ชั่วฟ้าดินสลาย พร่ำเพ้อ ครวญใคร่ ถวิลหา รักกันชั่วฟ้าดินมลาย (ฉบับปี พ.ศ. 2498)

ชั่วฟ้าดินสลาย พร่ำเพ้อ ครวญใคร่ ถวิลหา รักกันชั่วฟ้าดินมลาย (ฉบับปี พ.ศ. 2498)

เพจ Thai Movie Posters

ชั่วฟ้าดินสลายเป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมรักสามเส้าระหว่างชาย 2 หญิง 1 ความรัก ความใคร่ ตัณหา อารมณ์ และความแค้น อารมณ์อันมีพลังอำนาจที่พร้อมจะขับเคลื่อนความคิด และการกระทำของมนุษย์ปุถุชนอย่างพวกเขาให้เป็นไปตามใจปรารถนาโดยละทิ้งซึ่งครรลอง หลากหลายอารมณ์ที่หลอมชีวิตผู้คนทั้ง 3 เข้าด้วยกัน จนท้ายที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างกลับบานปลายนำพาไปสู่การสูญสิ้นของทุกฝ่าย

"ส่างหม่อง" (ชนะ ศรีอุบล) หลานชายคนเดียวของนายห้าง "พะโป้" (เอม สุขเกษม) ชายสูงวัยเจ้าของป่าผืนใหญ่แห่งเมืองเชียงใหม่ ทว่าคราวนี้การเข้าไปทำธุระในเมืองหลวงของพะโป้จะไม่เหมือนเช่นอย่างเคย เพราะทางเจ้าตัวได้ส่งข่าวมาว่าเขาได้ตกแต่งกับสาวกรุงเทพฯ ชื่อเสียงเรียงนามว่า "ยุพดี" (งามตา ศุภพงษ์) คนที่คุ้มต่างตั้งตารอคอยการมาถึงของภรรยาเอกคนใหม่ของพะโป้ การมาถึงของพะโป้และยุพดีถูกต้อนรับอย่างเอิกเกริก ภายในค่ำคืนวันเดียวกัน ได้มีงานเลี้ยงต้อนรับเอกภรรยาใหม่อย่างสมฐานะ

ชีวิตรักของยุพดีและพะโป้คู่รักสามีภรรยาต่างวัยราบรื่นเป็นไปด้วยดี พะโป้ให้ความรักความเอ็นดูต่อภรรยาสาวคนนี้เป็นอย่างยิ่ง ส่วนยุพดีก็มีความสุขกับความรัก สิ่งสะดวกสบายที่พะโป้มอบให้เธอเช่นกัน เรื่องราวความรักของพะโป้และยุพดีเริ่มพิกลขึ้นก็เมื่อวันที่ยุพดี พะโป้ และส่างหม่องขี่ม้าเล่นเพื่อชมวิวทิวทัศน์ จนยุพดีเสียหลักพลัดตกจากม้า ส่างหม่องพบเข้าจึงเข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเธอ ร่างกายกำยำของบุรุษโอบอุ้ม สัมผัสร่างบอบบางของหญิงสาว พร้อมถ้อยคำต่อล้อต่อกระซิกที่ยุพดีส่งให้สางหม่อง เชื้อความรู้สึกเล็ก ๆ บางอย่างที่เคยไม่กระจ่างชัด เริ่มมีเค้าลางบางอย่าง

จากนั้นไม่นานนัก ส่างหม่องก็จำตัองเข้ามาคุยเรื่องงานกับทางพะโป้ ขณะที่เขากำลังสะสางงาน ยุพดีที่นั่งอยู่ภายในห้องเช่นกัน ได้บรรเลงเปียโนและร้องเพลงชั่วฟ้าดินสลาย เสียงเปียโนประสานกับเสียงร้องจับใจ เหนือเสียยิ่งกว่าความไพเราะของบทเพลง คือสิ่งที่บทเพลงชั่วฟ้าดินสลายรำพึงออกมา ความรักที่พร่ำเพ้อ ครวญใคร่ ถวิลหา รักกันชั่วฟ้าดินมลาย บทเพลงชวนหวานเลี่ยนทำเอาชายชาตรีอย่างสางหม่องถึงกับตกอยู่ภายในภวังค์ ความรู้สึกเล็ก ๆ เริ่มชัดแจ้งเป็นรูปเป็นร่าง ความรู้สึกบางอย่างอันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราวอันพิกล

https://thaibunterng.fandom.com/th/wiki

แม้ยุพดีจะเป็นคนร้องเพลงชั่วฟ้าดินสลายให้แก่ส่างหม่อง แต่กลับกลายเป็นเธอที่พร่ำเพ้อถึงเขาอยู่เสมอแทบทุกวันคืน แม้ยามอยู่กับพะโป้ผู้เป็นสามี กระทั่งวันที่สางหม่องป่วยไข้ จนต้องเรียกหมอเข้ามารักษา พะโป้ฝากการดูแลสางหม่องให้เป็นหน้าที่ของเธอ ยุพดีก็ดูแลส่างหม่องเป็นอย่างดี ครั้นวันหนึ่งที่ยุพดีดูแลเช็ดตัวส่างหม่องเช่นเคย สางหม่องพูดว่าเขานั้นเป็นหนี้บุญคุณเธอจนมิอาจจะตอบแทนได้ ยุพดีตอบกลับว่าคนเราชอบใช้สมองพูดมากกว่าหัวใจ ส่างหม่องฉงนพลันถามกลับถึงความหมายในสิ่งที่ยุพดีเอ่ยขึ้น ยุพดีจึงพูดว่าสักวันเขาจะเข้าใจหรือบางทีส่างหม่องอาจจะเข้าใจอยู่แล้ว แต่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจก็ได้ พูดจบยุพดีนำฝ่ามือจับไปที่แก้มซ้ายของส่างหม่อง วันนั้นทั้งสองจากกันด้วยเสียงหัวเราะขำขัน 

เพจ Thai Movie Posters

ตกกลางคืนส่างหม่องกลับนอนฝันถึงเขาและยุพดีที่ได้ครองรักกันโดยที่ถูกเห็นชอบโดยพะโป้ แต่ความฝันก็ยังคงเป็นความฝัน  สางหม่องตื่นจากความฝัน มองเหม่อไปทางนอกหน้าต่าง ทว่าพะโป้ชายหนุ่มผู้เป็นคนรักอันชอบธรรมของยุพดีก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าของเขาเพื่อถามไถ่ถึงอาการเจ็บไข้ การปรากฏตัวของพะโป้เหมือนเป็นสัญญาณให้เขากลับสู่โลกแห่งความจริง เช้าวันต่อมายุพดีมาเยี่ยมไข้ส่างหม่องเช่นเคย วันนี้ส่างหม่องมีท่าทีโต้ตอบกับยุพดีแปลกไป ทั้งที่หลายครั้งยุพดีมักเป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อน ทว่าครั้งนี้กลับกลายเป็นส่างหม่องที่เป็นฝ่ายเริ่ม ส่างหม่องบอกว่าเขานั้นเป็นผู้ชาย มิใช่เด็กหนุ่ม ยุพดีไม่เข้าใจว่าส่างหม่องเป็นอะไรไป กระนั้นส่างหม่องก็ยังพูดเช่นเดิท ว่าเขาเป็นชายหนุ่ม มิใช้เด็กน้อย เธอเป็นคนที่ทั้งสาวทั้งสวย ไม่ควรที่จะมาดูแลหรือลำบากกับเขาเช่นนี้ ยุพดีหัวเราะร่วนกับความบริสุทธิ์ของสางหม่อง ก่อนจากไปยุพดีบอกกับส่างหม่องว่าเขานั้นยังไม่รู้จักผู้หญิงดีพอ สางหม่องไม่พูดอะไร แต่เมื่อยุพดีเดินจากไป เขาก็เขินอายฟัดเหวี่ยงหมอนข้างเสียเต็มประดา

