คุณคิด ว่า Food panda นั้นเอาเปรียบจริงๆหรอ หรือว่า ร้านอาหารกันแน่ที่ยังไม่ปรับตัว แสดงความคิดเห็นกัน

Food panda คนส่งได้อยู่ที่ เริ่มระดับแรก 37 บาท โดนหัก 3% เหลือ 35.89 บาท
 
นั่นแปลว่า Food panda ต้องจ่ายให้ คนขับ 35.89 บาท
 
ทีนี้มาดูมุมร้านอาหารบ้าง เฉลี่ย คนสั่งอาหารที่ 70 บาท Panda หักร้าน 30-35% ไม่รวม Vat 7 %
 
เท่ากับ Panda ได้รายได้ 21 บาท  แต่แพนด้าต้องจ่ายให้คนขับ 35.89บาท 
 
และต้องจ่าค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต สมมุติว่า 3%  = 2.1 บาท
 
เท่ากับ Panda ได้จริงๆ 21-35.89-2.1 = -16.99 บาท  (ขาดทุนซะงั้น แค่เริ่มก็ขาดทุนแล้ว)
 
และPandaมีโปรโมชั่นทั้งหลายแหล่ที่จัดโปรบ่อยๆ ยิ่งขาดทุนเข้าไปอีกใน Lavel 1
 
ยังไม่รวมค่าการตลาด ค่าพนังงานต่างๆ ค่า Server ( คนไม่เคยทำ ไม่รู้หรอกว่าการจะรองรับ Order แบบนี้ได้ คนนึกไม่ถึงหรอกค่า Server พุ่งถึงเป็นล้านต่อเดือนได้ ) และยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย
 
สรุปคือ เราได้ใช้ของฟรีจนชินหรือไม่ ? เวลาซื้ออุปกรณ์เครื่องครัว วัตถุดิบ แต่งบ้าน ซื้อรถหรูราคาแพงเว่อ ซื้อได้ ยิ่งพวกของ Fashion ต้นทุนต่ำกว่าอีกเยอะ แต่ยอมจ่าย อาจเพราะเรา Crack พวก Window ใช้ฟรีจนชินหรือเปล่าจนพอมันเป็น Software คุณก็บ่นแพงไว้ก่อน โดยไม่คิดถึงต้นทุนมันเลยว่า แรงงานที่ทำ เงินเดือนค่อนข้างแรงนะ รวมถึงการ Maintain ระบบค่าใช้จ่ายไม่น้อยนะ ไม่งั้นคนไม่ทำ facebook หรือ google กันทั่วแล้ว ถ้ามันถูกจริงๆหนะ 
สรุปคือ ร้านค้าที่ไม่เข้าใจ เห็นแก่ได้ หรือว่า  Food panda นั้นเห็นแก่ได้กันแน่ คิดดูให้ดี
 
** ค่าที่จ่ายให้คนขับนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด รู้สกแรกๆจ่ายให้ 60 บาทเลยมั้ง **
** ถ้าเกิดคิดว่าแพง เหตุใดไม่ลงทุนสร้าง ช่องทางตัวเอง ขายเองหละ คือทำธุรกิจ ไม่คิดจะยอมเสียเลย ถ้ารู้สึกค่าใช้จ่ายไม่ cover ก็ขึ้นราคาเสีย ไม่ใช่มัวแต่นั่งทำสงครามราคากัน สุดท้ายขายให้ตายก็ไม่โต ถ้าติดกับสงครามราคา**

ปล. รับรองได้ ไม่ได้เป็นพนักงาน Panda แต่แค่บางทีเห็นสังคมที่วิเคราะห์ผิดๆ ต้องออกมาชี้แจงให้ สุดท้าย ธุรกิจควรลงทุน แล้วก็คุ้นชินกับมัน เพราะโลกกำลังจะเปลี่ยนวิถีของธุรกิจ ไม่ใช่ว่า หั่นราคาจนไม่เหลืองบพัฒนาธุรกิจ แต่สามารถซื้อของมูลค่าเกินต้นทุนหลายเท่าได้โดยไม่บ่น

