'หญิงหน่อย'ระดมอาสาสมัครพท.รวบรวมรายชื่อคนชวดเงิน5พัน
https://www.dailynews.co.th/politics/768972
“หญิงหน่อย”ลุยหลักสี่-แจ้งวัฒนะ ชี้ผู้ค้า-ประชาชนเดือดร้อนหนัก แต่กลับไม่ได้รับการเยียวยา ระดมอาสาสมัคร พท. รวบรวมรายชื่อบุคคลที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา 5 พันบาท
เมื่อวันที่ 14 เม.ย. คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสุรชาติ เทียนทอง อดีตส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เขตหลักสี่ - แจ้งวัฒนะ เพื่อแนะนำประชาชน พ่อค้าแม่ค้า ถึงการป้องกันตัวจากไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งให้อาสาสมัครของพรรคเพื่อไทย รวบรวมรายชื่อของบุคคลที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา 5,000 บาทอีกด้วย โดยที่หมู่บ้านพงษ์เพชรแจ้งวัฒนะ ประชาชนจำนวนมากไม่ได้รับสิทธิ์การช่วยเหลือเยียวยา แม้จะมีคุณสมบัติตามที่กระทรวงการคลังกำหนด เช่น พนักงานตัดขนสุนัขในห้างสรรพสินค้า ได้ลงทะเบียนแต่กลับถูกระบบแจ้งว่าเป็นเกษตรกร และที่ตลาดเมืองทองธานี จักรยานยนต์รับจ้างบริเวณดังกล่าวสะท้อนว่า รายได้หดหายกว่าร้อยละ 80 และยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจำนวน 5,000 บาท ทั้งๆ ที่ควรเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับการช่วยเหลือ เพราะสามารถตรวจสอบได้ง่ายกว่าอาชีพอื่น
ทั้งนี้ คุณหญิง
สุดารัตน์และนาย
สุรชาติได้มอบสิ่งของจำเป็น ทั้งหน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วย อย่างไรก็ตาม คุณหญิง
สุดารัตน์กล่าวว่า จากการตรวจสอบและเยี่ยมชมภายในตลาด มีมาตรการคัดกรองบุคคล เข้าออกเพียงทางเดียว และตรวจวัดไข้ โดยผู้มาใช้บริการจะต้องล้างมือให้สะอาดก่อนเข้าไปใช้บริการภายในตลาด ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้.
เพื่อไทยแถลงการณ์ท้วงรัฐกู้เงิน ต้องใช้คุ้มค่า-แนะมาตรการเศรษฐกิจ-สังคม สู้โควิด
https://www.matichon.co.th/politics/news_2138881
‘เพื่อไทย’ ร่อนแถลงการณ์เสนอความเห็น รบ.ปมออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ย้ำ ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 14 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อแก้ไขปัญหาอันเกิดจากสถานการณ์โควิด-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ว่า พท.ในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ขอทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนในการเสนอความคิดเห็นเพื่อให้เกิดความรอบคอบในการใช้เงิน และความพึงพอใจของพี่น้องประชาชนในการใช้เงินดังกล่าว โดยแยกเป็น 4 ส่วน ดังนี้
1.การได้มาซึ่งเงิน
1.1 เงินในส่วนมาตรการการคลัง ที่ต้องใช้สูงถึง 1.0 ล้านล้านบาทนั้น แทนที่รัฐบาลจะมีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 ให้เป็นรูปธรรมได้เท่าใด กลับเลือกวิธีการที่ง่ายและขาดรายละเอียดแทน อันจะเป็นการสร้างภาระให้กับประเทศชาติและลูกหลานไทยในอนาคตมากที่สุด พรรค พท.เคยเสนอให้รัฐบาลปรับปรุงงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 โดยตัดทอนหรือเลื่อนการใช้จ่ายเงินออกไปก่อน เป็นจำนวน 10%-15% น่าจะได้เงินกลับคืนมาเกือบ 5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องโควิด-19 ได้ก่อน อันจะทำให้วงเงินที่จะต้องกู้ในส่วนนี้เหลือเพียง 5 แสนล้านบาทเท่านั้น พรรค พท.ขอยืนยันว่า จะให้ความร่วมมือในการสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่ หากมีความประสงค์จะใช้กลไกสภาผู้แทนราษฎรปรับปรุงงบประมาณแผ่นดินด้วยการตรา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรือการโอนงบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเมื่อประเทศกลับเข้าสู่สภาวะปกติเมื่อใด หากงบประมาณที่ถูกตัดไปในครั้งนี้ยังมีความจำเป็นต้องใช้ พรรค พท.ก็พร้อมให้การสนับสนุนเช่นเดียวกัน
