถอยออกมา เนื่องด้วยความรู้สึกที่รู้อยู่เเก่ใจไปเเล้วว่า ถ้าเธอต้องเลือกระหว่างเขาเเละฉัน ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอจะเลือกใคร เหมือนคำตอบนี้จะทำผมเจ็บไปพักใหญ่ เเละไม่ได้ไปเจอกับเพื่อนๆของพิมเลย ผมตั้งเเต่เเล้วว่าพอกันทีกับความรัก ถ้าไอ้เเม็คชวนไปส่องสาวที่ไหนอีกจะด่ามันให้ ไม่ว่าใครก็ทำผมเปลี่ยนใจไม่ได้ พอที เเละมันก็เป็นเรื่องตลก เพราะบางครั้งเวลาเราอยู่เฉยๆ ความรักก็อาจจะมาหาที่หน้าห้อง เพราะมันเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจากการที่มีคนมาเคาะประตู
เริ่มต้นเรื่องคือ...
เริ่มต้นเรื่องคือ...
ผมมีเพื่อนสนิทสมัยมัยมอยู่คนหนึ่ง มันชื่อว่าแม็ค ถึงจะสนิทกันแต่นิสัยของเราค่อนข้างจะแตกต่างกันมากๆ คือมันจะเป็นเสือผู้หญิงมาตั้งแต่มัธยม ส่วนตัวผมถึงจะอยู่กลุ่มเดียวกันแต่ก็ไม่เคยจะมีความสามารถในการจีบหญิงแบบมันเลย วันๆคือสนใจแต่กิจกรรม กับเรื่องเรียน เล่นเกมส์ก็หมดเวลาชีวิตล่ะ แต่ที่เหมือนกันคือเรามีความสัมพันธ์แบบเฟรนโซนเหมือนกัน คือมันชอบเพื่อนในห้องชื่อ ดิว ที่ความน่ารักจัดว่าอยู่ระดับต้นๆในโรงเรียน ส่วนผมก็แอบชอบ พิม เพื่อนในห้องเหมือนกัน ส่วนตัวไม่ได้จะเกทับนะ แต่คิดว่าพิมน่ารักกว่าดิวอยู่นิดหน่อย แต่ส่วนที่ต่างกันของผมกับมันคือ ไอ้แม็คมันข้ามเฟรนโซนไปได้ ส่วนผมคงไม่ต้องพูดถึงติดอยู่อย่างนั้นจนจบมัธยม จะไปชอบใครก็ทำใจไม่ได้ แถมใครจะมาชอบก็ไม่ใช่แบบที่ใจอยากได้ ที่แย่ที่สุดคือ มันไม่รู้ตัวเลยเว้ยว่าเราแอบชอบ และด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกัน มันชอบเอาเรื่องรุ่นพี่ผู้ชาย ไอ้พี่แชมป์ มาปรึกษาไปอีก แถมเราก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีจนเค้าสองคนได้คบกันไป ถึงใจจะอยากแช่งให้เลิกกันอยู่ทุกวัน แต่พอเอาเข้าจริงเวลาเห็นมันเสียใจเวลาทะเลาะกับพี่แชมป์ ก็กลายเป็นผมก็ต้องคอยปลอบมันทุกที ตัดภาพไปที่ไอ้แม็ค นอกจากมันจะข้ามความเฟรนโซนได้แล้ว มันยังชอบแอบไปกิ๊กกับน้องที่เข้ามาใหม่ทุกปี คนไหนที่ว่าแจ่มแมวเป็นต้องมีไอ้แม็คเป็นเพื่อนร่วมกันในเฟสบุ๊ค เป็นอันให้ต้องทะเลาะกับดิวอยู่บ่อยๆ และถึงแม้ดิวจะประกาศออกมาว่าจะเลิกกับไอ้แม็คทีไร ผมก็เห็นว่าไอ้แม็คก็จะมีวิธีง้อดิวทุกครั้ง