ขอขอบพระคุณภาพจากเจ้าของภาพเป็นอย่างสูง

เมื่อส่างหม่องหายจากอาการป่วยเป็นปกติ มีวันหนึ่งยุพดีได้เข้าป่าเพื่อไปเที่ยวเล่นตามประสา ทว่าพะโป้กลับเป็นห่วงยุพดีเป็นอย่างมากเนื่องจากกลัวภัยอันตราย ส่างหม่องก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ช่วยตามหายุพดี แต่แยกออกตามหาจากพะโป้ ตามหาไปไม่นานส่างหม่องก็พบกับยุพดีที่กำลังเล่นน้ำตาอย่างสบายใจ ยุพดีใช่เสน่ห์สาวบวกคารมยั่วยวนส่างหม่อง จนส่างหม่องละทิ้งศีลธรรม เขาบอกกับยุพดีว่าตนนั้นมิใช่แบบอย่างหรืออะไร หากมีอะไรเกิดขึ้นจงอย่ามาโทษเขาเสียแล้วกัน ภายในคืนนั้นยุพดีกับส่างหม่อง ทั้งสองมีความสุขกันอย่างสมอารมณ์ ละทิ้งคนข้างกายที่พร้อมจะเสียใจจากการกระทำของทั้งคู่

ส่างหม่องและยุพดีพยายามลักลอบคบหาอยู่เสมอเมื่อมีโอกาส แต่ความลับก็ไม่มีในโลก เรื่องราวการคบชู้ของทั้งสองก็เริ่มเป็นที่ล่วงรู้ระแคะระคายจากทั้งบรรดาคนรับใช้ที่บ้านหรือคนใกล้ตัวจนไปถึงหูพะโป้ กระทั่งวันหนึ่งที่นายพะโป้ตัดสินใจเข้ามาที่ลักลอบคบชู้ของทั้งสองเพื่อต้องการจับให้ได้คาหนังคาเขา ทว่าก่อนที่พะโป้จะเปิดประตูเข้ามา ก็พลันได้ยินคำที่ทั้งสองกล่าวไว้ต่อกันว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป จวบจนชั่วฟ้าดินสลาย แม้พะโป้จะล่วงรู้เรื่องราวบัดสีนี้เต็มสองตาก็ตาม แต่เขากลับไม่ทำอะไรทั้งส่างหม่องและยุพดี กลับกับพะโป้ทำตามที่ทั้งคู่เคยปรารภไว้ว่าจะอยู่ไปชั่วฟ้าดินสลายด้วยการที่นำโซ่ตรวนตรึงข้อมือของทั้งคู่ โดยมีข้อแม้ว่าห้ามออกไปนอกบังกะโลเป็นอันขาด ส่วนเรื่องที่จะทำอะไรก็เชิญแต่ตามสะดวก

เริ่มแรกส่างหม่องและยุพดีต่างก็มีความสุขสมที่สามารถแสดงความรักได้อย่างมิต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ แต่ยิ่งนานไปจากความรัก ความหวานเชื่อมก็เริ่มแปรผันเป็นความเบื่อหน่ายรำคาญที่ไม่สามารถทำอะไรได้โดยสะดวก เพราะติดโซ่ตรวน กลายเป็นว่าทั้งคู่เริ่มแตกหักกันเอง ฝ่ายส่างหม่องก็โทษว่าเป็นความผิดของยุพดีที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ส่วนฝ่ายยุพดีก็โมโหที่ส่างหม่องกล่าวโทษแต่เธอเพียงฝ่ายเดียว ก่อนที่จะบอกสางหม่องว่าเธอท้องลูกของเขา และแม้จะลำบากแค่ไหน แต่ตอนนี้ยุพดีก็ต้องการจะอยู่ต่อไปเพื่อลูก ทั้งสองทนความทรมานนี้ไม่ไหวจึงตัดสินใจเดินทางไปหาพะโป้เพื่อต้องการฆ่าตัวตาย ทว่าส่างหม่องยังไม่ต้องการตายจึงล้มเลิกไป เรื่องราวของทั้งคู่เป็นที่รู้กันดี จนแม้แต่คนใช้ยังอดทนไม่ได้ ต้องการหากุญแจเพื่อไปช่วยเหลือทั้งสอง แต่พะโป้ก็จับได้เสียก่อน ยุพดีเปิดเพลงชั่วฟ้าดินสลายพลันชวนสางหม่องฟังเพื่อรำลึกความหลัง ทว่าทั้งสองก็ทะเลาะกันอีกตามเคยจนต้องห้ามปราม 

