นางนาก : นนทรีย์ นิมิตรบุตร | ตอนที่ 2 Version
"เมื่อเราต้องการความเปลี่ยนแปลงตรงนั้นเราก็จำเป็นต้องเอาตัวเราเป็นใหญ่ในความคิด"
ก็อย่างที่ทุกคนทราบดี เมื่อพูดถึงแม่นาคพระโขนง มันเป็นหนังผี มันมีความน่ากลัวน่าสะพรึงกลัวอยู่แล้ว ทุกคนรู้จักหนังผีเรื่องนี้ดี แต่ว่าเมื่อเราต้องการความเปลี่ยนแปลง ต้องการเห็นอย่างที่เราอยากดู ตรงนั้นเราก็จำเป็นต้องเอาตัวเราเป็นใหญ่ในความคิด
ก็เหมือนว่าเราอยากดูอยากเห็น เราก็ต้องเอาน้ำหนักของเราไปใส่ให้มากที่สุด ขั้นแรกอาจจะ 50:50 ความรัก 50 เรื่องของผี 50 แต่ไป ๆ มา ๆ ไม่สามารถทำได้อย่างนั้นจริง ๆ เพราะจะกลับกลายเป็นว่า ความรักถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยความน่าสะพรึงกลัว เลยแบ่งไม่ได้ว่าอะไรมันมากกว่ากัน แต่มันไปพร้อม ๆ กันตลอด เพราะความน่าสะพรึงกลัวมันคือบรรยากาศ ความรักมันอยู่ในเรื่อง มันไม่ถูกแบ่งว่าก้อนนี้เป็นก้อนผี ก้อนนี้เป็นก้อนรักมันไม่ได้แบ่งแบบนี้ เลยกลายเป็นว่าเราต้องเอาแก่นของเรื่องวางไว้ตรงกลางแล้วก็เอาบรรยากาศทั้งหมดที่อยากเห็นคลุมเอาไว้ มันไม่สามารถแยกแยะออกมาได้ว่ากี่เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าสองอันนี้มันเหมือนเป็นคู่
บรรยากาศที่คลุมทั้งหมดมันคลุมความซาบซึ้ง ความหวงแหน ความรัก การพลัดพราก จนในที่สุดเราก็ตั้งประเด็นคร่าว ๆ ไว้ว่า อันนี้คือการพลัดพราก "ความตายพลัดพรากความรักจากกัน" ผมเรียกว่ามันเป็นแก่นหรือนิยาม เหมือนกับตอนที่ทำ "แดง ไบเล่" ผมก็ตั้งแก่นนี้เหมือนกัน คือความเลวความดี ในเลวมีดี ในเลวมีเลว อันนี้คือหยาบ ๆ ถ้าเผื่อว่าหยาบ ๆ ของนางนาก ผมว่าก็คืออันนี้ ความตายพลัดพรากความรักจากกันและกัน
ส่วนวิธีการเล่าเรื่อง เราเล่าโดยการผ่านตัวนายมาก ถ้าถามว่าใครเป็นคนเดินเรื่องนี้ คำตอบคือนายมากเป็นคนเดินเรื่อง เราจะตามเขาไปทุกที่ทุกทางที่เขาไป เพราะอะไร เพราะว่าตัวละครที่เป็นนายมากเป็นตัวละครที่มีกิจกรรมมากที่สุด ในขณะที่นางนากจริง ๆ แล้วไม่ได้มีกิจกรรมอะไรมากกว่าเป็นเมียแล้วท้อง ก็คือกิจกรรมของผู้หญิงคนหนึ่งปกติ ในเรื่องนี้นายมากนางนากอยู่กินกันแล้วท้อง ถ้าเผื่อการคลอดลูกนั้นปกติเรื่องนี้ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย บังเอิญว่ามันไม่ปกติก็ตรงที่ว่า คนหนึ่งพลัดพรากจากคนหนึ่งด้วยภาระหน้าที่ในการเป็นทหารโดยหน้าที่ทางบ้านเมืองกฎหมาย กับอีกคนหนึ่งถูกทอดทิ้งอยู่กับตัวเองโดยลำพัง เพียงแต่ว่ากาาพลัดพรากครั้งนั้นนางนากมีเดิมพันอยู่ที่ตัวแทนของคนที่ไปคือลูกในท้อง