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มาดูของ GRAB กันบ้าง

GRAB นั้นก็หักพอๆกัน นั่นคือ 30-35 % ไม่รวม VAT 7%

สถานการณ์เดิม คนสั่ง Order เฉลี่ย 70 บาท 

( - )คนส่งได้ 4 กิโลเมตรแรก Grab จ่ายให้คนส่ง 40 บาท กิโลต่อไป กิโลละ 5 บาท 

สมมุติง่ายๆว่า คนสั่งขั้นต่ำสุดเลยละกัน 4 กิโลห่างจากร้าน 

( - ) Grab จ่ายค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต  2.1 บาท

( + ) Grab ได้จากการหักอาหาร 21 บาท 

(+ )Grab เก็บค่าส่งอาหารจากผู้สั่ง 10 บาท ( คิดบาทเริ่มต้นทั้งหมดจะได้ง่าย และชัด)

เท่ากับว่ารายได้เข้า Grab จริงๆ 21 + 10  - 40 -  2.1  =  - 11.1   ( ขาดทุดอีกแล้วเช่นกัน )

และเช่นเดิม ยังไม่รวมค่า Server ค่าพัฒนา App และระบบการจัดการต่างๆมากมาย ค่าพนักงาน ค่า Server ค่าบลาๆๆ อีกเพียบ

หากถามว่า ขาดทุนแล้วเขาทำไปทำไม ก็เพราะเราไม่มีนโยบายจัดการเรื่องการทุ่มตลาด แบบนี้เรียกว่าการทุ่มตลาดให้ติดก่อน
เมื่อติดแล้ว นั่นแหละของจริง ค่าส่งไม่ใช่เท่านี้แน่ 

จะอธิบายว่า ธุรกิจนี้เรียกว่า Marketplace ซึ่งทั่วโลก เขาก็เก็บกันเท่านี้แหละ 30 % ขึ้นไป แต่เขารู้ไงว่าไทย ไม่คุ้นชิน และชินกับของฟรี มานาน เขาเลยต้องใช้วิธีอัดเงินทุ่มตลาดเข้าไป ยิ่งพวก Lazada และ Shoppee นี่ยิ่งเผาใหญ่ เพราะ % เขายังไม่เก็บตามจริงเลย คุณคิดดูว่าเขาอยู่ได้ยังไง ขนาด Panda กับ Grab เก็บไป 30 % แม่จะอุดค่าส่ง แต่ไม่ make sense ที่เขาจะมาเก็บแค่ 5% 10% แน่นอน สุดท้ายยังไรก็มา 30 % ขึ้นไปตามกลไล
สำหรับธุรกิจที่ขี้เกียจทำช่องทางตัวเอง ก็ถือเป็นทางเลือก

แต่หลายธุรกิจก็เริ่มปรับตัว สร้างช่องทางตัวเองไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น web หรือ app ก็ตามแต่ หรือขายผ่าน chat (ถ้าออเดอร์ไม่เยอะ ยังไม่ได้จัดการมาก วิธีนี้ก็เหมาะ) และก็ขายผ่าน Marketplace ด้วย ไม่ได้ฝากชีวิตธุรกิจไว้ที่ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง บางคนเริ่มปรับตัวหนักๆ คือเอางบอัดโปรโมทช่องทางตัวเองเลยไม่ผ่าน Marketplace ก็มี

สุดท้ายแล้วจุดประสงค์กระทู้นี้คือ Clear เรื่องความเข้าใจว่า ณ state นี้ Grab หรือว่า Food panda เอาเปรียบ เขายังไม่ทันกำไรด้วยซ้ำ ขาดทุนต่อเนื่องมานาน เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค ดังนั้นคำถามที่ว่าไม่ได้กำไร ทำไปทำไม คิดว่าตอบไปน่าจะ Clear แล้ว 

แล้วก็หมั่นปรับโครงสร้างการตั้งราคาของเราให้เหมาะกับการเติบโตของธุรกิจ ไม่ใช่แค่ขายเอารอดไปวันๆ ถล่มราคาแบบนี้ คุณไม่เหลืองบเอาไปพัฒนาหรอก ( บางเจ้าเหลืองบ แต่เอาไปซื้ออุปกรณ์ต้นทุน 1000 ขาย 10000  หรือ ซื้อกระเป๋า Brandname ต้นทุน หลักพันขายหลักแสน ซื้อได้ แต่พอเป็น Software ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเพิ่มยอดขายของตัวเองแท้ๆ ดันไปว่าเขาเอาเปรียบ คิดให้ดีๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่