จนกลายเป็นไม่กี่คู่ที่คบกันไปจนจบมัธยม เเล้วช่วงอาทิตย์สุดท้ายที่จะเรียนจบมัธยมแล้วทุกคนจะเเยกย้าย ผมก็พึ่งทะลึ่งคิดได้ว่าเราควรจะได้บอกชอบพิมสักครั้ง ก่อนจะไม่มีโอกาสแล้ว ด้วยความที่ไม่มีเเนวทางใดๆที่จะคิดจังหวะบอกเเบบดีๆ ก็เลยก็อปปี้ตามหนังเรื่องเพื่อนสนิทเลย คือทุกวันนี้ผ่านมาหลายปีเเล้วยังจำได้เเม่น ตอนนั้นตอนเที่ยง ก่อนจะสอบวิชาช่วงบ่าย เราเดินไปบอกพิมว่า สอบเสร็จมาเจอกันที่สวนพรรณไม้หลังโรงเรียนนะ ในใจคิดเป็นภาพเลย พอพิมเดินมา เรายืนตรงข้ามกันแบบในหนังเลย มองหน้ากันเเล้วก็บอกว่า พิม เราชอบแกวะ เเบบนี้เลย เเต่ทุกอย่างจบลงทันทีที่พิม ตอบกลับมาว่า เมิงบ้าป่าว ไปทำอะไรที่สวนหลังโรงเรียน เเล้วเย็นนี้กุก็ไม่ว่างด้วย มีนัดกับพี่เเชมป์แล้ว คือจังหวะนั้นจำได้เลยว่าบอกปัดเเบบตลกๆไป เเต่ในใจคือไม่ไหวเเล้ว ทำกันขนาดนี้มันเกินไป ผมเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้จนการสอบช่วงบ่ายผ่านไป เเละวันนั้นคือผมกลับบ้านทันที สิ่งเเรกที่ทำคือตรงไปที่ห้องน้ำ กำหมัดแล้วเอามือยันกำแพงไว้ อีกมือเปิดฝักบัว เเล้วก็ร้องไห้ เเต่ถ้าวันนี้มองย้อนกลับไปก็ตลกตัวเองว่าทำไปได้ไงจริงๆ เเต่คือตอนนั้นรู้สึกพ่ายแพ้มาก เเล้วคือโอกาศที่จะได้บอกชอบยังไม่มีเลย แล้วก็เเพ้แบบยังไม่ได้ลงเเข่ง เเพ้ตั้งเเต่วันที่รู้จักมันในฐานะเพื่อนล่ะ แต่จุดเริ่มต้นมันของความรักจริงๆมันต่อจากนี้ คือช่วงเวลาที่เริ่มต้นเป็นนักศึกษาปีหนึ่งพร้อมกันกับไอ้เเม็ค ที่สอบติดที่เดียวกัน เเล้วจับคู่มาเป็นรูมเมทร่วมหอกันในที่สุด ไอ้เเม็คมันเรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์ คณะที่ได้ชื่อว่าหญิงเยอะสุดล่ะในมหาลัย ที่รวบรวมผลงานดีดี เอาไว้มากมาย มองไปทางไหนก็มีจุดพักสายตา ตัดภาพกลับมาคณะผมคือวิศวกรรมศาสตร์ ความเเห้งเเล้งเหมือนมาเยือนทันที ปริมาณสัดส่วนภาคผมคือผู้หญิงนับคนได้ เเถมบางคนออกจะเเมนว่าผมด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ช่วงเเรกที่เข้ามหาลัยเเล้วยังไม่สนิทกับเพื่อนในภาค ก็จะไปกินข้าวอยู่ที่ตึกวิทยากับไอ้เเม็คอยู่บ่อยๆ จนได้เพื่อนใหม่ๆวิทยามาก็หลายคน เเละผมก็เจอกับผู้สาวคนหนึ่งที่โรงอาหารวิทยา ที่ทำใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะบางมุมมันมีส่วนคล้ายพิม