4 ประเทศมีอะไรที่คล้ายกันมาก... จำนวนประชากร ความหนาแน่น ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม
และที่คล้ายกันมากอีกอย่างคือจำนวนผู้เสียชีวิต แทบเป็นเส้นเดียวกัน
แนวตั้งคือจำนวนคนเสียชีวิตรวมสะสม แนวนอนคือจำนวนวัน นับเริ่มต้นเมื่อมีผู้เสียชีวิตได้ 50 คน
เส้นของอิตาลียาวกว่าเพื่อนเพราะเริ่มระบาดก่อน ตอนนี้เป็นวันที่ 40 ของการระบาดแล้ว
สิ่งที่อยากจะพูดถึงคือ ถ้าดูจากกราฟหมายความว่า เมื่อฝรั่งเศส อังกฤษไปถึงวันที่ 40 ก็จะมีจำนวนผู้เสียชีวิตเท่าอิตาลีใช่หรือไม่
ความจริงที่กำลังจะปรากฏในอีกไม่มีวันจากนี้คือ...ไม่ครับ
ฝรั่งเศสจะเริ่มหักเป็นแนวนอนก่อน หมายความว่าผู้เสียชีวิตจะเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ทั้งนี้เนื่องจากมาตรการที่ออกมาได้ตัดวงจร ก่อนที่จะไปต่อ
ก็เช่นเดียวกับอเมริกาที่ก่อนนี้ที่คาดกันว่าจะพีคปลายเดือน กลายเป็นพีคแล้วตอนนี้ จากคาดว่าผู้สูญเสียจะเป็นแสนเลยกลายเป็น 6 หมื่น
ส่วนอังกฤษน่าสนใจมาก ยังต้องรอดูกันต่อ การออกมาตรการล่าช้ากว่า แน่นอนแล้วตอนนี้ว่าจะไม่หักเป็นแนวนอนเร็วเหมือนฝรั่งเศส
บางทีอิตาลีเริ่มหักเป็นแนวนอนแล้วอังกฤษอาจไปต่ออีกก็เป็นได้
โมเดลของสถาบัน IHME ที่รัฐบาลสหรัฐใช้อยู่คาดการณ์ว่าอังกฤษจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่าอิตาลี รอดูกันครับ
นั่นคือผลของการออกมาตรการช้าหรือเร็วว่าจะส่งผลต่อจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างไร เป็นมาตรการที่รัฐเป็นผู้กำหนดและควบคุม
ล็อคดาวน์หรือไม่ ล็อคดาวน์อย่างไร เว้นระยะห่างทางสังคมแบบไหน บังคับใช้ได้ผลแค่ไหน
ต่อมาที่น่าสนใจคือ มาตรการทางการแพทย์ โดยดูตัวอย่างจากเยอรมัน
เยอรมันมีทุกอย่างเหมือนประเทศทั้ง 3 ที่กล่าวมาและมีการระบาดหนักไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
แต่จำนวนผู้เสียชีวิตน้อยมากทั้งนี้คงเป็นผลมาจากมาตรทางการแพทย์คือ การตรวจ การกักตัว การรักษา จำนวนอุปกรณ์ จำนวนบุคลากร
เป็นที่แน่นอนสำหรับผู้ป่วยโควิดว่า ถ้าตรวจเจอเร็วก็ย่อมรักษาได้แต่เนิ่นๆก่อนที่จะลงปอด โอกาสรอดก็มากกว่ามาก
มาตรการทางการแพทย์ของเยอรมันคือ อาการไม่หนักก็นอนบ้านเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ
แตกต่างที่มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่คอยเวียนไปตรวจ ไปดูอาการ เจาะเลือดไปตรวจ
โดยมีสิ่งสำคัญที่สุดคือ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีอาการบ่งบอกว่าเริ่มลงปอดก็จะรีบส่งโรงพยาบาลทันที
อย่างไรก็ตามก็ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกเช่นผู้ติดเชื้อเยอรมันอายุน้อยกว่า เฉลี่ย 49 ขณะที่อิตาลี ฝรั่งเศส 62
และการตรวจเยอะๆก็เจอคนผู้ติดเชื้อมาก ความจริงหายเองก็ได้ แต่ก็ทำให้ตัวเลขอัตราผู้รอดชีวิตของเยอรมันดูดีกว่าเพื่อนบ้านเช่นกัน
ยังมีอะไรอีกมากที่น่าวิเคาะห์ รอการค้นคว้า การเอาต่างทวีปมาเปรียบเทียบกันก็เห็นความแตกต่างอย่างมาก
ภายในทวีปเดียวกันมักคล้ายคลึงกัน เอเซียแบบนึง อาฟริกา อเมริกาแบบนึง
วันนี้เอาของยุโรปมาแบ่งปันให้ช่วยกันขบคิดวิเคาะห์ และติดตามสถานการณ์ไปด้วยกันครับ
จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดของ อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน กับความเหมือนที่แตกต่าง
และที่คล้ายกันมากอีกอย่างคือจำนวนผู้เสียชีวิต แทบเป็นเส้นเดียวกัน
แนวตั้งคือจำนวนคนเสียชีวิตรวมสะสม แนวนอนคือจำนวนวัน นับเริ่มต้นเมื่อมีผู้เสียชีวิตได้ 50 คน
เส้นของอิตาลียาวกว่าเพื่อนเพราะเริ่มระบาดก่อน ตอนนี้เป็นวันที่ 40 ของการระบาดแล้ว
สิ่งที่อยากจะพูดถึงคือ ถ้าดูจากกราฟหมายความว่า เมื่อฝรั่งเศส อังกฤษไปถึงวันที่ 40 ก็จะมีจำนวนผู้เสียชีวิตเท่าอิตาลีใช่หรือไม่
ความจริงที่กำลังจะปรากฏในอีกไม่มีวันจากนี้คือ...ไม่ครับ
ฝรั่งเศสจะเริ่มหักเป็นแนวนอนก่อน หมายความว่าผู้เสียชีวิตจะเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ทั้งนี้เนื่องจากมาตรการที่ออกมาได้ตัดวงจร ก่อนที่จะไปต่อ
ก็เช่นเดียวกับอเมริกาที่ก่อนนี้ที่คาดกันว่าจะพีคปลายเดือน กลายเป็นพีคแล้วตอนนี้ จากคาดว่าผู้สูญเสียจะเป็นแสนเลยกลายเป็น 6 หมื่น
ส่วนอังกฤษน่าสนใจมาก ยังต้องรอดูกันต่อ การออกมาตรการล่าช้ากว่า แน่นอนแล้วตอนนี้ว่าจะไม่หักเป็นแนวนอนเร็วเหมือนฝรั่งเศส
บางทีอิตาลีเริ่มหักเป็นแนวนอนแล้วอังกฤษอาจไปต่ออีกก็เป็นได้
โมเดลของสถาบัน IHME ที่รัฐบาลสหรัฐใช้อยู่คาดการณ์ว่าอังกฤษจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่าอิตาลี รอดูกันครับ
นั่นคือผลของการออกมาตรการช้าหรือเร็วว่าจะส่งผลต่อจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างไร เป็นมาตรการที่รัฐเป็นผู้กำหนดและควบคุม
ล็อคดาวน์หรือไม่ ล็อคดาวน์อย่างไร เว้นระยะห่างทางสังคมแบบไหน บังคับใช้ได้ผลแค่ไหน
ต่อมาที่น่าสนใจคือ มาตรการทางการแพทย์ โดยดูตัวอย่างจากเยอรมัน
เยอรมันมีทุกอย่างเหมือนประเทศทั้ง 3 ที่กล่าวมาและมีการระบาดหนักไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
แต่จำนวนผู้เสียชีวิตน้อยมากทั้งนี้คงเป็นผลมาจากมาตรทางการแพทย์คือ การตรวจ การกักตัว การรักษา จำนวนอุปกรณ์ จำนวนบุคลากร
เป็นที่แน่นอนสำหรับผู้ป่วยโควิดว่า ถ้าตรวจเจอเร็วก็ย่อมรักษาได้แต่เนิ่นๆก่อนที่จะลงปอด โอกาสรอดก็มากกว่ามาก
มาตรการทางการแพทย์ของเยอรมันคือ อาการไม่หนักก็นอนบ้านเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ
แตกต่างที่มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่คอยเวียนไปตรวจ ไปดูอาการ เจาะเลือดไปตรวจ
โดยมีสิ่งสำคัญที่สุดคือ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีอาการบ่งบอกว่าเริ่มลงปอดก็จะรีบส่งโรงพยาบาลทันที
อย่างไรก็ตามก็ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกเช่นผู้ติดเชื้อเยอรมันอายุน้อยกว่า เฉลี่ย 49 ขณะที่อิตาลี ฝรั่งเศส 62
และการตรวจเยอะๆก็เจอคนผู้ติดเชื้อมาก ความจริงหายเองก็ได้ แต่ก็ทำให้ตัวเลขอัตราผู้รอดชีวิตของเยอรมันดูดีกว่าเพื่อนบ้านเช่นกัน
ยังมีอะไรอีกมากที่น่าวิเคาะห์ รอการค้นคว้า การเอาต่างทวีปมาเปรียบเทียบกันก็เห็นความแตกต่างอย่างมาก
ภายในทวีปเดียวกันมักคล้ายคลึงกัน เอเซียแบบนึง อาฟริกา อเมริกาแบบนึง
วันนี้เอาของยุโรปมาแบ่งปันให้ช่วยกันขบคิดวิเคาะห์ และติดตามสถานการณ์ไปด้วยกันครับ