1.2 เงินในส่วนมาตรการการเงิน 9 แสนล้านบาท ถึงแม้จะเป็นนโยบายทางการเงิน แต่หากมีการกำกับดูแลหละหลวมจนเกิดความเสียหายเกินความสามารถของธนาคารแห่งประเทศไทย ภาระในความรับผิดชอบดังกล่าวก็จะตกกับประชาชนทั้งประเทศ ดังเช่นที่เคยเกิดกับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินมาแล้ว รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยจึงควรดำเนินการด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ตลอดจนมีการกำกับดูแลการใช้เงินดังกล่าวให้รัดกุม ทั่วถึง และเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการทั้งหมด
แถลงการณ์ระบุอีกว่า 2.การใช้งบประมาณ พรรค พท.มีความเห็นเกี่ยวกับการใช้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ดังนี้
2.1 รัฐบาลควรดูแลพี่น้องประชาชนที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือตามมาตรการเยียวยา รายละ 5,000 บาท อย่างครอบคลุมและทั่วถึง ซึ่งต้องรวมถึงพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งจากโรคระบาดและภัยแล้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ
2.2 รัฐบาลต้องจัดสรรเงินอย่างเพียงพอและทั่วถึงเพื่อจัดหาเครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ทางการแพทย์และการสาธารณสุข เพื่อหยุดการแพร่ระบาด การรักษาผู้เจ็บป่วย และการป้องกันทั้งประชาชนและบุคลากรทางด้านสาธารณสุขจากเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยไม่ปล่อยให้ขาดแคลนอุปกรณ์ หรือมีการกักตุน โก่งราคาสินค้า ดังเช่นที่เกิดขึ้นตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
2.3 รัฐบาลต้องใช้งบประมาณแผ่นดินและเงินที่จะกู้เพื่อแปลงวิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการ โดยสนับสนุนสินเชื่อหรือยกเว้นภาษีเกี่ยวกับการนำเข้าเพื่อลงทุนเกี่ยวกับเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือเครื่องใช้ที่ปลอดภัยจากไวรัส เช่น เครื่องปรับอากาศ ฆ่าเชื้อ เป็นต้น รวมทั้งการจัดอบรมบุคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมบริการให้มีมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่มีทั้งสถานที่และการบริการที่ปลอดภัยจากไวรัส ทำให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศในอนาคตมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
2.4 การช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งมากกว่าร้อยละ 90 ไม่ได้เป็นนิติบุคคล ดังนั้น ส่วนใหญ่จึงไม่อยู่ในระบบการกู้ยืมเงินผ่านธนาคารต่างๆ ตามปกติ รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการช่วยเหลือ และแนวทางการฟื้นฟูที่แตกต่างจากกรณีปกติธรรมดา โดยมีรายละเอียดดังนี้ ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีรายได้มากกว่า 25 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป ควรเน้นไปที่มาตรการด้านภาษี ความสะดวกหรือสิทธิพิเศษในการส่งออกหรือนำเข้า และการตลาด ที่มีรายได้ระหว่าง 1-25 ล้านบาทต่อปี ควรเน้นเรื่องสิทธิพิเศษ มาตรการทางภาษี แหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำและการตลาด ที่มีรายได้ระหว่าง 1 แสน-1 ล้านบาทต่อปี ควรเน้นที่แหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เข้าถึงง่ายและการตลาดเป็นสำคัญ การเยียวยาและฟื้นฟู SMEs ที่จะมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นรัฐบาลควรมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการด้วยการบูรณาการข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัด จัดระเบียบ ลำดับความสำคัญ และพิจารณาลักษณะของธุรกิจว่าเป็นเช่นใด โดยสามารถใช้งบประมาณของผู้ว่าราชการจังหวัดจำนวน 20 ล้านบาทไปพลางก่อนได้ทันที และ