เพื่อนสมัยมัธยมอยู่มาก โดยเฉพาะเวลายิ้ม เห็นเเบบนี้ตายๆ อย่าว่าเเต่เข้าไปคุยเลย เเค่เห็นไกลๆใจยังสั่นเลย ได้เเต่เก็บไว้เหมือนคณิตคิดในใจ คนที่รู้ก็น่าจะมีเเค่ไอ้เเม็ค เเละเเล้วมีอยู่คืนหนึ่งผมกับไอ้เเม็คลงไปซื้อของที่ 7-11 หน้าปากซอย เเล้วผมก็เจอผู้หญิงคนนั้นอีกระยะเเบบเผาขน เค้ามายืนเลือกของอยู่ข้างๆ เเละในขณะที่ผมยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ ไอ้เเม็คเดินตามหลังผมมาเเล้วเข้าไปทักทายผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทีสนิทพอสมควร เเละเเนะนำเราให้รู้จักว่าผมเป็นรูมเมท วันนั้นผมพูดได้เเค่ว่า ครับๆ เเละที่จับใจความได้ก็คือเธอชื่อ พิม อยู่ภาคเคมีเหมือนไอ้เเม็ค เเละชอบตีแบต หลังจากนั้นผมรักการออกกำลังกายเเละตีเเบตอย่างมาก ถ้าหาผมได้เจอ ไปเจอได้เลยที่คอร์ดเเบต เเละพอได้ใช้เวลาสักระยะ ผมก็สามารถพูดคุยกับพิมได้เเบบปกติ เเละค่อยพัฒนาความสนิทระดับที่นัดตีเเบตกันบ่อยๆ กับกลุ่มเพื่อนๆของเธอ ถือว่า เเต่พอผ่านมาสักระยะด้วยความเป็นผู้ชายด้วยกันถึงมองออกว่ามันมีไอ้เเว่นคนหนึ่ง ที่ดูจะไม่ชอบหน้าผมเท่าไหร่ เเละผมก็ไม่ชอบมันเท่าไหร่ เพราะลึกๆก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบพิมเหมือนกัน ได้เลยเเว่น ยังไงทางนี้พี่ก็มีไอ้เเม็คเพื่อนรักอยู่ สายนักเลงอ่ะ พี่เดินมาก่อน ถึงจะไม่เก่งตั้งเเต่เกิด เเต่เป็นตัวเปิดตั้งเเต่เด็ก และเเล้วไอ้เเม็คเพื่อนรักก็สอนเทคนิคเเรกให้กับผม ทฤษฏีสามเดือน ตั้งเเต่คบกันมาตั้งเเต่เด็กๆ เห็นทีว่ามันจะมีประโยชน์สุดก็วันนี้ มันเล่าว่าช่วงเวลาที่ดีสร้างความทรงจำคือ3เดือน ในระหว่าง3เดือนนี้ก็ให้จีบพิมปกติไป ในเเบบที่เป็นเมิงเลย เเล้วพอครบ3เดือนเมิงลองหายไปเลยดู เเล้วดูทีท่าเค้าอีกที ถ้าเค้ามีใจให้เมิง เค้าจะติดต่อกลับมาหาเมิงเอง เเล้วก็ค่อยขอเค้าเป็นแฟนดู เห้ย ฟังดูเเล้วมันเยี่ยมเลยนิว่า เอาเป็นตามนั้น หลังจากนั้นผมเริ่มต้นจากการพูดกับพิมตรงๆว่าอยากเริ่มต้นทำความรู้จัก เเละได้เบอร์มือถือเธอมาในที่สุด ผมเลือกที่จะโทรไปด้วยการโทรเบอร์ปกติ ด้วยเหตุผลที่ผมคิดว่ามันดูคลาสสิคกว่า เเละจะโทรเป็นเวลาประมาน 3 ทุ่มในทุกๆวัน วันละ 10-15นาที พอได้คุยในเรื่องที่ถามเพื่อให้รู้จักกันมากขึ้นทีล่ะนิด