สวัสดีค่ะ พี่ๆทุกคน เราชื่อ อัง นะคะ วันนี้อยากจะมาเล่าแชร์ประสบการณ์ Work and Travel ปีล่าสุด 2020 ที่เมือง Williamsburg , Virginia USA เมืองที่เป็นแหล่วงรวมประวัติศาสตร์เมื่อครั้งที่เริ่มก่อตั้งอเมริกาในยุคแรกๆ แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จนทำให้เราไม่สามารถกกลับไทยได้ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบไปทั่วโลกเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่กับใครคนใดคนนึง ตัวละครตัวสำคัญที่ทำให้การแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้น เค้ามีชื่อว่า Covid-19 นั่นเอง
ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนนะคะว่า เราเรียน ป.โท เทอมที่ 1 และการมา W&T ครั้งนี้เป็นรอบที่ 2 ที่มาโครงการนี้ โดยครั้งแรกมาตอน ป.ตรีปี3 ไปที่เมือง Reno, Nevada เป็นเมืองทางฝั่ง westของอเมริกา ที่มีแต่ทะเลทราย และเป็นแหล่งรวมของ Canyon ขึ้นชื่อของอเมริกามากมาย ที่ Reno มีคาสิโนขนาดใหญ่มากมาย ซึ่งแตกต่างกับเมือง Williamsburg อย่างสิ้นเชิงโดย Williamsburg, Virginia จะเป็นเมืองที่มีความโบราณ มีเรื่องราว มีความย้อนยุคหน่อยๆ พี่ๆเค้าบอกว่า ใจกลางเมืองเป็นแหล่วงรวมพิพิธภัณฑ์มากมายนั้นเรียกว่า Colonial Williamsburg Historic Area ส่วนสภาพภูมิประเทศก็มีความเป็นป่า เขา และธรรมชาติค่ะ ที่นี่ห่างจากหาดเวอร์จิเนียประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าขับรถไปเองนะคะ สำหรับคนที่ชอบธรรมชาติไม่ค่อยชอบแสงสีหรือความวุ่นวายแบบเมืองใหญ่ๆ น่าจะชอบเมืองนี่ค่ะ ที่นี่อยู่ใกล้เมืองหลวงของอเมริกาด้วยนะคะ คือเมือง Washington DC ขับรถราว ๆ 2 ชั่วโมงค่ะ แต่เรายังไม่ได้ไปนะคะ เพราะพี่โควิดขวิดเรามาติดบ้านแถวๆเวอร์จิเนียตอนกลาง555555 แต่เราก็ไม่เสียใจนะคะ ที่นี่ดูปลอดภัย และธรรมชาติแถวนี้ สวยเพลินตา จนลืมไปเลยว่าข้างนอกนั้น ทุกคนกำลังสู้ต่อกับโรคระบาดอย่างหนัก
เกริ่นมาพอสมควรแล้ว ขอเริ่มเข้าเรื่องเป็น Timeline ตั้งแต่ลงเครื่องนะคะ
– ลงเครื่องที่ สนามบิน IAD (Washington Dulles International Airport)
· พอลงเครื่องเราได้รับ e-mail และข้อความทาง line จากองค์กรว่า เราต้องเปลี่ยนงานจากตอนแรกทำ Housekeeping เปลี่ยนมาทำงานในร้านอาหารในพิพิธภัณฑ์ค่ะ จากเรทเงิน 11.5 เป็น 8.5 ต่อชั่วโมง
· ลงเครื่องออกมาผ่าน ตม. รับกระเป๋าก็ติดต่อหาคนที่มารับ ว่าฉันจะต้องเปลี่ยนที่พัก เค้าก็ยินดีไปส่งให้โดยไม่คิดเงินเพิ่มค่ะ