ทำไมผมจึงใช้คำว่าเดิมพัน ก็เหมือนกับว่าสงครามสมัยก่อนจากข้อมูลทางการทหาร ซึ่งเรามีพ่อมีปู่เป็นทหาร เราก็ไปค้นคว้าหนังสือทางทหารการรบพุ่งสมัยนั้น โอกาสที่จะรอดกลับมานี้น้อยมากเต็มที คุณอาจจะไม่ได้รบเลยก็ได้ ไปถึงสถานที่รบ โรคห่ากินทั้งกองทัพก็ได้ มันมีที่ศึกเชียงตุงครั้งแรก ที่ยกทัพไปอยู่ที่ริมแม่น้ำเชียงราย ห่ากินหมดเลยโดยยังไม่ได้รบกับใคร โอกาสเกิดโรคร้ายที่เราไม่รู้จัก โอกาสที่ไปแล้วจะกลับน้อยมาก คือต้องทำใจไว้ได้ระดับหนึ่ง
นี่คือการพลัดพรากครั้งที่หนึ่ง โดยการแยกสองคนนี้ออกจากกันโดยภาระหน้าที่ ตรงนั้นคนที่เสียใจที่สุดคือนางนากแน่นอน เพราะครั้งแรกที่แยกออกจากกันก็ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาหรือเปล่า แต่ว่าสิ่งเดียวที่นางนากได้เป็นกำลังใจให้มีชีวิตอยู่คือตัวแทนนายมากที่อยู่ในท้อง
ประเด็นที่สอง คือตัวนายมากเองก็เป็นคนซื่อ ๆ คนหนึ่งในคลองพระโขนง ซึ่งมีหน้าที่ไปก็ไป ถึงรักเมียแค่ไหน ลูกผู้ชายก็ต้องไป มันไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้มากกว่านั้น เราจำเป็นต้องตามตัวละครตัวนี้ จะไปไหนก็ไป เพียงแต่ว่าในระหว่างนั้นเราจะเห็นภาพของแม่นากคลื่นไส้อาเจียน แพ้ท้อง อะไรอย่างนี้ มันเป็นภาพลักษณ์ธรรมดาซึ่งอาจไม่น่าติดตาม แต่อยากให้รู้ว่าตรงนั้นทำอย่างนี้ ตรงนี้เป็นอย่างนั้น เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างนั้นตลอดเวลา ตามไปเพื่อที่จะให้เห็นว่ามันมีผลอะไร จะทำอะไรก็แล้วแต่ มันมีผลอะไรกับทางนี้บ้าง
"ผัวไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ละ ฉันนั่งอยู่บ้าน ฉันมีความเชื่อว่าถ้าเผื่อมีอะไรมาพัดผมขยิบ เขม่นตาขวาหน่อยหนึ่ง ตายละ ผัวฉันจะเป็นอะไรหรือเปล่า"
คือความเชื่อตามประเพณีพื้นบ้าน มันหวาดระแวงกันไปหมดตลอดเวลา ตรงนี้แหละ กิจกรรมที่นายมากทำเหล่านี้เองที่มีผลสะท้อนกลับมาที่ตัวนางนากอย่างสม่ำเสมอ คนดูจะได้รับผลของทุกอย่างในการพลัดพรากจากกันโดยที่มีความตายเป็นเดิมพันอยู่ตลอดเวลา
แต่ในมุมกลับ คนที่ตายจากความรักความหวังของความเป็นครอบครัวหนึ่ง คือพ่อแม่ลูก กลับกลายเป็นตัวนางนากเอง แต่การที่เราตามตัวนายมาก เห็นกิจกรรมของนายมากมาตลอด ไปรบป่วยรักษาตัวมาคือช่วงเวลาที่ขาดหายไป จนกระทั่งกลับมาบ้าน ก็เห็นเมียยังอยู่ เมียอุ้มลูกรออยู่ที่ศาลาท่าน้ำศาลาเดิมที่มันจากไป ระหว่างที่นายมากกลับบ้าน มันก็สงสัยว่าผู้คนหายไปไหนหมด ทำไมเรือแพมันคว่ำหงายอะไรอยู่ตามริมคลองเต็มไปหมด มันคือความสงสัยในแง่ว่ามันมีอะไรแปลก ๆ หรือเปล่า แต่ไม่เป็นไร เจอเมียแล้วก็มีความสุข นี่คือความเป็นครอบครัว เป็นสิ่งที่คาดหวัง