2.5 ในส่วน พ.ร.ก.ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลเสถียรภาพภาคการเงินวงเงิน 4 แสนล้านบาท โดยจัดตั้งกองทุนรวมเสริมสภาพคล่องตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate Bond Liquidity Stabilization Fund : BSF) เพื่อซื้อตราสารหนี้เอกชนคุณภาพที่ดีครบกำหนดชำระในช่วงปี พ.ศ.2563-2564 นั้น พรรค พท.เห็นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นธนาคารของธนาคารพาณิชย์ จึงไม่ควรเป็นผู้ให้กู้โดยตรงกับภาคเอกชน ทั้งนี้ เพื่อรักษาหลักการของการเป็นธนาคารกลางของประเทศที่มีความน่าเชื่อถือไว้ จึงควรให้รัฐบาล บริษัท และธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันศึกษาปัญหาตราสารหนี้ทั้งระบบให้ได้ราคาตราสารหนี้ที่ถูกต้องเป็นจริง ให้ธนาคารพาณิชย์รับซื้อแล้วจึงนำมาเป็นหลักประกันเพื่อกู้เงินจำนวนนี้ต่อธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะผู้ให้กู้รายสุดท้าย หากธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปดำเนินการเสียเองตั้งแต่ต้นก็อาจจะถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนบางราย หรือเลือกปฏิบัติได้ อันจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ และต่อธนาคารแห่งประเทศไทย
แถลงการณ์ระบุอีกว่า
3.รัฐบาลต้องเร่งประกาศยุทธศาสตร์ เร่งทำแผนโครงการการใช้เงินให้มีความรอบคอบ และรัดกุมเพื่อให้การใช้งบเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยจะต้องเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ดูแลธุรกิจซึ่งรวมถึงภาคการเกษตรที่มีอนาคตและเกี่ยวข้องกับการจ้างงานเพื่อไม่ให้เกิดการเลิกจ้าง การพักชำระหนี้ รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้มีการลงทุนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของโลกภายหลังวิกฤตโควิด-19
รัฐบาลต้องตั้งคณะกรรมการที่ครอบคลุมผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อตรวจสอบแนวทางการใช้เงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ จากนั้นต้องรายงานการใช้เงินให้สภาผู้แทนราษฎรทราบเพื่อการตรวจสอบทุก 3 เดือน รวมถึงการกำหนดแนวทางหรือมาตรการ และระยะเวลาที่จะชำระคืนเงินกู้จนครบถ้วน
แถลงการณ์ระบุว่า 4.รัฐบาลควรผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้ประชาชนได้กลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และชีวิตประจำวันตามปกติโดยเร็วที่สุด ด้วยการจัดลำดับความสำคัญให้ผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ประสงค์จะดำเนินกิจการได้รับการตรวจเพื่อให้เป็นผู้ปลอดเชื้อ รวมทั้งมีอุปกรณ์และมาตรการป้องกันผู้มาใช้บริการเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้มีปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกันอย่างปลอดภัย โดยระยะแรกของการผ่อนปรน รัฐบาลจะต้องทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่า หากเกิดการป่วยด้วยไวรัสดังกล่าว รัฐบาลจะสามารถดูแลรักษาได้ทั่วถึง ทั้งนี้ เนื่องจากการกู้เงินและใช้จ่ายเงินกู้จำนวน 1.0 ล้านล้านบาทนั้น ถือเป็นการจ่ายเงินแผ่นดินซึ่งจะกระทำได้เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือกฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ กฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง หรือกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 140 พรรค พท.จึงขอให้รัฐบาลดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