· พอไปถึงที่พักตามที่อยู่ที่ระบุมา ก็ตกใจอีกรอบค่ะ เพราะที่อยู่ตามที่แจ้งไว้ปิด ปิดในที่นี่คือ ปิดคลุมผ้าไม่มีคนอยู่ค่ะ
· เราไม่รู้ต้องทำอะไรต่อ เลยเลือกไปพักที่โรงแรมเดิมตามที่จองไว้ตอนแรกค่ะ
– เดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ที่พัก เปิดเบอร์ โทรหานายจ้างแจ้งว่าถึงแล้ว
· ทาง agency ให้ J1sim card มาจากไทยแล้วค่ะทำให้เราไม่ต้องรอซิม (สำหรับคนที่ไม่ได้รับซิมนี้มาจากเอเจนซี่ที่ไทย สามารถสั่งให้มาส่งมาตามที่อยู่ที่เราพักได้ค่ะและซิมนี้ฟรีนะคะ ของเคลือข่าย T-Mobile ในส่วนค่าแพ็คเกจมี2แบบ $25 และ $40 โทรกลับไทยได้ไม่อั้นด้วยค่ะ ถ้าต้องซื้อซิมแบบเติมเงินใหม่ เราต้องจ่ายค่าซิมการ์ดเพิ่มนะคะ
· หลังจากนั้นเราก็โทรติดต่อนายจ้าง
– เมื่อนายจ้างมาหาเราที่ที่พักของเรา ก็แนะนำว่าต้องย้ายที่พัก
· นายจ้างมาแจ้งเรื่องการทำงานและการย้ายไปที่พักแห่งใหม่ ทำให้เราต้องเสียค่ามัดจำที่พัก2รอบ ที่พักที่แรกเค้าไม่คืนเงินมัดจำที่เราจ่ายไป(เศร้าใจจริง ๆ) สาเหตุที่พักเพราะที่พักที่ใหม่ นายจ้างสามารถให้คนมารับ-ส่งเราไปทำงานได้ค่ะ เราก็ประหยัดค่าเดินทางและประหยัดเวลาไปได้เยอะจริง ๆค่ะ
· ส่วนวันที่ย้ายออกจากที่พัก นายจ้างจะเอารถมาช่วยขนของไปที่พักใหม่ให้ค่ะ
· วันรุ่งขึ้นคือวันเริ่มงานวันแรก ต้องไป Orientation คือการเข้าไปดูสถานที่ทำงานและรับทราบกฎระเบียบ เวลาเข้าออกงาน และอื่น ๆ
– เริ่มงานวันแรก
· ไปเริ่มงานวันแรก 11 โมงเช้า ไปถึงก็ทำเอกสาร รับเสื้อ และเริ่มเทรานงานค่ะ
· เราได้ทำงานคิดเงินลูกค้า คือลูกค้าจะหยิบอาหารมา แล้วมาจ่ายเงินที่เราค่ะ มีหน้าที่จำชื่ออาหาร,คิดเงินลูกค้า,เติมขนม ตามชั้นต่าง ๆ ถ้าของหมด ซึ่งบอกเลยว่าสับสนสุดๆ ส่วนเพื่อนเราได้ทำงานในครัวค่ะ ล้างจานเก็บของ ช่วยเตรียมอาหารต่าง ๆ
- ทำงานไป 1 อาทิตย์ ก็มีเด็กจากประเทศอื่นมาทำงานด้วย
· มีเด็กจากประเทศอื่นมาทำงานด้วย เราทำมาอาทิตย์นึงแล้ว เลยต้องเป็นคนคอยช่วยค่ะ แต่ถ้าอันไหนไม่ได้จรงๆก็เรียกหัวหน้ามาช่วยค่ะ
- ที่ทำงานโดนสั่งปิด ทำงานไป 1อาทิตย์กับอีก 1 วัน
· นายจ้างบอกว่าที่ทำงานสั่งปิด ถึงวันที่ 29 มีนาคม
· นายจ้างให้ไปทำงานที่ร้านอาหารอีกร้านรอไปก่อน (สุดท้ายพอถึงวันที่ต้องไปทำร้านอาหารก็โดนสั่งปิดเช่นกัน)
· เราเลือกที่จะรอเพราะอีกประมาณแค่ 2 อาทิตย์เราคิดว่าเรารอได้
· เดินหางานตามที่ต่าง ๆ ตามร้านอาหารไทยและร้านสะดวกซื้อ (พี่ร้านอาหารไทยรับทำงานทำงานได้ 1 วันได้เงิน $60 แต่วันถัดมาร้านอาหารไทยก็โดนสั่งปิดเช่นกัน)