https://thaibunterng.fandom.com/th/wiki

ท้ายที่สุดส่างหม่องกับยุพดีต่างตัดสินใจแน่วแน่ว่าหนทางที่จะจบเรื่องราวนี้ได้คือการตาย ส่างหม่องขอปืนกับทางพะโป้และเดินเข้าบังกะโลกันไปเพียง 2 คน ก่อนลั่นไก ส่างหม่องและยุพดีต่างพูดคุยอย่างประนีประนอมเช่นครั้งที่ทั้งสองเคยรักใคร่กัน ส่างหม่องไม่ต้องการให้ยุพดีจากไป ยุพดีก็เช่นกัน หากไม่มีสางหม่องเธอก็คงอยู่ไม่ได้ นอกจากชีวิตของเธอแล้วยังมีลูกในท้องที่ล้ำค่ายิ่ง แต่ขณะเดียวกันการตายก็ถือเป็นการกำเนิดใหม่ แม้จะไม่รู้ก็ตามว่าตัวของเรานั้นจะได้ไปอยู่ ณ แห่งหนใด 

"ปัง!"  เสียงไกปืนดังขึ้น ไม่นานเกินอึดใจ สางหม่องเดินออกมาพร้อมโอบอุ้มร่างไร้วิญญาณของยุพดี สางหม่องเดินออกจากคุ้มท่ามกลางสายตาของคนแถวนั้นนับหลายสิบคนที่ต่างจับจ้องจุดจบอันน่าพิกลปนสังเวชของคู่รัก พะโป้ก็เช่นกัน เขายืนจับจ้องสางหม่องเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ จนลิบตา ผู้คนละแวกนั้นที่ทนความใจร้ายของพะโป้ไม่ได้ก็หยิบก้อนหินก้อนเบ้อเร้อปาเข้ามาจนตกกระทบไปที่รูปภาพของพะโป้ พะโป้ตกใจเล็กน้อย เขาไม่พูดอะไร พลันเดินเข้ามาภายในห้องของตนเอง เห็นรูปของยุพดีและสางหม่อง หญิงสาวและหลานชายที่เขารักและเอ็นดูปานดวงใจ แม้จะทำร้ายให้ตายตกทั้งไป แต่ทว่าลึก ๆ แล้วพะโป้ยังคงรักทั้งคู่หรืออาจเป็นสำนึกความผิดชอบชั่วดีของคนที่ทำดีมาทั้งชีวิตก็เป็นได้กระมัง พะโป้จุดไฟเผาเสื้อผ้า กะให้ไฟไหม้ลามบ้านไปทั่วทั้งหลังเพื่อตายจากไป คนละแวกนั้นต่างพยายามวิ่งเข้ามาเพื่อช่วยเหลือพะโป้ แต่ทว่าไฟไหม้อย่างรุนแรง ส่งผลให้ไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ พะโป้สิ้นใจตายท่ามกลางกองเพลิง

 
https://thaibunterng.fandom.com/th/wiki

ฉากสุดท้ายส่างหม่องคงจะอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ห่างไกลจากคุ้มไกลแสนไกล ส่างหม่องมองไปที่ท้องฟ้าสีส้ม พบเห็นเงาของใครบางคน ใช่...นั่นคือยุพดี หญิงสาวที่เคยปรารถนาร่วมกันว่าจะอยู่ร่วมกับเขาจวบจนชั่วฟ้าดินสลาย ส่างหม่องเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปตามทางที่เขาเห็นยุพดีเดินไป พลันเรียกยุพดี ยุพดี ยุพดี และยุพดี เช่นคนเสียจริต

ด้วยรักชั่วฟ้าดินสลาย.

สวัสดี.

https://thaibunterng.fandom.com/th/wiki
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่