JJNY : 4in1 หญิงหน่อยรวบรวมรายชื่อคนชวด5พัน/พท.แถลงการณ์ท้วงรัฐกู้เงิน/ก้าวไกลเปิดเว็บ‘ทำไมไม่ได้5พัน’/แนะรัฐปิดร้านทอง
https://www.dailynews.co.th/politics/768972
เมื่อวันที่ 14 เม.ย. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสุรชาติ เทียนทอง อดีตส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เขตหลักสี่ - แจ้งวัฒนะ เพื่อแนะนำประชาชน พ่อค้าแม่ค้า ถึงการป้องกันตัวจากไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งให้อาสาสมัครของพรรคเพื่อไทย รวบรวมรายชื่อของบุคคลที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา 5,000 บาทอีกด้วย โดยที่หมู่บ้านพงษ์เพชรแจ้งวัฒนะ ประชาชนจำนวนมากไม่ได้รับสิทธิ์การช่วยเหลือเยียวยา แม้จะมีคุณสมบัติตามที่กระทรวงการคลังกำหนด เช่น พนักงานตัดขนสุนัขในห้างสรรพสินค้า ได้ลงทะเบียนแต่กลับถูกระบบแจ้งว่าเป็นเกษตรกร และที่ตลาดเมืองทองธานี จักรยานยนต์รับจ้างบริเวณดังกล่าวสะท้อนว่า รายได้หดหายกว่าร้อยละ 80 และยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจำนวน 5,000 บาท ทั้งๆ ที่ควรเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับการช่วยเหลือ เพราะสามารถตรวจสอบได้ง่ายกว่าอาชีพอื่น
ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์และนายสุรชาติได้มอบสิ่งของจำเป็น ทั้งหน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วย อย่างไรก็ตาม คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า จากการตรวจสอบและเยี่ยมชมภายในตลาด มีมาตรการคัดกรองบุคคล เข้าออกเพียงทางเดียว และตรวจวัดไข้ โดยผู้มาใช้บริการจะต้องล้างมือให้สะอาดก่อนเข้าไปใช้บริการภายในตลาด ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้.
เพื่อไทยแถลงการณ์ท้วงรัฐกู้เงิน ต้องใช้คุ้มค่า-แนะมาตรการเศรษฐกิจ-สังคม สู้โควิด
https://www.matichon.co.th/politics/news_2138881
‘เพื่อไทย’ ร่อนแถลงการณ์เสนอความเห็น รบ.ปมออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ย้ำ ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 14 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อแก้ไขปัญหาอันเกิดจากสถานการณ์โควิด-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ว่า พท.ในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ขอทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนในการเสนอความคิดเห็นเพื่อให้เกิดความรอบคอบในการใช้เงิน และความพึงพอใจของพี่น้องประชาชนในการใช้เงินดังกล่าว โดยแยกเป็น 4 ส่วน ดังนี้
1.การได้มาซึ่งเงิน
1.1 เงินในส่วนมาตรการการคลัง ที่ต้องใช้สูงถึง 1.0 ล้านล้านบาทนั้น แทนที่รัฐบาลจะมีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 ให้เป็นรูปธรรมได้เท่าใด กลับเลือกวิธีการที่ง่ายและขาดรายละเอียดแทน อันจะเป็นการสร้างภาระให้กับประเทศชาติและลูกหลานไทยในอนาคตมากที่สุด พรรค พท.เคยเสนอให้รัฐบาลปรับปรุงงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 โดยตัดทอนหรือเลื่อนการใช้จ่ายเงินออกไปก่อน เป็นจำนวน 10%-15% น่าจะได้เงินกลับคืนมาเกือบ 5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องโควิด-19 ได้ก่อน อันจะทำให้วงเงินที่จะต้องกู้ในส่วนนี้เหลือเพียง 5 แสนล้านบาทเท่านั้น พรรค พท.ขอยืนยันว่า จะให้ความร่วมมือในการสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่ หากมีความประสงค์จะใช้กลไกสภาผู้แทนราษฎรปรับปรุงงบประมาณแผ่นดินด้วยการตรา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรือการโอนงบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเมื่อประเทศกลับเข้าสู่สภาวะปกติเมื่อใด หากงบประมาณที่ถูกตัดไปในครั้งนี้ยังมีความจำเป็นต้องใช้ พรรค พท.ก็พร้อมให้การสนับสนุนเช่นเดียวกัน