- US sponsor สั่งให้กลับไทยด่วน
· เราได้รับ e-mail จาก US sponsor ว่าให้กลับไทยด่วน ซึ่งตั๋วขากลับขาเรา เราต้องไปขึ้นเครื่องที่ LA ซึ่งตอนนั้นประกาศภาวะฉุกเฉินระดับไปแล้ว สถานการณ์ที่นั่นไม่ดีเลยค่ะ เราเลยไม่สามารถบินไปขึ้นที่ LA ได้ เรามี 2 ทางเลือกคือ รีฟันค่าเครื่องจากสายบินเดิม หรือ ควักเงินซื้อตั๋วใหม่ ซึ่งเราใช้เงินเก็บที่มี เพื่อจ่ายค่าโครงหมดแล้ว
· เราเลยปรึกษา agency ที่ไทย ว่าทำยังไงดี พี่เค้าก็บอกให้รอ แต่ต้องรักษาสุขภาพดี ๆทางพี่เค้าจะช่วยอีเมลล์ติดต่อทาง US sponsor ให้
· ตอนนั้นทางสถานทูตประกาศออกมาแล้วว่า ถ้าใครที่จะกลับไทยต้องมีเอกสารจากสถานทูตและใบรับรองแพทย์ ซึ่งในความรู้สึกเรา เราคิดว่าถ้ากลับไปน่าจะเสี่ยงกว่า จึงเลือกที่จะรอให้สถานการณ์ดีขึ้นก่อนค่อยกลับ เพราะใบรับรองแพทย์ก็ช่วยยืนยันอะไรไม่ได้เลยว่าทุกคนบนเครื่องปลอดเชื้อ ถ้าหากไปรับเชื้อเพิ่มระหว่างทางที่ไปขอใบรับรองแพทย์ล่ะ? หรือระหว่างนั่งรถแท็กซี่เพื่อไปสนามบิน และที่สนามบินเองก็เถอะ เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเราจะไม่รับเชื้อหลังจากได้เอกสารรับรองเหล่านี้ ใบรับรองแพทย์การันตีอะไรไม่ได้เลยในความรู้สึกของเรา ถ้าติดบนเครื่อง หรือระหว่างเปลี่ยนเครื่อง แล้วนำเชื้อกลับประเทศละ? เราเลยเลือกอยู่ก่อนค่ะ
– นายจ้างเอาเงินค่าแรงมาให้และแจ้งวันเลื่อนเปิดงาน
· นายจ้างเอาเงินที่เราทำงาน 9 วันมาให้ ประมาณ 10,000บาท
รับเงินอาทิตย์แรกและอาทิตย์เดียวที่ทำงาน
· แจ้งวันว่าเปิดที่ทำงาน 1 พค. คือประมาณ 1 เดือนถัดไป
· เราเริ่มคิดเรื่องกลับไทย แต่ต้องขอเงินค่าตั๋วคืนจากายการบินเพื่อจองตั๋วกลับใหม่
· เราตัดสินใจขอความช่วยเหลือ จากพี่คนไทยใน Virginia และทุกคนใจดีมากกกกกกกกกกกกก
มีเพื่อนในกลุ่มเด็กเวิร์คแนะนำว่า มีพี่คนไทยคนนึง เคยรับน้อง ๆ ที่มาเวิร์คแอนด์ทราเวลเมื่อปีที่แล้ว ไปพักที่บ้าน เราเลยตัดสินใจทักพี่เค้าไป เพื่อขอคำแนะนำ และเล่าสถานการณ์ของเราให้พี่เค้าฟัง ตอนแรกนั้นคิดว่าจะขอรบกวนที่พักในช่วงที่เราหาทางกลับไทย แต่ยังไม่ทันได้ขอ พี่เค้าก็บอกมาว่าให้มาพักบ้านพี่ก็ได้ และแนะนำเพิ่มเติมว่าให้รอไปก่อนซัก 1 เดือน เดินทางตอนนี้อันตราย แล้วเรื่องรีฟันตั๋วช่วงนั้นก็ไม่ง่ายเลย พี่เค้าให้พักที่บ้านฟรี ไม่คิดเงิน เราอยู่ที่โรงแรมอีก 2 วัน พี่เค้าก็ขับรถมารับค่ะ