สิ่งที่นางนาก นายมากคาดหวังก็คือการเป็นครอบครัว พ่อแม่ลูก ก็กลับมาเหมือนเดิม ทั้งหมดนี้กำลังจะตอบโจทย์ว่า เราจำเป็นต้องเล่าผ่านตัวนายมาก เรื่องนี้ตามตัวนายมากมาตลอดเวลา โดยที่นางนากเป็นคนตอบว่า ผลที่คุณทำทั้งหมดคืออะไร
จุดหนึ่งก็คือว่า นางนากทำสองทางด้วยซ้ำ ทำกับนายมากคือ ดูแลปรนิบัติทุกอย่างให้ นี่คือครอบครัว กับอีกทางหนึ่ง ทำให้คนดูรู้สึกด้วยว่าเธอมีชีวิตที่เศร้าหมอง นางนากจะมีหน้าไปพูดอะไรกับใครว่า อย่างเดียวที่ผัวฝากไว้คือลูกในท้อง ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้เลย คือแทนที่นายมากจะจากไปเพราะสงคราม แต่นางนากกลับเป็นฝ่ายจากเสียเองทั้งที่อยู่บ้าน มันคือสองทางที่จะกดดันความรู้สึกของนางนากที่ต้องโกหกผัว ต้องหลอกผัว ต้องทำทุกอย่าง ในขณะเดียวกันต้องเก็บซ่อนความระทมทุกข์เอาไว้ในหัวใจตลอดเวลา นั่นคือประเด็นหลัก ๆ ที่ต้องตามตัวละครเหล่านี้
เรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในนางนากที่เคยทำกันมา มันเหมือนกับว่าสิ่งที่ผ่านมาเป็นการเล่าถึงสภาพจิตใจในลักษณะการอิจฉาริษยา มันเป็นความโกรธแค้น การเล่าเรื่องใหม่ตรงนี้มันเป็นเหมือนเรื่องของจิตภายใน มากกว่า แต่เวลาทุกคนดูเรื่องนี้ ทุกคนจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น นางนากรู้สึกอย่างไร คนดูจะรู้สึกตามนางนากตลอดเวลา
แต่ตัวละครที่ไม่รู้อะไรเลยก็คือนายมาก เราตามนายมากไปจริง แต่ผลก็อยู่ตรงนี้ เพราะนายมากต้องไปเจอผู้คน ไปเจอเพื่อนบ้าน จะไปตัดไม้มาซ่อมบันไดก็เจอเพื่อน เพื่อนก็บอกว่าอีนากมันตายแล้วนะ ตายแล้วจริง ๆ นายมากจะไปเชื่อมันได้อย่างไร ก็เมื่อคืนยังนอนด้วยกันอยู่เลย นั่นคือความรู้สึกของนายมาก นี่คือเหตุการณ์ที่เหมือนกับว่าคนสักคน ผีสักตน วิญญาณสักวิญญาณ พยายามที่จะรักษาความเป็นครอบครัวไว้ให้นานที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนมาบั่นทอนไอ้เวลาเหล่านี้ลงไปทุกที ๆ ให้มันเร็วขึ้น การที่นายมากไปเจอผู้คนทำให้เวลาของนางนากหดลงทุกวัน ๆ นั่นคือนายมากจะรู้ความจริงเร็วที่สุด มันก็คือผลสะท้อนกลับมาที่ตัวเองว่า นางนากต้องโกหก ต้องหลอกลวงกับนายมากผัวของตัวเอง ด้วยการกระทำเหล่านี้มันก็ยิ่งกระแทกมาในหัวใจของตัวนางนากเองอยู่สม่ำเสมอ
ตรงนี้ที่ผมมองว่า นี่คือสิ่งที่แตกต่างที่สุดของการทำหนังเรื่องนี้ นี่คือสิ่งที่แตกต่างที่สุดของการทำหนังเรื่องนี้กับเวอร์ชั่นอื่น ๆ มันแตกต่างกับการริษยาอาฆาต ต่างกับผีล้างแค้นแก้แค้น เมื่อก่อนนี้ภาพที่ชัดเจนมากที่สุดขอลนางนากก็คือ นางนากดูราวกับว่าถูกชาวบ้านรุมรังแก และตัวเองคือคนคนเดียวที่ต้องออกไปต่อสู้โดยที่มีนายมากเป็นตัวกลางที่เหยียบเรือสองแคมอยู่ ไอ้นี่ก็จะเอา ไอ้นี่ก็ลังเล บทนายมากไม่ชัดเจนเลย แต่นายมากของผมนี่ชัดที่สุด ชัดเจนในความเป็นคนที่ยึดมั่นกับความรักมากที่สุด