เเละผมก็ชอบที่จะให้มันมีความรู้สึกอยากคุยกับเราในวันพรุ่งนี้อยู่เสมอ จนในเวลาผ่านไปร่วมเดือน ผมออกปากชวนเธอเดท ด้วยหนังที่เธอเคยบอกว่าถ้ามันเข้าฉายเเล้ว เธออยากจะไปดูเรื่องนี้ เเละในระหว่าง1เดือนที่ผ่านมาผมก็คิดค้นท้าไม้ตายใหม่ได้ นั้นคือstepดาดฟ้าคณะ มันเป็นสถานที่ที่เคยลองขึ้นมากับเพื่อนในคณะเเล้วว่าบรรยากาศดาดฟ้าในตอนกลางคืน ที่มองเป็นมหาลัยจากมุมสูง มันดีเเค่ไหน เเล้วถ้าเปลี่ยนเป็นพาคนที่ชอบมาที่นี้ เเล้วบอกชอบจริงๆสักครั้ง ถึงจะอาจจะไม่เข้าเป้า เเต่มันก็ต้องได้คะเเนนพิเศษอยู่เเหละ ไม่มากก็น้อยอ่ะ และเดทวันนั้นจบลงที่ดาดฟ้าคณะตามเเผนที่วางเอาไว้เป็นอย่างดี ผมบอกชอบเธอจากใจจริงครั้งเเรก เเละเธอเปิดใจกับผมเรื่องความรักครั้งเเรกของเธอกับรุ่นพี่พึ่งจบไป เป็นเเผลที่ยังไม่หายดี ถึงเเม้ว่าเธอรู้สึกดีกับผมมากๆเเละขอเวลาอีกสักนิด ดังนั้นผมจึงรู้สึกดีอย่างมากถ้าการที่อยู่กับผมมันจะทำให้เธอสุขใจ เเละถ้าเป็นไปได้ก็จะขออยู่ข้างตรงนี้ไปก่อน คือรู้สึกว่าคำพูดตอนนั้นทำไมมันเข้ม หน้ามันตึงเหมือนดึงเอา อาจจะอิทธิพลจากละครหลังข่าว เเต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำไป ทำให้ผมเป็นม้ามืดตัวเต่งที่คะเเนนนำใครๆ เเต่ถึงคะเเนนนำยังไง เก่งกว่าคนอื่นยังไง เเต่เวลาพอตัวจริงในใจเค้ามา ผมเหมือนกลายเป็นฝุ่นไปทันที ถึงจะทำใจไว้เเล้วว่าอาจจจะต้องเจอเหตุการณ์เเบบนี้ สัมผัสได้ถึงความต่างชั้นว่าน่าจะเเพ้อีกเเล้ว ถึงขนาดที่ไอ้เเม็คเดินมาตบไหล่เบาๆ เเละก็คบระยะเวลา3เดือน เเละเราเป็นฝ่ายต้องถอยออกมา บังเอิญไปตรงกับเเผนสะงั้น เเต่เป็นการถอยออกมา เนื่องด้วยความรู้สึกที่รู้อยู่เเก่ใจไปเเล้วว่า ถ้าเธอต้องเลือกระหว่างเขาเเละฉัน ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอจะเลือกใคร เหมือนคำตอบนี้จะทำผมเจ็บไปพักใหญ่ เเละไม่ได้ไปเจอกับเพื่อนๆของพิมเลย ผมตั้งเเต่เเล้วว่าพอกันทีกับความรัก ถ้าไอ้เเม็คชวนไปส่องสาวที่ไหนอีกจะด่ามันให้ ไม่ว่าใครก็ทำผมเปลี่ยนใจไม่ได้ พอที เเละมันก็เป็นเรื่องตลก เพราะบางครั้งเวลาเราอยู่เฉยๆ ความรักก็อาจจะมาหาที่หน้าห้อง เพราะมันเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจากการที่มีคนมาเคาะประตู
เริ่มต้นเรื่องคือ...