**** ก่อนจะย้ายมาอยู่บ้านพี่คนไทย ซึ่งอยู่ในเมือง Virginia เหมือนกันแต่ห่างจากเมืองที่ทำงาน 3 ชั่วโมง เราแจ้ง agency ที่ไทย และ แจ้งนายจ้างเรียบร้อย เพราะนายจ้างห่วงมากคอยส่งข้าวตลอด แต่ก่อนที่จะมานายจ้างมาหาแล้วบอกจะหาบ้านพักฟรีให้ ถ้าอยากรอทำงานให้เค้า เพราะเค้าก็ไม่อยากให้เราเสี่ยงเดินทางกลับไทยเช่นกัน แต่เราเลือกมาอยู่กับพี่อี๊ด
ทัวร์บ้านพี่คนไทยที่มาอยู่ตอนนี้ค่ะ
มาถึงบ้านพี่อี๊ดวันที่ 29 มีนาคม สามีพี่อี๊ดใจดีมากพาขับรถดูรอบ ๆ และพาแวะซื้ออาหารและของใช้ก่อนเข้าบ้าน
***วันที่ 31 มีนาคม***เมือง Virginia ประกาศ Lockdown และให้ Stay at home ห้ามเดินทางออกนอกเขตเวอร์จิเนีย แต่สามารถออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตได้ตามปกติ ส่วนร้านอาหารและ Fast food เปิดให้สั่งแบบเอากลับบ้านได้เท่านั้น ช่วงที่อาศัยอยู่ที่บ้านพี่คนไทย เรามีกิจกรรมเยอะมาก หัดถ่ายวีดีโอ ช่วยเลี้ยงหมา ช่วยพี่เค้าความสะอาดบ้าน ช่วยทำสวน ซึ่งงานทำสวนนี่คือสนุกมากกกกกก ได้เห็นต้นไม้ดอกไม้ในเมืองนอก และวิถีชีวิตคนไทยในอเมริกาแบบใกล้ชิด ได้เรียนรู้การใช้ชีวิต และมารยาทสังคมจากครอบครัวพี่เจ้าของบ้านที่แทบจะเหมือนเป็นแม่เราเข้าไปทุกวันแล้วล่ะค่ะ เพราะทั้งใจดีและขี้บ่นเหมือนแม่เราเลย55555 อันหลังนี้พี่เค้าเติมให้นะคะ
มาม่าหม้อไฟที่อร่อยที่สุดตั้งแต่มา USAคิดว่าตัวเองพยามสู้เหมือนกันนะคะและรวมถึงเด็ก Work คนอื่น ๆ ด้วย ตอนนี้ในกลุ่ม line มีเด็กที่อยู่ที่นี่รวมกันเกือบๆ 50 คน ไว้คอยปรึกษากันเรื่องต่าง ๆ เช่นเรื่องเอกสาร เรื่องกลับไทย ทุก ๆ เรื่อง ทำให้คลายเหงาไปบ้างค่ะ ต่างคนต่างแชร์ประสบการณ์กัน จะว่าเป็นประสบการณ์ครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ บางคนไปอยู่วัดไทย บางคนไปอยู่ตามบ้านพี่คนไทยในเมืองของตัวเอง บางคนนายจ้างให้อยู่ฟรีกินฟรีรองานเปิด น้ำใจของคนไทยที่นี่ยิ่งใหญ่มากจริง ๆ
ระกว่าที่เราอยู่ที่นี่ ครอบครัวที่ไทยก็เกรงใจพี่เจ้าของบ้านมาก เราโดนแม่ด่าทุกวันว่าให้ช่วยพี่เค้าทำงานนะ อย่าอยู่เฉยๆ แต่พี่อี๊ดก็สปอยเหลือเกิน 555555 ทั้งช่วยทำคลิป ช่วยทำอาหารให้กิน กินเสร็จจะไปเล่นเกมไปนอนไปทำอะไรก็ไป
เราอัพเดทเหตุการณ์และประสบการณ์ของเราประมาณนี้ก่อนนะคะ ใครอยากทราบเรื่องอื่นเพิ่ม เช่น ป.โท มาเวิร์คยังไง เรียนอะไร วีซ่าเป็นยังไง สามารถสอบถามหลังไมค์ได้นะคะ หวังว่าประสบการณ์ครั้งนี้ของเราจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะแยะเลยค่ะ ที่ไม่ได้เขียนแชร์ ถ้ามีโอกาสจะมาอับเดทนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคน รวมถึงตัวเราเองด้วย555555 ให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างบอบช้ำน้อยที่สุด เพราะคิดว่าทุกคนคงได้รับผลกระทบมากพอๆกัน
