[หนูผีมีเรื่องเล่า]เมื่อแรงกรรมส่งข้าพเจ้ากลับมา...และ (ว่าที่) สามีในอดีตชาติยังติดบ่วงสัญญาดังเดิม...

สำหรับท่านใดที่ติดตามกระทู้นี้อยู่ สามารถติดตามภาคต่อไปได้ที่กระทู้ใหม่นะคะ
V
v
[หนูผีมีเรื่องเล่า] เมื่อข้าพเจ้ามีญาณโดยไม่ได้ตั้งใจ และสามีคนละภพก็ไม่ยอมไปไหนสักที...(บทสรุป)
Part 1

 
ไม่มีคำว่า ‘บังเอิญ’ ในทางศาสนาพุทธ
แรงใดเสมอเหมือนซึ่งแรงกรรมนั้นไม่มี...
 
สวัสดีโลกอันไม่คุ้นเคยและสังคมใหม่ของดิฉันค่ะ

ที่ต้องทักทายกันอย่างนี้เป็นเพราะว่าดิฉันไม่เคยเล่นเว็บบอร์ดนี้มาก่อน อย่างดีก็แค่ตามอ่านกระทู้ที่เขาๆ แชร์กันมาตามสื่อโซเชียลอื่นๆ บ้าง ไม่ได้เข้ามาเล่นจริงจัง เลยอาจจะติดๆ ขัดๆ ทำอะไรผิดพลาดบ้าง ก็ต้องขออภัยและขอคำแนะนำด้วยนะคะ

เกริ่นกันอีกนิดว่าหากต้องการเรียกแทนตัวดิฉัน สามารถเรียกว่า ‘หนูผี’ ได้ ไม่ใช่ชื่อเล่นหรือชื่อจริงอะไรทั้งนั้น เป็นนามปากกาอวตารเพื่อมาเล่าเรื่องลี้ลับโดยเฉพาะ ด้วยเหตุผลว่าอยากจะเล่าในสิ่งที่ตนเองอยากเล่าเท่านั้น เล่าแบบไม่ต้องประดิดประดอยคำหรือประโยคมาก เล่าโดยที่ไม่ต้องสวมหน้ากากรับบทเป็นอีกคนที่ใช้ชีวิตหลักๆ อยู่ในวงสังคม เล่าแบบเอาตามจริงๆ เนื้อๆ เน้นๆ ที่ได้เจอมา ไม่ได้เสริมเติมแต่งอะไรเข้าไปมาก เพราะตั้งใจจะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองด้วยความค่อนข้างสัตย์จริง และที่ต้องมาตั้งกระทู้เล่าเป็นเรื่องเป็นราวก็เป็นเพราะว่า ‘อยากค่ะ’ อยากมาหลายวันแล้ว มันรุ่มร้อน มันกระวนกระวาย อยากจะระบาย เล่าต่อให้คนอื่นได้รับทราบความกัน อาจจะต้องใช้เวลาในการพิมพ์บอกเล่าและอัปเดตสักหน่อยนะคะ 

ทั้งนี้ดิฉันไม่ขอยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ถือว่าอ่านเพื่อความบันเทิงไปนะคะ เพราะเรื่องนี้จะเล่าในภาษาสำนวนคล้ายๆ นิยายสักหน่อย เพื่อความเพลิดเพลินและอรรถรสในการอ่าน

เรื่องที่ดิฉันเขียนให้อ่านดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ได้ประสบพบเจอประมาณหนึ่งปีกว่าๆ ซึ่งได้รับการ ‘อนุญาต’ จาก ‘ผู้ที่อยู่กับดิฉัน’ แล้วเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นเรื่องราวต่อไปนี้หาใช่การลบหลู่ดูหมิ่นหรือลองของใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่เป็นการเล่าประสบการณ์ 

ต้องขอย้อนกลับไปเมื่อปีกว่าๆ ก่อนในช่วงปลายปีที่ดิฉันได้ย้ายสำมะโนครัวเข้าบ้านใหม่หลังแรกในชีวิตของมนุษย์ฟรีแลนซ์ค่ะ บ้านหลังนี้น่าแปลกมากที่ดิฉันซื้อจากการเลือกบ้านเลขที่ ก่อนที่จะได้ดูตัวบ้านจริงๆ ในตอนนั้นคิดเพียงแต่ว่าอยากได้บ้านที่มีเลขที่ซึ่งเป็นเลขถือเป็นเลขมงคลของตัวเอง (ได้มาจากการทึกทักเองด้วยค่ะ เช่น เกิดวันที่เก้า เลยทึกทักว่าเลขเก้า คือเลขมงคลของตัวเองอะไรแบบนั้น) จึงได้เลือกบ้านหลังนี้ไป และให้เซลล์พามาดูสถานที่จริงในภายหลัง

ซึ่งการซื้อบ้านหลังแรกในชีวิตนี้ก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่ากับการที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองหลังจากเช่าอยู่มาทั้งชีวิต ในตอนนั้น ทุกอย่างดูสวยหรูเหมือนกับฝันไปหมด เพราะดิฉันถือว่าตัวเองทำภารกิจใหญ่ในชีวิตได้สำเร็จ นั่นก็คือการรับพ่อแม่ที่เริ่มแก่เฒ่าลงทุกวันมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้

เราทั้งสี่คน พ่อ แม่ ลูก และแฟนของดิฉันที่เป็นคนต่างชาติ (ปัจจุบันเป็นแฟนเก่า แต่ยังอยู่บ้านหลังเดียวกันอยู่ ทว่าเป็นไปในสถานะเพื่อน เดี๋ยวจะเล่าแทรกทีหลังค่ะว่าเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร) ก็รอฤกษ์งามยามดี กระทั่งถึงวันที่ตั้งใจ ก็ยกพระ ยกองค์เทพที่บูชา ข้าวสาร น้ำ และของมงคลต่างๆ เข้าบ้าน พร้อมกับตกลงกันว่าวันนี้จะนอนค้างที่บ้านใหม่หลังนี้เป็นวันแรก แล้วจะค่อยจ้างรถให้ขนของจากบ้านเช่าหลังเก่ามาทีหลัง โดยที่ภายในบ้านวันนั้นมีโซฟาทรงตัวแอลตั้งอยู่ที่ห้องโถงรับแขกด้านหน้าของบ้านอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจกันว่าจะให้พ่อกับแม่นอนที่โซฟาข้างล่าง ส่วนตัวดิฉันกับแฟนในตอนนั้นก็เอาที่นอนปิกนิกยกขึ้นไปปูนอนที่ห้องมาสเตอร์ข้างบนแทน

ในคืนแรกของการนอนบ้านหลังใหม่ผ่านไปได้ด้วยดี อันที่จริงต้องบอกว่าดิฉันกับแฟนแทบไม่ได้นอนกันเลยมากกว่า เพราะเอาแต่พูดคุยกันจนถึงรุ่งสางแล้ว
ค่อยพากันเข้านอน กว่าจะตื่นอีกทีก็ตอนเที่ยง และพอลงมาข้างล่าง ก็ได้ความจากแม่ว่า...

”หนูๆ...เมื่อคืนนี้ ป๊ะถูกผีอำ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่