1.2 เงินในส่วนมาตรการการเงิน 9 แสนล้านบาท ถึงแม้จะเป็นนโยบายทางการเงิน แต่หากมีการกำกับดูแลหละหลวมจนเกิดความเสียหายเกินความสามารถของธนาคารแห่งประเทศไทย ภาระในความรับผิดชอบดังกล่าวก็จะตกกับประชาชนทั้งประเทศ ดังเช่นที่เคยเกิดกับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินมาแล้ว รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยจึงควรดำเนินการด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ตลอดจนมีการกำกับดูแลการใช้เงินดังกล่าวให้รัดกุม ทั่วถึง และเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการทั้งหมด
แถลงการณ์ระบุอีกว่า 2.การใช้งบประมาณ พรรค พท.มีความเห็นเกี่ยวกับการใช้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ดังนี้
2.1 รัฐบาลควรดูแลพี่น้องประชาชนที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือตามมาตรการเยียวยา รายละ 5,000 บาท อย่างครอบคลุมและทั่วถึง ซึ่งต้องรวมถึงพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งจากโรคระบาดและภัยแล้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ
2.2 รัฐบาลต้องจัดสรรเงินอย่างเพียงพอและทั่วถึงเพื่อจัดหาเครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ทางการแพทย์และการสาธารณสุข เพื่อหยุดการแพร่ระบาด การรักษาผู้เจ็บป่วย และการป้องกันทั้งประชาชนและบุคลากรทางด้านสาธารณสุขจากเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยไม่ปล่อยให้ขาดแคลนอุปกรณ์ หรือมีการกักตุน โก่งราคาสินค้า ดังเช่นที่เกิดขึ้นตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
2.3 รัฐบาลต้องใช้งบประมาณแผ่นดินและเงินที่จะกู้เพื่อแปลงวิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจภาคการท่องเที่ยวและบริการ โดยสนับสนุนสินเชื่อหรือยกเว้นภาษีเกี่ยวกับการนำเข้าเพื่อลงทุนเกี่ยวกับเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือเครื่องใช้ที่ปลอดภัยจากไวรัส เช่น เครื่องปรับอากาศ ฆ่าเชื้อ เป็นต้น รวมทั้งการจัดอบรมบุคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมบริการให้มีมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่มีทั้งสถานที่และการบริการที่ปลอดภัยจากไวรัส ทำให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศในอนาคตมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
2.4 การช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งมากกว่าร้อยละ 90 ไม่ได้เป็นนิติบุคคล ดังนั้น ส่วนใหญ่จึงไม่อยู่ในระบบการกู้ยืมเงินผ่านธนาคารต่างๆ ตามปกติ รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการช่วยเหลือ และแนวทางการฟื้นฟูที่แตกต่างจากกรณีปกติธรรมดา โดยมีรายละเอียดดังนี้ ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีรายได้มากกว่า 25 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป ควรเน้นไปที่มาตรการด้านภาษี ความสะดวกหรือสิทธิพิเศษในการส่งออกหรือนำเข้า และการตลาด ที่มีรายได้ระหว่าง 1-25 ล้านบาทต่อปี ควรเน้นเรื่องสิทธิพิเศษ มาตรการทางภาษี แหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำและการตลาด ที่มีรายได้ระหว่าง 1 แสน-1 ล้านบาทต่อปี ควรเน้นที่แหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เข้าถึงง่ายและการตลาดเป็นสำคัญ การเยียวยาและฟื้นฟู SMEs ที่จะมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นรัฐบาลควรมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการด้วยการบูรณาการข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัด จัดระเบียบ ลำดับความสำคัญ และพิจารณาลักษณะของธุรกิจว่าเป็นเช่นใด โดยสามารถใช้งบประมาณของผู้ว่าราชการจังหวัดจำนวน 20 ล้านบาทไปพลางก่อนได้ทันที และ