คลิป Timeline ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
***แก้ไขเมืองของรีโน่ค่ะ เป็นฝั่ง west
Work and Travel in USA กับการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ Covid-19 ในอเมริกา
ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนนะคะว่า เราเรียน ป.โท เทอมที่ 1 และการมา W&T ครั้งนี้เป็นรอบที่ 2 ที่มาโครงการนี้ โดยครั้งแรกมาตอน ป.ตรีปี3 ไปที่เมือง Reno, Nevada เป็นเมืองทางฝั่ง westของอเมริกา ที่มีแต่ทะเลทราย และเป็นแหล่งรวมของ Canyon ขึ้นชื่อของอเมริกามากมาย ที่ Reno มีคาสิโนขนาดใหญ่มากมาย ซึ่งแตกต่างกับเมือง Williamsburg อย่างสิ้นเชิงโดย Williamsburg, Virginia จะเป็นเมืองที่มีความโบราณ มีเรื่องราว มีความย้อนยุคหน่อยๆ พี่ๆเค้าบอกว่า ใจกลางเมืองเป็นแหล่วงรวมพิพิธภัณฑ์มากมายนั้นเรียกว่า Colonial Williamsburg Historic Area ส่วนสภาพภูมิประเทศก็มีความเป็นป่า เขา และธรรมชาติค่ะ ที่นี่ห่างจากหาดเวอร์จิเนียประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าขับรถไปเองนะคะ สำหรับคนที่ชอบธรรมชาติไม่ค่อยชอบแสงสีหรือความวุ่นวายแบบเมืองใหญ่ๆ น่าจะชอบเมืองนี่ค่ะ ที่นี่อยู่ใกล้เมืองหลวงของอเมริกาด้วยนะคะ คือเมือง Washington DC ขับรถราว ๆ 2 ชั่วโมงค่ะ แต่เรายังไม่ได้ไปนะคะ เพราะพี่โควิดขวิดเรามาติดบ้านแถวๆเวอร์จิเนียตอนกลาง555555 แต่เราก็ไม่เสียใจนะคะ ที่นี่ดูปลอดภัย และธรรมชาติแถวนี้ สวยเพลินตา จนลืมไปเลยว่าข้างนอกนั้น ทุกคนกำลังสู้ต่อกับโรคระบาดอย่างหนัก
เกริ่นมาพอสมควรแล้ว ขอเริ่มเข้าเรื่องเป็น Timeline ตั้งแต่ลงเครื่องนะคะ
– ลงเครื่องที่ สนามบิน IAD (Washington Dulles International Airport)
· พอลงเครื่องเราได้รับ e-mail และข้อความทาง line จากองค์กรว่า เราต้องเปลี่ยนงานจากตอนแรกทำ Housekeeping เปลี่ยนมาทำงานในร้านอาหารในพิพิธภัณฑ์ค่ะ จากเรทเงิน 11.5 เป็น 8.5 ต่อชั่วโมง
· ลงเครื่องออกมาผ่าน ตม. รับกระเป๋าก็ติดต่อหาคนที่มารับ ว่าฉันจะต้องเปลี่ยนที่พัก เค้าก็ยินดีไปส่งให้โดยไม่คิดเงินเพิ่มค่ะ
· พอไปถึงที่พักตามที่อยู่ที่ระบุมา ก็ตกใจอีกรอบค่ะ เพราะที่อยู่ตามที่แจ้งไว้ปิด ปิดในที่นี่คือ ปิดคลุมผ้าไม่มีคนอยู่ค่ะ
· เราไม่รู้ต้องทำอะไรต่อ เลยเลือกไปพักที่โรงแรมเดิมตามที่จองไว้ตอนแรกค่ะ
– เดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ที่พัก เปิดเบอร์ โทรหานายจ้างแจ้งว่าถึงแล้ว
· ทาง agency ให้ J1sim card มาจากไทยแล้วค่ะทำให้เราไม่ต้องรอซิม (สำหรับคนที่ไม่ได้รับซิมนี้มาจากเอเจนซี่ที่ไทย สามารถสั่งให้มาส่งมาตามที่อยู่ที่เราพักได้ค่ะและซิมนี้ฟรีนะคะ ของเคลือข่าย T-Mobile ในส่วนค่าแพ็คเกจมี2แบบ $25 และ $40 โทรกลับไทยได้ไม่อั้นด้วยค่ะ ถ้าต้องซื้อซิมแบบเติมเงินใหม่ เราต้องจ่ายค่าซิมการ์ดเพิ่มนะคะ
· หลังจากนั้นเราก็โทรติดต่อนายจ้าง
– เมื่อนายจ้างมาหาเราที่ที่พักของเรา ก็แนะนำว่าต้องย้ายที่พัก
· นายจ้างมาแจ้งเรื่องการทำงานและการย้ายไปที่พักแห่งใหม่ ทำให้เราต้องเสียค่ามัดจำที่พัก2รอบ ที่พักที่แรกเค้าไม่คืนเงินมัดจำที่เราจ่ายไป(เศร้าใจจริง ๆ) สาเหตุที่พักเพราะที่พักที่ใหม่ นายจ้างสามารถให้คนมารับ-ส่งเราไปทำงานได้ค่ะ เราก็ประหยัดค่าเดินทางและประหยัดเวลาไปได้เยอะจริง ๆค่ะ
· ส่วนวันที่ย้ายออกจากที่พัก นายจ้างจะเอารถมาช่วยขนของไปที่พักใหม่ให้ค่ะ
· วันรุ่งขึ้นคือวันเริ่มงานวันแรก ต้องไป Orientation คือการเข้าไปดูสถานที่ทำงานและรับทราบกฎระเบียบ เวลาเข้าออกงาน และอื่น ๆ
– เริ่มงานวันแรก
· ไปเริ่มงานวันแรก 11 โมงเช้า ไปถึงก็ทำเอกสาร รับเสื้อ และเริ่มเทรานงานค่ะ
· เราได้ทำงานคิดเงินลูกค้า คือลูกค้าจะหยิบอาหารมา แล้วมาจ่ายเงินที่เราค่ะ มีหน้าที่จำชื่ออาหาร,คิดเงินลูกค้า,เติมขนม ตามชั้นต่าง ๆ ถ้าของหมด ซึ่งบอกเลยว่าสับสนสุดๆ ส่วนเพื่อนเราได้ทำงานในครัวค่ะ ล้างจานเก็บของ ช่วยเตรียมอาหารต่าง ๆ
- ทำงานไป 1 อาทิตย์ ก็มีเด็กจากประเทศอื่นมาทำงานด้วย
· มีเด็กจากประเทศอื่นมาทำงานด้วย เราทำมาอาทิตย์นึงแล้ว เลยต้องเป็นคนคอยช่วยค่ะ แต่ถ้าอันไหนไม่ได้จรงๆก็เรียกหัวหน้ามาช่วยค่ะ
- ที่ทำงานโดนสั่งปิด ทำงานไป 1อาทิตย์กับอีก 1 วัน
· นายจ้างบอกว่าที่ทำงานสั่งปิด ถึงวันที่ 29 มีนาคม
· นายจ้างให้ไปทำงานที่ร้านอาหารอีกร้านรอไปก่อน (สุดท้ายพอถึงวันที่ต้องไปทำร้านอาหารก็โดนสั่งปิดเช่นกัน)
· เราเลือกที่จะรอเพราะอีกประมาณแค่ 2 อาทิตย์เราคิดว่าเรารอได้
· เดินหางานตามที่ต่าง ๆ ตามร้านอาหารไทยและร้านสะดวกซื้อ (พี่ร้านอาหารไทยรับทำงานทำงานได้ 1 วันได้เงิน $60 แต่วันถัดมาร้านอาหารไทยก็โดนสั่งปิดเช่นกัน)
- US sponsor สั่งให้กลับไทยด่วน
· เราได้รับ e-mail จาก US sponsor ว่าให้กลับไทยด่วน ซึ่งตั๋วขากลับขาเรา เราต้องไปขึ้นเครื่องที่ LA ซึ่งตอนนั้นประกาศภาวะฉุกเฉินระดับไปแล้ว สถานการณ์ที่นั่นไม่ดีเลยค่ะ เราเลยไม่สามารถบินไปขึ้นที่ LA ได้ เรามี 2 ทางเลือกคือ รีฟันค่าเครื่องจากสายบินเดิม หรือ ควักเงินซื้อตั๋วใหม่ ซึ่งเราใช้เงินเก็บที่มี เพื่อจ่ายค่าโครงหมดแล้ว