หนังพูดถึงความรัก การพลัดพราก ความตาย ในส่วนหนึ่งก็คือแก่นเรื่องความรัก ห่อหุ้มด้วยความน่าสะพรึงกลัว และทีนี้ถ้าเอาจริง ๆ ให้เห็นเลยว่า นางนากฉบับนี้ หัวใจของมันคือการพูดถึงความรักระหว่างคนกับผี ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ วิธีการพูดถึงความรักแบบนี้ มันหดหู่เศร้าหมอง จากความรักที่เป็นการยึดติด ตรงนั้นสมมุติว่านางนากตายไป แล้วปล่อยวาง ไม่ไปยึดมั่นถือมั่นตามคำสอนทางศาสนาพุทธ ก็คงไม่มีอะไร แต่นางนากไม่ปล่อย พอไม่ปล่อย มันก็อดไม่ได้ที่จะทนทุกข์กับความหดหู่ของตัวเอง ในแง่ของการที่จะต้องหลอกลวงคนหลอกลวงผัวอยู่ตลอดเวลา มันเป็นความเศร้า แล้วผมเชื่อว่า การพูดถึงการค้นคว้าศึกษาทางวิญญาณที่บอกว่าวิญญาณน่าจะมีพลังบารมีอยู่ได้ จะกี่วันก็แล้วแต่ สมมุติว่าเรากำหนดให้นางนากอยู่ได้ 7 วัน เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเขาอยู่กับผัวเขาได้เท่านี้ เขาพยายามที่จะทำให้ความฝันที่มีพ่อแม่ลูกเป็นจริงที่สุด อยู่กินอย่างมีความสุขได้นานที่สุดทั้ง 7 วัน เมื่อไหร่ก็ตามที่มีอะไรมากระทบกระเทือนกระแทก ก็หลุด เขาเรียกว่า "ผีหลุด" อาจจะเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนคนที่มีแผลในหัวใจอยู่เสมอ แต่มันทำให้เวลาที่มีอยู่สั้นลงไปอีก
ตัวอย่างแค่ขอทำวันที่เหลืออยู่ให้มีความสุขที่สุดของครอบครัว เหลืออยู่เท่าไหร่ก็แล้วแต่ หรือถึงสุดท้ายจะต้องใช้พลังไป แทนที่จะคำนวณไว้ 7 วัน เหลือแค่ 3 วันละก็ "ขอมี 3 วันให้มันดีที่สุดได้ไหม ใครอย่ามายุ่ง ขอร้องเหอะ" เพราะแค่สิ่งที่ตัวเองทำคือหลอกผัว ก็ชอกช้ำระกำใจพอสมควรอยู่แล้ว ยังต้องมาระแวดระวังอีก คือเหมือนกับว่ามีความหวาดระแวงไปทุกจุด ไอ้ความหวาดระแวงเหล่านี้ จิตสำนึกในความรักเหล่านี้ หรือแม้กระทั่งการโกหก เมื่อมีอะไรมากระทบจากภายนอก แรงกระทบจากภายนอกคือชาวบ้านหรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อบ่อยเข้ามันก็เกิดลุแก่โทษที่จะบอกว่าไม่ไหวแล้วได้เหมือนกัน ก็เลยออกไปทางอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หรือแสดงพลังอะไรบางอย่าง ทำนองว่า "จะมาเล่นกับกูไม่ได้ กูไม่ใช่ใครที่จะมาเอาอะไรก็ได้" ก็สั่งสอนจาก 1, 2, 3
ขอขอบพระคุณบทความจากหนังสือนางนาก
และขอขอบพระคุณภาพจากเพจเล่าวันวานผ่านหนังสือพิมพ์
ด้วยรักและพลัดพราก.
สวัสดี.
นางนาก : ตอนที่ 2 "เมื่อเราต้องการความเปลี่ยนแปลงตรงนั้นเราก็จำเป็นต้องเอาตัวเราเป็นใหญ่ในความคิด"
ด้วยรักและพลัดพราก.
สวัสดี.