2.5 ในส่วน พ.ร.ก.ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลเสถียรภาพภาคการเงินวงเงิน 4 แสนล้านบาท โดยจัดตั้งกองทุนรวมเสริมสภาพคล่องตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate Bond Liquidity Stabilization Fund : BSF) เพื่อซื้อตราสารหนี้เอกชนคุณภาพที่ดีครบกำหนดชำระในช่วงปี พ.ศ.2563-2564 นั้น พรรค พท.เห็นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นธนาคารของธนาคารพาณิชย์ จึงไม่ควรเป็นผู้ให้กู้โดยตรงกับภาคเอกชน ทั้งนี้ เพื่อรักษาหลักการของการเป็นธนาคารกลางของประเทศที่มีความน่าเชื่อถือไว้ จึงควรให้รัฐบาล บริษัท และธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันศึกษาปัญหาตราสารหนี้ทั้งระบบให้ได้ราคาตราสารหนี้ที่ถูกต้องเป็นจริง ให้ธนาคารพาณิชย์รับซื้อแล้วจึงนำมาเป็นหลักประกันเพื่อกู้เงินจำนวนนี้ต่อธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะผู้ให้กู้รายสุดท้าย หากธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าไปดำเนินการเสียเองตั้งแต่ต้นก็อาจจะถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนบางราย หรือเลือกปฏิบัติได้ อันจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ และต่อธนาคารแห่งประเทศไทย
แถลงการณ์ระบุอีกว่า
3.รัฐบาลต้องเร่งประกาศยุทธศาสตร์ เร่งทำแผนโครงการการใช้เงินให้มีความรอบคอบ และรัดกุมเพื่อให้การใช้งบเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยจะต้องเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ดูแลธุรกิจซึ่งรวมถึงภาคการเกษตรที่มีอนาคตและเกี่ยวข้องกับการจ้างงานเพื่อไม่ให้เกิดการเลิกจ้าง การพักชำระหนี้ รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้มีการลงทุนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของโลกภายหลังวิกฤตโควิด-19
รัฐบาลต้องตั้งคณะกรรมการที่ครอบคลุมผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อตรวจสอบแนวทางการใช้เงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ จากนั้นต้องรายงานการใช้เงินให้สภาผู้แทนราษฎรทราบเพื่อการตรวจสอบทุก 3 เดือน รวมถึงการกำหนดแนวทางหรือมาตรการ และระยะเวลาที่จะชำระคืนเงินกู้จนครบถ้วน
แถลงการณ์ระบุว่า 4.รัฐบาลควรผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้ประชาชนได้กลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และชีวิตประจำวันตามปกติโดยเร็วที่สุด ด้วยการจัดลำดับความสำคัญให้ผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ประสงค์จะดำเนินกิจการได้รับการตรวจเพื่อให้เป็นผู้ปลอดเชื้อ รวมทั้งมีอุปกรณ์และมาตรการป้องกันผู้มาใช้บริการเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้มีปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกันอย่างปลอดภัย โดยระยะแรกของการผ่อนปรน รัฐบาลจะต้องทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่า หากเกิดการป่วยด้วยไวรัสดังกล่าว รัฐบาลจะสามารถดูแลรักษาได้ทั่วถึง ทั้งนี้ เนื่องจากการกู้เงินและใช้จ่ายเงินกู้จำนวน 1.0 ล้านล้านบาทนั้น ถือเป็นการจ่ายเงินแผ่นดินซึ่งจะกระทำได้เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือกฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ กฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง หรือกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 140 พรรค พท.จึงขอให้รัฐบาลดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