· เราเลยปรึกษา agency ที่ไทย ว่าทำยังไงดี พี่เค้าก็บอกให้รอ แต่ต้องรักษาสุขภาพดี ๆทางพี่เค้าจะช่วยอีเมลล์ติดต่อทาง US sponsor ให้
· ตอนนั้นทางสถานทูตประกาศออกมาแล้วว่า ถ้าใครที่จะกลับไทยต้องมีเอกสารจากสถานทูตและใบรับรองแพทย์ ซึ่งในความรู้สึกเรา เราคิดว่าถ้ากลับไปน่าจะเสี่ยงกว่า จึงเลือกที่จะรอให้สถานการณ์ดีขึ้นก่อนค่อยกลับ เพราะใบรับรองแพทย์ก็ช่วยยืนยันอะไรไม่ได้เลยว่าทุกคนบนเครื่องปลอดเชื้อ ถ้าหากไปรับเชื้อเพิ่มระหว่างทางที่ไปขอใบรับรองแพทย์ล่ะ? หรือระหว่างนั่งรถแท็กซี่เพื่อไปสนามบิน และที่สนามบินเองก็เถอะ เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเราจะไม่รับเชื้อหลังจากได้เอกสารรับรองเหล่านี้ ใบรับรองแพทย์การันตีอะไรไม่ได้เลยในความรู้สึกของเรา ถ้าติดบนเครื่อง หรือระหว่างเปลี่ยนเครื่อง แล้วนำเชื้อกลับประเทศละ? เราเลยเลือกอยู่ก่อนค่ะ
– นายจ้างเอาเงินค่าแรงมาให้และแจ้งวันเลื่อนเปิดงาน
· นายจ้างเอาเงินที่เราทำงาน 9 วันมาให้ ประมาณ 10,000บาท รับเงินอาทิตย์แรกและอาทิตย์เดียวที่ทำงาน
· แจ้งวันว่าเปิดที่ทำงาน 1 พค. คือประมาณ 1 เดือนถัดไป
· เราเริ่มคิดเรื่องกลับไทย แต่ต้องขอเงินค่าตั๋วคืนจากายการบินเพื่อจองตั๋วกลับใหม่
· เราตัดสินใจขอความช่วยเหลือ จากพี่คนไทยใน Virginia และทุกคนใจดีมากกกกกกกกกกกกก
มีเพื่อนในกลุ่มเด็กเวิร์คแนะนำว่า มีพี่คนไทยคนนึง เคยรับน้อง ๆ ที่มาเวิร์คแอนด์ทราเวลเมื่อปีที่แล้ว ไปพักที่บ้าน เราเลยตัดสินใจทักพี่เค้าไป เพื่อขอคำแนะนำ และเล่าสถานการณ์ของเราให้พี่เค้าฟัง ตอนแรกนั้นคิดว่าจะขอรบกวนที่พักในช่วงที่เราหาทางกลับไทย แต่ยังไม่ทันได้ขอ พี่เค้าก็บอกมาว่าให้มาพักบ้านพี่ก็ได้ และแนะนำเพิ่มเติมว่าให้รอไปก่อนซัก 1 เดือน เดินทางตอนนี้อันตราย แล้วเรื่องรีฟันตั๋วช่วงนั้นก็ไม่ง่ายเลย พี่เค้าให้พักที่บ้านฟรี ไม่คิดเงิน เราอยู่ที่โรงแรมอีก 2 วัน พี่เค้าก็ขับรถมารับค่ะ
**** ก่อนจะย้ายมาอยู่บ้านพี่คนไทย ซึ่งอยู่ในเมือง Virginia เหมือนกันแต่ห่างจากเมืองที่ทำงาน 3 ชั่วโมง เราแจ้ง agency ที่ไทย และ แจ้งนายจ้างเรียบร้อย เพราะนายจ้างห่วงมากคอยส่งข้าวตลอด แต่ก่อนที่จะมานายจ้างมาหาแล้วบอกจะหาบ้านพักฟรีให้ ถ้าอยากรอทำงานให้เค้า เพราะเค้าก็ไม่อยากให้เราเสี่ยงเดินทางกลับไทยเช่นกัน แต่เราเลือกมาอยู่กับพี่อี๊ด ทัวร์บ้านพี่คนไทยที่มาอยู่ตอนนี้ค่ะ
มาถึงบ้านพี่อี๊ดวันที่ 29 มีนาคม สามีพี่อี๊ดใจดีมากพาขับรถดูรอบ ๆ และพาแวะซื้ออาหารและของใช้ก่อนเข้าบ้าน
***วันที่ 31 มีนาคม***เมือง Virginia ประกาศ Lockdown และให้ Stay at home ห้ามเดินทางออกนอกเขตเวอร์จิเนีย แต่สามารถออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตได้ตามปกติ ส่วนร้านอาหารและ Fast food เปิดให้สั่งแบบเอากลับบ้านได้เท่านั้น ช่วงที่อาศัยอยู่ที่บ้านพี่คนไทย เรามีกิจกรรมเยอะมาก หัดถ่ายวีดีโอ ช่วยเลี้ยงหมา ช่วยพี่เค้าความสะอาดบ้าน ช่วยทำสวน ซึ่งงานทำสวนนี่คือสนุกมากกกกกก ได้เห็นต้นไม้ดอกไม้ในเมืองนอก และวิถีชีวิตคนไทยในอเมริกาแบบใกล้ชิด ได้เรียนรู้การใช้ชีวิต และมารยาทสังคมจากครอบครัวพี่เจ้าของบ้านที่แทบจะเหมือนเป็นแม่เราเข้าไปทุกวันแล้วล่ะค่ะ เพราะทั้งใจดีและขี้บ่นเหมือนแม่เราเลย55555 อันหลังนี้พี่เค้าเติมให้นะคะ มาม่าหม้อไฟที่อร่อยที่สุดตั้งแต่มา USAคิดว่าตัวเองพยามสู้เหมือนกันนะคะและรวมถึงเด็ก Work คนอื่น ๆ ด้วย ตอนนี้ในกลุ่ม line มีเด็กที่อยู่ที่นี่รวมกันเกือบๆ 50 คน ไว้คอยปรึกษากันเรื่องต่าง ๆ เช่นเรื่องเอกสาร เรื่องกลับไทย ทุก ๆ เรื่อง ทำให้คลายเหงาไปบ้างค่ะ ต่างคนต่างแชร์ประสบการณ์กัน จะว่าเป็นประสบการณ์ครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ บางคนไปอยู่วัดไทย บางคนไปอยู่ตามบ้านพี่คนไทยในเมืองของตัวเอง บางคนนายจ้างให้อยู่ฟรีกินฟรีรองานเปิด น้ำใจของคนไทยที่นี่ยิ่งใหญ่มากจริง ๆ
ระกว่าที่เราอยู่ที่นี่ ครอบครัวที่ไทยก็เกรงใจพี่เจ้าของบ้านมาก เราโดนแม่ด่าทุกวันว่าให้ช่วยพี่เค้าทำงานนะ อย่าอยู่เฉยๆ แต่พี่อี๊ดก็สปอยเหลือเกิน 555555 ทั้งช่วยทำคลิป ช่วยทำอาหารให้กิน กินเสร็จจะไปเล่นเกมไปนอนไปทำอะไรก็ไป
เราอัพเดทเหตุการณ์และประสบการณ์ของเราประมาณนี้ก่อนนะคะ ใครอยากทราบเรื่องอื่นเพิ่ม เช่น ป.โท มาเวิร์คยังไง เรียนอะไร วีซ่าเป็นยังไง สามารถสอบถามหลังไมค์ได้นะคะ หวังว่าประสบการณ์ครั้งนี้ของเราจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะแยะเลยค่ะ ที่ไม่ได้เขียนแชร์ ถ้ามีโอกาสจะมาอับเดทนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคน รวมถึงตัวเราเองด้วย555555 ให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างบอบช้ำน้อยที่สุด เพราะคิดว่าทุกคนคงได้รับผลกระทบมากพอๆกัน
คลิป Timeline ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
***แก้ไขเมืองของรีโน่ค่ะ เป็นฝั่ง west